ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 12339
ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู จังหวัดลพบุรี

[คัดลอกลิงก์]
หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู จังหวัดลพบุรี


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 01:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู จังหวัดลพบุรี

โดยวิถีชีวิตของ หลวงปู่จันทร์ ก่อนที่จะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์นั้น คล้ายกับ หลวงพ่อหรุ่น "เก้ายอด" วัดอัมพวัน คือ เคยเป็นโจรหรือเสือมาก่อน
แต่แล้วเกิดสำนึกบาปและเหนื่อยหน่ายกับชีวิตเพศฆราวาส จึงตัดสินใจออกบวช จนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังเป็น "ยอดพระเกจิ" และมรณภาพ คาผ้าเหลืองในที่สุด เช่น เดียวกับหลวงพ่อหรุ่น
ก่อนจะกล่าวถึงประวัติของท่าน ขอนำเสนอความเป็นมาของวัดนางหนูให้ทราบกันพอสังเขป
วัดนางหนู ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำลพบุรี ด้านทิศตะวันออก เป็นอาณาเขาของหมู่ 8 ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีผู้เล่าสืบต่อกันมาว่า ยายหนู หรือ นางหนู เศรษฐินี เป็นผู้สร้าง จึงมีชื่อวัดมาแต่โบราณว่า "วัดนางหนู" ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ ได้มีการสังคายนาชื่อวัดให้ถูกต้องตามทำเนียบสงฆ์ วัดนางหนู จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดมุกสิกกาวาส"

โดยประวัติของ หลวงปู่จันทร์ เป็นชาวลพบุรีโดยกำเนิด เดิมชื่อ "จัน" หรือ "จันทร์" เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2395 ที่บ้านบางพุทโธ ตำบลตลุง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ไม่ปรากฎว่าบิดามารดามีชื่อเสียง เรียงนามอย่างไร
อุปนิสัยเป็นคนพูดจริงทำจริง และเจ้าชู้ด้วยความเจ้าชู้ของท่านในวัยหนุ่ม ทำให้ท่านชนะใจสาวงามแห่งบางพุทโธ สองสาวงามเป็นพี่น้องกัน คนพี่ชื่อนางสิน ส่วนคนน้องชื่อนางทรัพย์
กล่าวกันว่า ท่านร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆจากปู่ ซึ่งเป็นฆราวาสจอมขมังเวช อีกทั้งนิยมชมชอบการกินว่าน และอาบว่าน เพื่อให้ผิวกายคงทนต่อศาสตราวุธต่างๆ หรืออยู่ยงคงกระพันชาตรีนั้นเอง
บ้างก็ว่า ท่านเคยบวชที่วัดหลวงสุวรรณาราม หนึ่งพรรษาแล้วสึกออกมาประกอบอาชีพและเผชิญภัยต้องคดีแล้วกลับมาบวชใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่บ้างก็ว่าท่านก่อคดีฆ่าคนตายจนต้องหลบหนีอาญา บ้านเมืองไปก่อนที่จะกลับใจมาบวช
โดยระหว่างที่ท่านยังหลบหนีคดีอยู่นั้น ท่านได้ไปร่ำเรียนวิชาอาคมจากพระเกจิอาจารย์ต่างๆ หากแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นท่านใดบ้าง มีบางท่านกล่าวว่า ท่านร่ำเรียนจาก หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จังหวัดอยุธยา
ด้วยความเป็นคนมีความสนใจเกี่ยวกับไสยเวทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านจึงดั้นด้นไปฝากตัวเป็นศิษย์สำนักต่างๆจนกระทั่งมีความสำนึกในบาปที่กระทำลงไป จึงตัดสินใจออกบวชเมื่อวัยกลางคน
หลวงปู่จันทร์ เข้าอุปสมบท ณ วัดบัว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดนางหนู โดยมี พระสังฆภารวาหะมุนี (เนียม) วัดเสาธงทอง พระเกจิชื่อดังในยุคนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ได้นามฉายาว่า "จันทโชติ"
และจำพรรษาอยู่ ณ วัดบัว จนต่อมาเห็นว่าสภาพวัดนางหนู ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามชำรุด ทรุดโทรมมากเกือบจะร้างก็ว่าได้ และไม่มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาอยู่เลย ท่านจึงได้ย้ายไปพำนักอยู่ที่วัดนางหนู
ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ ตลอดจนเสนาสนะต่างๆ จนมีความถาวรเป็นปึกแผ่นขึ้นมา
เมื่อท่านมาอยู่วัดนางหนู ท่านได้สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังหลายอย่างแจก แก่ลูกศิษย์ลูกหาที่สละแรงกาย และกำลังทรัพย์ในการปฏิสังขรณ์วัด เป็นการตอบแทนน้ำใจแก่สาธุชนทั้งหลาย
หลังจากนั้นท่านได้รับตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาส วัดนางหนู และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลางในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้มีอาคมเข้มขลัง
จากชื่อเสียงที่ดังกระฉ่อนนี่เอง ทำให้ท่านได้รับเกรียรตินิมนต์เข้านั่งปรกในพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธ เมื่อปี พ.ศ. 2481 และเป็นหนี่งในพระเกจิ 108 ที่ปลุกเสกพระพุทธชินราช รุ่นอินโดจีน วัดสุทัศน์ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2485



ข้อมูลประวัติ

เกิด    ปีพ.ศ.2393          เป็นชาวบ้านบางพุทโธ อ.เมือง ลพบุรี เป็นบุตรของ นายเดิม   นางจันทร์  สุดสาย
อุปสมบท              ณ วัดบัว ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง ลพบุรี
มรณภาพ              ปี พ.ศ.2490
รวมสิริอายุ             97 ปี

พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา

                   วัตถุมงคลท่านเด่นทางด้าน คงกระพันชาตรี

ข้อมูลอ้างอิงจาก : p.moohin.com

ชมรมพระเครื่อง

แทน ท่าพระจันทร์


สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน จังหวัดลพบุรีมีพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าๆ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีอยู่หลายรูป พระเกจิ อาจารย์รูปหนึ่งคือ หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนูก็เป็นอีกรูปหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย และเป็นที่รักเคารพของชาวลพบุรี



หลวงปู่จันทร์ ท่านเป็นชาวตำบลตะลุง จังหวัดลพบุรี เกิดเมื่อปีพ.ศ.2393 หลวงปู่จันทร์ท่านสนใจในวิทยาคม จึงได้ศึกษากับปู่ของท่านเอง ซึ่งเป็นอาจารย์สักชื่อดังในแถบนั้น ท่านเป็นคนพูดจริงทำจริง และเป็นหัวหน้าในหมู่เพื่อนฝูง ต่อมาได้อุปสมบทที่วัดหลวงสุวรรณาราม เมื่อครบพรรษาจึงได้ลาสิกขาบทออกมาช่วยบิดามารดาทำนา ยามว่างท่านได้ไปศึกษาวิทยาคมจากพระอาจารย์ต่างๆ จนกระทั่งอยู่ยงคงกระพัน เป็นคนดังในหมู่บ้าน หลวงปู่ใช้ชีวิตในวัยหนุ่มท่องเที่ยวไปทั่ว



ต่อมาเมื่อท่านอายุได้ 40 ปี ท่านเบื่อหน่ายชีวิตฆราวาส ในปีพ.ศ.2433 ท่านจึงอุปสมบทที่วัดบัว ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมือง ลพบุรี โดยมีหลวงปู่เทียบเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "จันทะโชติ" เมื่อท่านได้บวชแล้วท่านก็ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดจนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ต่อมาในพรรษาที่ 3 วัดนางหนูซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดบัว เป็นวัดร้าง ท่านเห็นว่าเป็นสถานที่สงบเหมาะแก่การฝึกปฏิบัติทางจิต ท่านจึงได้ไปพำนักยังวัดนางหนู ชาวบ้านในแถบวัดนางหนูจึงพากันนิมนต์หลวงปู่จันทร์ให้อยู่ช่วยพัฒนาวัดนางหนู และเป็นเจ้าอาวาสวัดหนู ท่านจึงรับและอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดนางหนูในปีพ.ศ.2436 ท่านก็ได้พัฒนาวัดนางหนูจนเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด เนื่องจากชาวบ้านต่างก็เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่จันทร์มาก จนกระทั่งชื่อเสียงของหลวงปู่ได้ขจรขจายไปทั่วจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรีและชัยนาท ฯลฯ มีประชาชนต่างพากันมารดน้ำมนต์ขอของขลังจากท่านอยู่เนืองๆ พิธีพุทธาภิเษกในปีพ.ศ.2475 ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ท่านก็ได้รับนิมนต์มาร่วมปลุกเสกด้วย พิธีที่วัดราชบพิธ ครั้ง 1-4 ท่านก็ได้รับนิมนต์มานั่งปรกด้วยทุกครั้ง



หลวงปู่จันทร์ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้แจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหาหลายอย่าง เช่น ตะกรุดไม้ไผ่ ตะกรุดไม้ลวก ตะกรุดสังวาล เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ สีผึ้ง รูปถ่ายอัดกระจก สายคาดเอว พระเครื่องเนื้อผงพิมพ์ต่างๆ ที่นิยมกันมากได้แก่เหรียญรูปท่าน ซึ่งบรรดาลูกศิษย์ขออนุญาตท่านจัดสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2478 เพื่อแจกในงานฉลองศาลา และฉลองอายุครบ 83 ปี ของหลวงปู่ วัตถุมงคลของหลวงปู่จันทร์นั้นชาวบ้านและลูกศิษย์ของท่านต่างรู้ดีและมีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย หลวงปู่จันทร์ท่านอยู่มาจนถึงปี พ.ศ.2490 ท่านได้เรียกพระครูพิพัฒน บุญญาธร ศิษย์เอกของท่านมาสั่งเสีย และในคืนวันนั้นเอง ท่านได้ครองจีวรพาดผ้าสังฆาฏิ อย่างรัดกุม เข้านิโรธสมาบัติละทิ้งสังขารไปอย่างสงบ สิริอายุได้ 97 ปี



ในวันนี้ผมจึงได้นำรูปเหรียญรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่านมาให้ชมกันครับ



ด้วยความจริงใจ

http://www.khaosod.co.th/view_ne ... XhNREF5TURjMU5nPT0=

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-14 00:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
metha ตอบกลับเมื่อ 2014-12-14 00:18

ไปเที่ยว "วัดเจ้หนู" กันเสี่ย
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-15 00:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-12-14 06:40
ไปเที่ยว "วัดเจ้หนู" กันเสี่ย

ใจไม่ค่อยกล้าครับ....กลัวช็อก
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้