...หลวงปู่ลิ้นทอง เล่าเหตุการณ์ ดังนี้
เส้นทางเชียงใหม่-แม่แตง ในสมัยนั้นยังไม่เจริญเอามากๆ
แต่ก็มีรถยนต์โดยสาร วิ่งรับส่งผู้คนบนเส้นทางนี้แล้ว
ในปีที่
หลวงปู่ตื้อ กำลังบุกเบิกสร้างวัดป่า
ท่านจะต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างอำเภอแม่แตง
กับตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อทำธุระในการก่อสร้าง
จึงจำเป็นต้องขึ้นรถโดยสารประจำทางไปมาอยู่บ่อยๆ
พวกรถโดยสารจะชินตากับ
“หลวงตา พระป่าแก่ๆ กับศิษย์ชาวเขา
สะพายย่ามเดินตามต้อยๆ”
พวกรถโดยสารคงรำคาญและหมั่นไส้หลวงตาฯ
พระป่ารูปนั้นเอาการอยู่ เพราะว่า
“พอขึ้นไปนั่งบนรถปุ๊บ
พระหลวงตาก็เอาเท้าขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเบาะปั๊บ
แล้วก็นั่งหลับตาปี๋ หลับเฉยโดยไม่สนใจใคร”
ช่างน่าเบื่อหน่ายและน่ารำคาญจริง
ผู้โดยสารคนอื่นๆ นั่งห้อยขา เบาะเดียวนั่งได้ ๓-๔ คน
แต่หลวงตาแก่รูปนั้นนั่งเอ้เต้อยู่คนเดียว
เด็กหนุ่มกระเป๋ารถจึงพูดกึ่งขอร้อง กึ่งไม่พอใจ
“ป้อหลวง ตุ๊เจ้า ตื่น...ตื่นเอาตีนลงจากเบาะเน่อ”
“ลงบ่ได้” หลวงปู่ตอบทั้งๆ ที่หลับตาอยู่
กระเป๋าเริ่มโมโห เลือดขึ้นหน้า ขณะนั้นรถกำลังตระเวน
รับผู้โดยสารตามรายทาง กระเป๋าหนุ่มสบถเสียงดัง
“มันเป็นอะหยังหือ...จึงเอาตีนลงบ่ได้”
พร้อมกับเอามือกระชากขาของหลวงปู่ เพื่อเอาลงจากเบาะ
ทันใดนั้น
“ครืด...ครืด...ครึด...ฉึก !!” เครื่องยนต์ดับสนิท
รถโดยสารหยุดกึกอย่างฉับพลัน ผู้โดยสารหัวคะมำไปตามๆ กัน
หลวงปู่พูดขึ้นว่า
“หลวงตาบอกแล้ว...ลงบ่ได้...ลงบ่ได้”
คนขับพยายามติดเครื่องรถอยู่หลายครั้ง แต่เครื่องยนต์ก็ไม่ติด
ผู้โดยสารก็ส่งใจไปลุ้น แต่เครื่องก็ไม่ติดสักที
หลวงปู่พูดขึ้นว่า
“ผู้ใดเอาตีนกูลง มาเอาขึ้นคืนเน่อ”
กระเป๋ารถจำเป็นต้องทำด้วยความจำยอม จากนั้นเครื่องยนต์ก็ติด
รถโดยสารวิ่งสะดวกจนถึงตัวเมืองเชียงใหม่ เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้า
ผู้โดยสารหลายคน จากการเล่าขานปากต่อปาก
นับจากนั้นมา หลวงตาพระป่าแก่ๆ อยู่ในอำเภอแม่แตง ก็ดังระเบิด
รถโดยสารทุกคันไม่เก็บเงินหลวงปู่และต่างอยากให้หลวงปู่
นั่งรถของตน แม้นั่งคนเดียวทั้งคันก็ยินดี...
เอกซเรย์สภาวะธรรม หน้า ๖๒-๖๓
หลวงปู่ตื้อ อจลธฺมโม ..................................................................