|
ชีวประวัติ หลวงพ่อ พระอุปัชฌาย์อิ่ม สิริปุญโญ
อดีตเจ้าอาวาสวัดหัวเขา ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ ท่านเป็นหนึ่งใน๓พระอาจารย์ใหญ่สำนักวิปัสสนากรรมฐานแห่งเมืองสุพรรณในยุคช่วงก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่๒ (รัชสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่๖-๗) อันประกอบไปด้วย
๑.หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา (พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายเหนือของเมืองสุพรรณ)
๒.หลวงพ่อปลื้ม วัดพร้าว (พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายกลางของเมืองสุพรรณ)
๓.หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน (พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายใต้ของเมืองสุพรรณ)
อิทธิฤทธิ์ กิตติคุณ ปาฏิหาริย์ในเวทย์วิทยาคมในนามของ "หลวงพ่อพระอุปัชฌาย์อิ่ม แห่งสำนักวัดหัวเขา" เป็นที่กล่าวขาน โจษจันกันมาช้านานตั้งแต่ครั้นสมัยท่านยังทรงสังขารอยู่
แม้จวบจนปัจจุบันท่านจะมรณะภาพไปนานแล้วกว่า๗๐ปีแล้วก็ตาม กิตติศัพท์ ชื่อเสียงในเวทย์วิทยาคมของท่านก็ยังคงอยู่ มิได้สูญหาย อันตธานหายไปจากใจของชาวเมืองสุพรรณตามกาลเวลา
เรื่องราวความดีและสิ่งต่างๆที่ท่านได้ถ่ายทอดและทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ให้แก่อนุชนคนรุ่นหลังอย่างเราๆทั้งหลายได้เคารพ สักการะ และเป็นหลักที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจอยู่เสมอ อย่างเช่น วัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างขึ้นไว้ , ศาสนสถาน , ถาวรวัตถุต่างๆ , หรือจะเป็นบุคคลากร อย่างเช่น พระภิกษุสงฆ์ พระเกจอาจารย์ต่างๆที่เป็นศิษย์ท่าน และบุคคลากรอื่นๆที่มีศักยภาพทางสังคม และหลายต่อหลายอย่างอีกมากมาย ยังคงสถิตย์อยู่คู่โลกของเรามิได้ผ่านพ้นหายไปตามเวลาเลย
ประวัติของหลวงพ่ออิ่ม ท่านเลือนราง มีไม่มากพอและชัดเจนนัก เนื่องจากว่าในยุคของหลวงพ่อในสมัยก่อนนั้น ไม่ได้มีการจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ข้อมูลเรื่องราวของหลวงพ่ออิ่มในปัจจุบันที่ได้ศึกษากันอยู่นั้น จึงเป็นข้อมูลที่ไม่ได้มาจากบทความหรือบันทึกลายลักษณ์อักษรที่มาจากหลวงพ่อ อิ่ม ผู้เป็นเจ้าของต้นเรื่อง ได้อาศัยเอาจากคำกล่าวคำบอกเล่าของลูกศิษย์ลูกหาที่ทันและทราบในเรื่องราว ของหลวงพ่อ ซึ่งแน่แท้ว่าคำกล่าวคำบอกเล่าของบุคคลหลายๆคนนั้นย่อมมีความผิดพลาด ขาดตกและบกพร่องเป็นธรรมดา
ก่อนจะกล่าวประวัติหลวงพ่ออิ่มต่อไป ก่อนอื่นขอท้าวความถึงบันทึกประวัติวัดไก่เตี้ย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับประวัติหลวงพ่ออิ่มอย่างมาก ว่า
"วัดไก่เตี้ยได้ถูกทิ้งรกร้างลง กระทั่ง พ.ศ.๒๔๒๘ จึงได้มีหลวงพ่ออิ่ม จากวัดเสาธงทอง ซึ่งตั้งอยู่คนละฟากฝั่งแม่น้ำสุพรรณ(ท่าจีน)เล็งเห็นความยากลำบากและเสี่ยง อันตรายของชาวบ้านย่านวังยางที่ต้องข้ามฟากไปทำบุญถึงวัดเสาธงทองโดยเฉพาะ อย่างยิ่งในฤดูน้ำหลาก กระแสน้ำเชี่ยวกลาดน่ากลัวอันตรายอย่างยิ่ง หลวงพ่ออิ่มจึงได้ชักชวนชาวบ้านย่านวังยาง ช่วยกันฟื้นฟูวัดไก่เตี้ยจากวัดร้างให้คืนสภาพเป็นที่ควรอยู่อาศัยขึ้นมา ใหม่ จวบจนต่อมาก็ได้นิมนต์หลวงพ่อแสน สุวณฺโณ (จากวัดใดไม่ปรากฎ) ให้มาอยู่ประจำขึ้นเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา ส่วนตัวหลวงพ่ออิ่มท่านเองต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่วัดหัวเขา นับได้ว่าวัดไก่เตี้ยได้กลับคืนสภาพเป็นวัดมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาต่อเนื่อง สืบสภาพมานับแต่กาลนั้นจนถึงปัจจุบัน"
|
ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง
คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน
x
|