ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 71019
ตอบกลับ: 23
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม ราชบุรี

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2016-6-16 05:35

หลวงปู่หนู ฉินนกาโม   วัดทุ่งแหลม ราชบุรี





หลวงปู่หนู ฉินนกาโม แห่งวัดทุ่งแหลม
อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

เจ้าตำรับหนุมานเชิญธงอันลือลั่น




ชื่อเดิมว่า หนู เจริญวิทยา เกิดเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่หมู่ ๕ ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อ ?นายฮง? มารดาชื่อ ?นางบาง? จบชั้น ป.๔ โรงเรียนวัดหนองโพ แล้วช่วยบิดา-มารดาทำงานทางบ้าน จากนั้นได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ นักธรรมโท แล้วหันมาสนใจวิชาทางไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถา พุทธาคม จึงไปเรียนวิชาการต่าง ๆ กับ หลวงพ่อหลาบ วัดเนินตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนเชี่ยวชาญจึงไปเรียนกับ หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ อีก ๓ ปี กระทั่งอายุครบบวชในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงทำการอุปสมบทที่ วัดใหม่เจริญผลโดยมี หลวงพ่อปลิว เป็นพระอุปัช ฌาย์แล้วไปจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ หนึ่งพรรษาจึงไปเรียนวิชา พุทธาคมและวิปัสสนากับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จ.สุพรรณ บุรี จากนั้นก็ไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นคร ปฐม ซึ่งระหว่างเรียนวิชากับ

หลวงพ่อแช่ม ได้พบกับศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงพ่อแช่มที่มาเรียนด้วยคือ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นคร ปฐม จากนั้นจึงไปจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์เขาคร้อ จนคณะสงฆ์เห็นในศีลาจารวัตรของท่านเหมาะสม จึงนิมนต์ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดกระต่ายเต้น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อยู่ได้ไม่นานมีความเบื่อหน่ายกับการบริหารจัดการวัดร่วมกับกรรมการจึง ลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ระหว่างเป็นฆราวาสก็ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นเมื่อถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ จึงได้ตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดกุฎบางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมี พระครูเกษมสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเปรย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฉินนกาโม? ละไปจำพรรษาปฏิบัติธรรม ณ วัดไทยธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ๕ พรรษาจึงกลับมา วัดกุฎบางเค็ม ชาวบ้านทุ่งแหลมเลื่อมใสในศีลาจารวัตร จึงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่ วัดทุ่งแหลม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยได้ทำการพัฒนาวัดทุ่งแหลมจนเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา ระหว่างอยู่วัดทุ่งแหลมนี้เองมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามาก จึงได้สร้างมงคลวัตถุออกแจกจ่ายมากมายหลายรุ่นและมีประสบการณ์มากมาย

จวบจนถึง วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ จึงมรณภาพอย่างสงบ คงทิ้งไว้แต่อนุสรณ์แห่งความดีงามและมงคลวัตถุตลอดจนสังขารที่ไม่ เน่าเปื่อย ทางวัดได้ใส่หีบแก้วไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ผู้เลื่อม ใสศรัทธาต่อไป
(ขอขอบคุณข้อมูลจากนิตยสารลานโพธิ์).
-----------------------------------------------


เหรียญรุ่นแรกของท่านครับ มีประสบการณ์เป็นที่นิยมกันมากครับ เช่าหากันในราคาสูงพอสมควร

เล่าประสบการณ์
ระเบิด? นับเป็นอาวุธร้ายแรงในการ ทำลายล้าง? ที่กฎหมายในประเทศไทยระบุให้ใช้ได้เฉพาะ ?หน่วยงานราชการ? ที่มีภารกิจทำการปราบปรามผู้ก่อการร้ายหรือในยาม ?เกิดสงคราม? เท่านั้น เพราะฤทธิ์เดชของมันสามารถสร้าง ความ เสียหาย ให้กับทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งข้าวของในวงกว้าง หรือสรรพชีวิตของผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงให้ราบเรียบได้ ด้วยฝีมือแห่งประดิษฐกรรมทางวิทยาศาสตร์ แต่ในทางตรงกันข้ามฤทธิ์เดชของระเบิดที่แม้จะร้ายแรงปานใด ก็ไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ต่อผู้ที่มี ?พุทธบารมี? ได้อย่าง ?เหลือเชื่อ? ก็มีให้เห็นอยู่เสมอจึงนับเป็นเรื่อง ?เหนือลิขิต? ประกาศิตฟ้าดิน?? ดังปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังรายละเอียดที่จะนำเสนอต่อไปนี้


เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ มีครอบครัวของ ?อาสาสมัคร? รายหนึ่งคือ นายกู้เกียรติ บัวบาน ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน ๔ ชีวิตประกอบด้วย นายกู้เกียรติ ผู้เป็นสามีพร้อมทั้ง ภรรยา และ บุตรชายอีก ๒ คน ชื่อ ด.ช.สมเกียรติ และ ด.ช.เกียรติยศ มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านมะขามเอน ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ส่วน นายกู้เกียรติ ปกติมีอาชีพทำไร่และเป็น อาสาสมัครของรัฐบาล มีหน้าที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านจึงได้รับแจก อาวุธ ที่ใช้ในราชการสงคราม ซึ่งมีทั้ง ปืน และ ระเบิดสังหาร ไว้ใช้สำหรับการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เนื่องจากที่ อ.สวนผึ้ง นั้น มี ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ชุกชุม ซึ่งอาวุธเหล่านี้ยามเมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะเก็บไว้ที่บ้านตลอดเวลา


ใน วันเกิดเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องนี้ตรงกับวันพระ ๑๕ ค่ำ นายกู้เกียรติ และภรรยาได้ไปทำบุญที่ วัดทุ่งแหลม ตั้งแต่เช้าโดยปล่อยให้ ?บุตรชายทั้งสอง? ทำหน้าที่เฝ้าบ้านกระทั่งเวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น. ผู้คนที่มาทำบุญในวัดต่างได้ยินเสียงคล้าย ?เสียงระเบิด? ดัง สนั่นขึ้นเพราะ วัดทุ่งแหลม อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านและชั่วครู่ต่อมาก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยสีหน้า ตื่น ๆ พร้อมร้องบอก นายกู้เกียรติ ว่าที่บ้านเกิดระเบิดขึ้นและเห็นลูกชายของนายกู้เกียรติ นอนจมกองเลือดทั้งสองคน

ได้ยินเช่นนั้น นายกู้เกียรติ และภรรยารีบซ้อนรถมอ เตอร์ไซค์ของผู้ที่มาบอกข่าวตะบึงกลับบ้านทันที เมื่อถึงบ้านจึงได้เห็นสภาพของลูกชายทั้งสองที่ทำให้ทั้งนาย กู้เกียรติและภรรยา แทบจะเป็นลม เพราะเด็กชายทั้งสองสลบไม่ได้สติจากแรงระเบิด นายกู้เกียรติ รีบนำบุตรชายขึ้นรถไป โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งพอหมอและพยาบาลของโรงพยาบาลเห็นสภาพลูกชายทั้งสองของ นายกู้เกียรติ แล้ว กลับไม่ยอมรับตัวไว้รักษาเพราะเกรงจะช่วยเด็กไม่ได้ เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมที่จะรักษานั่นเองโดยแนะนำให้ส่งไป ที่ โรงพยาบาล ในตัวเมือง จังหวัดราชบุรี

นายกู้เกียรติ ไม่รอช้ารีบบึ่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดราชบุรี ซึ่งพอไปถึงหมอรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเป็นขณะที่ เด็กทั้งสอง เริ่มรู้สึกตัวแล้วแต่ยังคงร้องโอดโอยอย่างคนที่อยู่ในอาการเจ็บปวดเพราะพิษ สะเก็ดระเบิด ที่ฝังอยู่ตามร่างกายเพราะหลายคนที่เห็นสภาพของเด็กแล้วต่างระบุว่า อาการของเด็กคงหนักมากและอาจไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ แต่หลังจากหมอได้ทำการ ชำระล้างบาดแผล เพื่อหา สะเก็ดระเบิด ปรากฏว่ามีสะเก็ดระเบิดตามร่างกายน้อยมาก สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก และหลังจากนำสะเก็ดระเบิดออกพร้อมใส่ยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งคู่ก็แทบจะไม่มีอาการอย่างใดเลย มีอาการเจ็บปวดก็เพราะบาดแผลระบมเท่านั้นเอง หมอจึงอนุญาตให้นำเด็กกลับบ้านได้

หลังจากกลับถึงบ้านและได้นอนพัก เป็นเวลาเกือบค่อนวัน เด็กทั้งคู่จึงบอกเล่าเหตุการณ์ให้ นาย กู้เกียรติ ผู้พ่อฟังว่า ?นำลูกระเบิดมาแกะเล่น? จึงทำให้เกิดระเบิดขึ้นและแรงระเบิดก็ทำความเสียหายให้ตัวบ้านไม่น้อย แต่เด็กทั้งคู่กลับมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด เพียง ?เล็กน้อย? เท่านั้น เมื่อเหตุกลับเป็นเช่นนี้ นาย กู้เกียรติ จึงเชื่อว่าเป็นเพราะ ?พุทธบารมี? ของ ?เหรียญหลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม รุ่น ๗? แน่นอน เนื่องจากเด็กทั้งคู่ต่างแขวนไว้ในคอคนละเหรียญ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เวปไซต์สยามอมูเลทดอทคอมครับผม


เหรียญนี้ของผมเองครับ คุณยายให้มาตอนก่อนจะจบม.6 เลยอารธนาท่านไปเขาชนไก่มาด้วย  :095:
เป็นรุ่นฉลองอายุตอนท่านมีอายุ 89 ปีครับ ตอกโค้ดเอาไว้ด้วย


ด้านหลังครับ เป็นหนุมานเชิญธง หนุมานแบบนี้มีใช้กันแทบทุกสำนักครับ เพราะเป็นหนุมานในตำราพิชัยสงคราม(เป็นหนุมานที่หลวงปู่หนูท่านสักให้ศิษย์ที่สีข้างครับ)
มีชื่อเรียกต่างกันออกไปบางที่ก็เรียกเป็นหนุมานตัวห้า ก็มีครับ แต่ของหลวงปู่หนูท่านเรียกว่าเป็นหนุมานเชิญธงเฉยๆครับ




เหรียญของหลวงปู่ท่านมีที่เล่นหากันในราคาสูงไม่กี่รุ่นครับ ส่วนมากจะเป็นรุ่นแรกๆ
แต่รุ่นหลังๆจะไม่ค่อยแพงครับ ถือว่าเป็นของดีราคาถูกเพราะส่วนมากจะทันท่านเสกหมดครับ
เจอที่ไหนก็อย่าพลาดกันนะครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=9093.0;wap2

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-16 05:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


“เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ฉบับประจำวันเสาร์ที่ ๒๒ สิงหาคมนี้ ขอนำท่านผู้อ่านพบกับ หลวงปู่หนู ฉินนกาโม เจ้าตำรับหนุมานเชิญธงแห่งเมืองโอ่ง เหรียญของท่านมีพุทธคุณสูงเป็นที่เล่าขานกันปากต่อปากมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพันชาตรี และสยบ “ระเบิด”

ประวัติหลวงปู่หนู ฉินนะกาโม วัดทุ่งแหลม
หลวงปู่หนู ฉินนกาโม มีนามเดิมว่า หนู เจริญวิทยา เกิดเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่ หมู่ ๕ ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อนายฮง มารดาชื่อนางบาง จบชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดหนองโพ แล้วช่วยบิดา-มารดาทำงานทางบ้าน จากนั้นได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ นักธรรมโท ขณะบวชเป็นสามเณร ท่านได้สนใจศึกษาวิชาทางไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถาพุทธาคมต่าง ๆ จึงไปเรียนกับ หลวงพ่อหลาบ วัดเนินตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนเชี่ยวชาญจากนั้นได้ไปเรียนกับ หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ อีก ๓ ปี กระทั่งอายุครบบวชในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงทำการอุปสมบทที่วัดใหม่เจริญผล โดยมี หลวงพ่อปลิว เป็นพระอุปัชฌาย์แล้วไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ หนึ่งพรรษาจึงไปเรียนวิชาพุทธาคม และวิปัสสนากับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จ.สุพรรณบุรี

จากนั้นได้ไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง และหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม ซึ่งระหว่างเรียนวิชากับ “หลวงพ่อแช่ม” นั้นท่านได้พบกับศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงพ่อแช่มที่มาเรียนด้วย คือ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม จากนั้นจึงไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ จนคณะสงฆ์เห็นในศีลาจารวัตรของท่านเหมาะสมจึงนิมนต์ให้ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดกระต่ายเต้น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี แต่อยู่ได้ไม่นานเกิดความเบื่อหน่ายกับการบริหารจัดการวัดร่วมกับกรรมการจึงขอลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ซึ่งระหว่างเป็นฆราวาสอยู่นั้นก็ยังคงปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาเมื่อถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดกุฎบางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมีพระครูเกษมสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเปรย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฉินนกาโม” และไปจำพรรษาปฏิบัติธรรม ณ วัดไทยธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ๕ พรรษาจึงกลับมาวัดกุฎบางเค็ม ชาวบ้านทุ่งแหลม เลื่อมใสในศีลาจารวัตรจึงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดทุ่งแหลม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยได้ทำการพัฒนาวัดทุ่งแหลมจนเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา

ระหว่างอยู่วัดทุ่งแหลมนี้เองมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก ท่านจึงได้สร้างมงคลวัตถุออกแจกจ่ายแก่ประชาชน และศิษยานุศิษย์มากมายหลายรุ่น ซึ่งก็มีประสบการณ์มากมาย จวบจนกระทั่งถึงวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ ท่านจึงละสังขารมรณภาพอย่างสงบ คงทิ้งไว้แต่อนุสรณ์แห่งความดีงามและมงคลวัตถุตลอดจนสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย ซึ่งทางวัดได้ใส่หีบแก้วไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ศิษยานุศิษย์ผู้เลื่อมใส ศรัทธาต่อไป

เหรียญหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม รุ่นสุดท้าย,รุ่นแจกแม่ครัว และรุ่นคทาไขว้
เหรียญหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม รุ่นสุดท้าย,รุ่นแจกแม่ครัว และรุ่นคทาไขว้

เหรียญของหลวงปู่ที่เล่นหากันในราคาสูงมีอยู่ไม่กี่รุ่น ส่วนมากจะเป็นรุ่นแรก ๆ ส่วนรุ่นหลัง ๆ จะไม่ค่อยแพง พระเครื่องของท่านจึงถือว่าเป็นของดีราคาถูกเพราะส่วนมากจะทันท่านเสกหมด ปัจจุบันยังพอหาได้ นอกจากมงคลวัตถุของท่านจะศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์มากมายแล้ว ตัวท่านยังมีชื่อเสียงในด้านการสักอักขระเลขยันต์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทหารแถบกาญจนบุรีและราชบุรี เมื่อสมัย ๓๐-๔๐ ปีที่แล้ว ล้วนเป็นศิษย์หลวงปู่หนูมากมาย โดยเฉพาะยันต์หนุมานเชิญธงถือว่าหลวงปู่เป็นเจ้าตำรับ หลังจากสิ้นหลวงปู่หนูแล้ว พระครูดัด เจ้าอาวาสรูปต่อมาท่านได้รับวิชานี้ไว้ แต่ไม่ได้ลงมือสักเอง ได้ให้ฆราวาสท่านหนึ่งเป็นผู้ลงเข็มสักให้ ส่วนท่านจะเป่าครอบเอง ต่อมาอาจารย์ฆราวาสท่านนั้นก็ได้วางเข็มไปในที่สุด

เหรียญหลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดทุ่งแหลม
เหรียญหลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดทุ่งแหลม

ในส่วนของประสบการณ์จากมงคลวัตถุของท่านที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากและร่ำลือกันมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่บอกแต่ต้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแคล้วคลาดจากภยันตรายภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง และคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านระเบิด “ระเบิด” นับเป็นอาวุธร้ายแรงที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าอาวุธชนิดใด ๆ เพราะฤทธิ์เดชของมันสามารถสร้างความเสียหายให้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในวง กว้าง แม้แต่ชีวิตผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็แหลกเหลวราพณาสูรได้ด้วยอานุภาพ ของมัน แต่แม้ฤทธิ์เดชของระเบิดจะร้ายแรงปานใด บางครั้งก็ไม่อาจสามารถทำอันตรายใด ๆ ต่อผู้ที่มี “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ได้ ซึ่ง ก็มีให้เห็นอยู่เสมอ นับเป็นเรื่อง “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่น เมื่อปี พ.ศ. 2524 มีครอบครัวของอาสาสมัคร รายหนึ่งคือ นายกู้เกียรติ บัวบาน ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ชีวิตประกอบด้วย นายกู้เกียรติ ผู้เป็นสามีพร้อมทั้งภรรยา และบุตรชายอีก 2 คน ชื่อ ด.ช.สมเกียรติ และ ด.ช.เกียรติยศ มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านมะขามเอน ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

นายกู้เกียรติ ปกติมีอาชีพทำไร่และเป็นอาสาสมัครของรัฐบาล มีหน้าที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านจึงได้รับแจกอาวุธที่ใช้ในราชการสงคราม ซึ่งมีทั้ง ปืน และ ระเบิดสังหาร ไว้ใช้สำหรับการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เนื่องจากที่ อ.สวนผึ้ง ในสมัยนั้น มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมมาก ซึ่งอาวุธเหล่านี้ยามเมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะเก็บไว้ที่บ้านตลอดเวลา ในวันเกิดเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องนี้ตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ นายกู้เกียรติ และภรรยาได้ไปทำบุญที่ วัดทุ่งแหลม ตั้งแต่เช้าโดยปล่อยให้บุตรชายทั้งสองทำหน้าที่เฝ้าบ้านกระทั่งเวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น. ผู้คนที่มาทำบุญในวัดต่างได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นขึ้นเพราะวัดทุ่งแหลมอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน

ครู่ต่อมาก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยสีหน้าตื่น ๆ พร้อมร้องบอกนายกู้เกียรติ ว่าที่บ้านเกิดระเบิดขึ้นและเห็นลูกชายของนายกู้เกียรตินอนจมกองเลือดทั้งสองคน ได้ยินเช่นนั้นนายกู้เกียรติและภรรยารีบซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ที่มาบอก ข่าวตะบึงกลับบ้านทันที เมื่อถึงบ้านจึงได้เห็นสภาพของลูกชายทั้งสอง ที่ทำให้ทั้งนายกู้เกียรติและภรรยา แทบจะเป็นลม เพราะเด็กชายทั้งสองสลบไม่ได้สติจากแรงระเบิด นายกู้เกียรติ รีบนำบุตรชายขึ้นรถไปโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งพอหมอและพยาบาลของโรงพยาบาลเห็นสภาพลูกชายทั้งสองของนายกู้เกียรติแล้ว กลับไม่ยอมรับตัวไว้รักษาเพราะเกรงจะช่วยเด็กไม่ได้ เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมที่จะรักษานั่นเอง จึงแนะนำให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองจังหวัดราชบุรี

นายกู้เกียรติ ไม่รอช้ารีบบึ่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดราชบุรี ซึ่งพอไปถึงหมอรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเป็นขณะที่เด็กทั้งสองเริ่มรู้สึกตัว แล้วแต่ยังคงร้องโอดโอยอย่างคนที่อยู่ในอาการเจ็บปวดเพราะพิษสะเก็ดระเบิด ที่ฝังอยู่ตามร่างกาย เพราะหลายคนที่เห็นสภาพของเด็กแล้วต่างระบุว่า อาการของเด็กคงหนักมากและอาจไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ แต่หลังจากหมอได้ทำการชำระล้างบาดแผล เพื่อหาสะเก็ดระเบิด ปรากฏว่ามีสะเก็ดระเบิดตามร่างกายน้อยมาก สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก และหลังจากนำสะเก็ดระเบิดออกพร้อมใส่ยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งคู่ก็แทบจะไม่มีอาการอย่างใดเลย มีอาการเจ็บปวดก็เพราะบาดแผลระบมเท่านั้นเอง หมอจึงอนุญาตให้นำเด็กกลับบ้านได้ หลังจากกลับถึงบ้านและได้นอนพักเป็นเวลาเกือบค่อนวัน เด็กทั้งคู่จึงบอกเล่าเหตุการณ์ให้นายกู้เกียรติ ผู้พ่อฟังว่า นำลูกระเบิดมาแกะเล่นจึงทำให้เกิดระเบิดขึ้น และแรงระเบิดก็ทำความเสียหายให้ตัวบ้านไม่น้อย แต่เด็กทั้งคู่กลับมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเหตุกลับเป็นเช่นนี้นายกู้เกียรติ จึงเชื่อว่าเป็นเพราะ “พุทธบารมี” ของ “เหรียญหลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม” อย่างแน่นอน เพราะทั้งคู่ต่างแขวนคอไว้คนละเหรียญ.

อาราธนานัง-รายงาน
ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newstartp...ontentId=15483
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-16 05:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-16 05:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


หลวงปู่หนูเข้าเฝ้าถวายเหรียญรุ่นแรก เนื้อสำริด แด่ในหลวง สองครั้ง
                                                                ครั้งแรก

วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรบ้านคา ณ ที่ทำการเก่าของหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ กรป.กลาง บก.ทหารสูงสุด และเสด็จฯ ฝายน้ำล้นบ้านโป่งกระทิงล่าง ตำบลบ้านบึง
ครั้งที่สอง วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๒๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรและชุดคุ้มครองหมู่บ้าน (ชคบ.) บ้านโป่งกระทิงล่าง

หลวงปู่หนู ฉินนกาโม? ชื่อเดิมว่า ?หนู เจริญวิทยา? เกิดเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่หมู่ ๕ ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อ ?นายฮง? มารดาชื่อ ?นางบาง? จบชั้น ป.๔ โรงเรียนวัดหนองโพ แล้วช่วยบิดา-มารดาทำงานทางบ้าน จากนั้นได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ นักธรรมโท แล้วหันมาสนใจวิชาทางไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถา ...
พุทธาคม จึงไปเรียนวิชาการต่าง ๆ กับ หลวงพ่อหลาบ วัดเนินตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนเชี่ยวชาญจึงไปเรียนกับ หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ อีก ๓ ปี กระทั่งอายุครบบวชในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงทำการอุปสมบทที่ วัดใหม่เจริญผลโดยมี หลวงพ่อปลิว เป็นพระอุปัช ฌาย์แล้วไปจำพรรษาที่ สำนักคร้อ หนึ่งพรรษาจึงไปเรียนวิชา พุทธาคมและวิปัสสนากับ ?หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน? จ.สุพรรณ บุรี จากนั้นก็ไปเรียนวิชากับ ?หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นคร ปฐม? ซึ่งระหว่างเรียนวิชากับ ?หลวงพ่อแช่ม? ได้พบกับศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงพ่อแช่มที่มาเรียนด้วยคือ ?หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม? จ.นคร ปฐม จากนั้นจึงไปจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์เขาคร้อ จนคณะสงฆ์เห็นในศีลาจารวัตรของท่านเหมาะสม จึงนิมนต์ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดกระต่ายเต้น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อยู่ได้ไม่นานมีความเบื่อหน่ายกับการบริหารจัดการวัดร่วมกับกรรมการจึง ลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ระหว่างเป็นฆราวาสก็ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นเมื่อถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ จึงได้ตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดกุฎบางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมี พระครูเกษมสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเปรย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ?ฉินนกาโม? ละไปจำพรรษาปฏิบัติธรรม ณ วัดไทยธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ๕ พรรษาจึงกลับมา วัดกุฎบางเค็ม ชาวบ้านทุ่งแหลมเลื่อมใสในศีลาจารวัตร จึงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่ วัดทุ่งแหลม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยได้ทำการพัฒนาวัดทุ่งแหลมจนเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา ระหว่างอยู่วัดทุ่งแหลมนี้เองมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามาก จึงได้สร้างมงคลวัตถุออกแจกจ่ายมากมายหลายรุ่นและมีประสบการณ์มากมาย


เหรียญรุ่นแรก เนื้อสำริด สร้าง 99 เหรียญ



เหรียญรุ่นแรก เนื้อทองแดง สร้าง 3,000 เหรียญ



รุ่น 2



รุ่น 3 จงอางศึก ปี2521  ยังไม่มีตัวอย่างไห้ชม

รุ่น 4 หนุมาน บาง โค๊ด ตัว พ


รุ่นเสาร์ ๕   ปี 2523



รุ่น 5  โค๊ต ดอกจันทร์ และ อายุ

  

รุ่น    พิเศษ ช่างก่อสร้าง อุเทนถวาย สร้างถวาย



รุ่น 6 ยกช่อฟ้า



รุ่น 7 คทาไขว้  ช1รอ



รุ่น 8 สร้างศาลา



รุ่น พิเศษ ศิษย์สร้าง ออกที่วัดด่านทับตะโก



รุ่น 9  ตอกโค๊ต อายุ 89  



รุ่น 10 กะไหล่เงิน ออกช่วยงานวัดศรีชมพู โค๊ตนะ



รุ่น 10 กะไหล่ ทอง ออกช่วยงานวัดใหญ่อ่างทอง โค๊ตนะ



เหรียญ เสริม รุ่น 10  มีทั้งกะไหล่เงิน ทอง และ รมดำ



รุ่น 10 ไม่มีกะไหล่ ออก ที่วัดทุ่งแหลม



เหรียญ รุ่นพิเศษ กระทรวงอุตสาหกรรมสร้างถวาย เหรียญ หลังพระนาราย



เหรียญแจกแม่ครัว ปี 23  รุ่นฟ้าผ่า



เหรียญแจก แม่ครัว ปี 26



เหรียญแจกแม่ครัวรุ่นหน้าตรง ปี 28 ตอกโค๊ต หนู



รูปเหมือน รุ่นแรก นั่งปรก หลังหนุมาน  เนื้อนวะ





การปลุกเสกวัตถุมงคล ของหลวงปู่หนู บางครั้ง ท่านจะยกบาตร ซึ่งเต็มไปด้วยเหรียญ แต่ละรุ่น ที่ ท่านสร้าง หรือ ศิษย์สร้างถวายลงไปปลุกเสก ใต้ลำน้ำลำภาชี ข้างวัด ในเวลายามดึกๆ ของคืนที่ ฤกษ์ยามดี หายลงไปในน้ำ พักไหย่ๆ ก็ขึ้นมาจากลำน้ำ โดยจีวรไม่เปียกน้ำเช้ามา ท่านจะเรียก ลูกศิษย์ ที่ไกล้ชิดเข้ามาหาในกุฎิ ตรงหน้าท่าน มีบาตรบรรจุเหรียญ เต็มไปด้วยน้ำท่านสั่งไห้ไปหยิบบาตรเปล่า มาวาง ไว้ตรงหน้าบาตรลูกนั้น แล้วนั่งสมาธิเสกเหรียญ จนเหรียญในบาตรน้ำ กระโดดลงบาตรแห้งกระโดดได้เหมือนลิง เหมือนหนุมาน มีชีวิตได้จริง นี่เปนหนึ่งปาฎิหารย์ ของ หลวงปู่หนู


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-16 05:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สาธุสวยงามครับ
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-17 05:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2016-6-16 22:36
สาธุสวยงามครับ




คมกริบเลยครับ
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-8 06:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้