ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1990
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

จักรพรรดิบ้านกอไผ่

[คัดลอกลิงก์]







หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าวยากหมากแพงเกิดขึ้นทุกหัวระแหง คนที่เคยรับราชการและชำนาญการใช้อาวุธ วันดีคืนดีกลายเป็นโจรไปได้อย่างไม่คาดคิด
บ้านกอไผ่ อยู่ที่อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เดิมเป็นท้องถิ่นที่มีกอไผ่มาก ลูกหลานบางคนมีนิสัยชอบชกต่อยมาตั้งแต่ตัวกระเปี๊ยก รู้กันในหมู่เด็กๆว่าใครเป็นหัวโจก เด็กวัยไล่เลี่ยกัน ชกกันทีไร คนที่เป็นหัวโจกชนะทุกที พวกเขาจะรู้จักฝีไม้ลายมือกันดี
เมื่อโตขึ้นมา หัวโจกในหมู่เด็ก ที่คิดจะเอาดีทางนักเลง เขาจึงได้รับการยกย่องจากลูกสมุน ซึ่งเคยรับรู้ฝีมือมาแต่วัยเด็ก ยอมรับการเป็นผู้นำโดยไม่ต้องชักจูง หรือไม่ต้องรอใครมาแต่งตั้ง อีกทั้งอาวุธหลังสงครามหาได้ง่ายๆ นั่นจึงเป็นที่มาของชุมชนโจรบ้านกอไผ่ ในปี พ.ศ. 2489-2490
นายชิต เกิดที่บ้านกอไผ่ รวบรวมสมัครพรรคพวก สร้างอาณาจักรของพวกเขา พรรคพวกที่มีความสามารถเท่าเทียมกันกับชิต อีก 2 คน ได้ตั้งนายชิตเป็นหัวหน้าใหญ่ และพร้อมใจกันแต่งตั้ง "ชิต" เป็นคุณหลวงสินวงษ์ไพบูลย์
แบ่งงานให้ลูกน้องมีหน้าที่ต่างๆ เช่น หัวหน้าแผนกจัดหาเงิน, หัวหน้าการปราบปรามป้องกันและต่อสู้, ครูฝึกสอนการใช้อาวุธ, จัดเวรยาม, หน่วยจัดซื้ออาวุธ,แผนกเสบียงอาหาร เป็นต้น


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-12-22 11:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขณะนั้นตลอดเขตอำเภอปากท่อ ราชบุรี อำเภออัมพวา สมุทรสงคราม บางส่วนอยู่ในอำนาจของหลวงสินฯ บ้านใดที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ ก็ต้องอพยพหนีไป บางคนก็ยอมฝากตัว ยอมเสียเงินเพื่อความปลอดภัยตามแต่จะกำหนดและตกลงกัน
เมื่อหลวงสินฯ หรือนายชิต มีอำนาจมากแผ่อิทธิพลไปทั่ว บรรดาศักดิ์ชั้นคุณหลวงออกจะดูต่ำไปแล้ว เหล่าลูกน้องจึงพร้อมใจกันแต่งตั้งหลวงชิตเป็นจักรพรรดิแห่งบ้านกอไผ่ เมื่อ 15 มกราคม พ.ศ. 2490
เพื่อง่ายในการปกครอง จักรพรรดิบ้านกอไผ่หรือนายชิตได้แบ่งลูกน้องออกเป็น 3 ชั้น
1. ชั้นพิเศษ เป็นพวกที่คบคิดกันมาตั้งแต่แรก มีส่วนแบ่งในการปล้นแต่ละครั้ง และมีสิทธิเบิกเงินกองกลางไปใช้ก่อนได้
2. ชั้นกลาง เป็นพวกพอมีฝีไม้ลายมืออยู่บ้าง แต่จัดอยู่ในระดับกลางๆ ได้รับเงินเดือนเดือนละ 24 บาท เงินเพิ่มพิเศษชั่วคราว 145 บาท
3. ชั้นต่ำ ได้แก่ พวกสมัครใหม่ ไม่ขำนาญงาน ไม่มีเงินเดือน มีอาหารให้กิน ได้เสื้อผ้าสวมใส่ตามแต่จะจัดให้
มีระบบการลงโทษการผิดวินัยอย่างกับทางการ คำสั่งของจักรพรรดิถือเป็นเด็ดขาด
จากบันทึกของบาทหลวงท่านหนึ่ง ที่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่แปดหมื่นบาท จึงได้ทราบว่าการจัดระบบดูแลบริหารอาณาจักรของบ้านกอไผ่ว่า
"สภาพการณ์ในหมู่บ้านของผู้ร้ายเห็นอยู่กันอย่างชาวบ้านธรรมดา มีผู้หญิงและเด็กทุกบ้าน แต่มีผู้ชายมาก ประมาณ 20 คนเศษ แต่ในเวลากลางวันมีผู้ร้ายแปลกหน้าไปติดต่อเสมอ ตั้งแต่ข้าฯ ถูกควบคุมตัวอยู่นั้น คนร้ายไม่ยอมให้ข้าฯ ลงไปข้างล่างเลยในเวลากลางวัน ข้าเคยลงไปข้างล่างในเวลากลางคืน เพื่อไปถ่ายอุจาระโดยเขาควบคุมไป แต่ข้าฯ ไม่เห็นอะไรเพราะเป็นเวลากลางคืน
ข้าฯได้สังเกตดูคนในหมู่โจรนั้นรู้สึกว่าเขาระมัดระวังตัวมาก โดยได้ยินเสียงเขาพูดกันถึงการเปลี่ยนเวรยาม และหน้าที่ประจำปืนกลในบริเวณบ้านของเขา ข้าฯสังเกตดูเขาพูดกันและจับเสียงดูได้ความว่า ในบ้านเขามีปืนกลประมาณ 3-4 กระบอก นอกจากนี้เห็นคนร้ายมีปืนยาวใช้กันอยู่ประมาณ 7-8 กระบอก แต่ที่มีซ่อนอยู่ในบ้านเท่าใดไม่ทราบ สำหรับปืนพกนั้นเห็นมีใช้กันแทบทุกคน"
ภายหลังบาดหลวงท่านนี้ได้รับการปล่อยตัวด้วยความปลอดภัย โดยไม่ต้องเสียค่าไถ่
หากจบแบบนี้คงคาใจท่านผู้อ่าน ขอนำบทประพันธ์ของคุณหิรัญ สุวรรณมัจฉา เรื่องนิราศหัวหิน ในปี พศ. 2494 มาลง เพื่อให้ภาพตอนจบครับ
ถัดปากท่อก็ผ่านบ้านกอไผ่
ถิ่นโจรร้ายคอยปล้นคนต้องหนี
จับคนมาเอาค่าถ่ายหลายคดี
ต้องร้อนถึงเจ้าหน้าที่มาปราบปราม
เอาตำรวจบ้านโป่ง นครปฐม
เคยอบรมกล้าหาญชาญสนาม
ราชบุรี ปากท่อก็มาตาม
โพธารามก็ไปด้วยได้ช่วยกัน
ยิงกันอยู่แต่เช้าจนถึงบ่าย
พวกโจรร้ายมอดม้วยด้วย(ปืน)ทอมสัน
พวกโจรตายก่ายกันนัวช่างหัวมัน
ตำรวจนั้นตายสามตามรู้มา
เห็นหมู่บ้านกอไผ่ใจยิ่งเศร้า
คิดถึงเจ้าโฉมตรูอยู่เคหา
เกลือกจะมีโจรร้ายไปรามา
ยอดชีวาจักให้ใครคุ้มครอง
พระเสื้อเมืองทรงเมืองอันเรืองเดช
จงสมเพทช่วยไว้อย่าให้หมอง
แม้นบุญปลอดรอดมาจะทาทอง
ให้สมปองทุกอย่างดั่งบนบาน


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-12-22 12:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ชุมเสือบ้านกอไผ่ปกครองกันเองมาหลายปี ความเข้มแข็งขนาดต้านตำรวจกว่า 400 นายได้เต็มวัน ย่อมไม่ธรรมดา

บ้านกอไผ่ ตั้งอยู่ริมคลองวัดประดู่ฝั่งตะวันตก หมู่ที่ 3 ตำบลวัดยางงาม อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี อีกฝั่งคลองเป็นเขตพื้นที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

วันกำลังตำรวจเข้าปราบ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2490 นั้น ตำรวจแบ่งออกเป็น 8 หน่วย เป้าหมายของทุกหน่วยคือ เคลื่อนล้อมหมู่บ้าน บีบให้เสือเข้ารวมกันในหมู่บ้านใหญ่ ฝั่งอำเภอปากท่อ เพื่อให้การปราบเป็นไปตามแผน

การบุกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้ฝ่ายเสือไม่รู้เวลาแน่ชัด แต่การข่าวของเสือชิต หัวหน้าใหญ่ไวทายาด แม้จะรู้ตัว แต่ไม่ยอมหนี ทั้งๆเสือบ้านกอไผ่ตามบัญชีที่นายพุธ มั่นจันทร์ ทำไว้กับมือ และยังมีชีวิตอยู่บ้านกอไผ่ ยืนยันว่ามีเพียงแค่ 48 คนเท่านั้น

ความเข้มแข็งของเสือ ตามบันทึกของตำรวจระบุว่า “มีสายลับวางไว้ตามที่ตั้ง จังหวัด อำเภอ และที่ชุมนุมชนอันเป็น เขตติดต่อกับจังหวัดราชบุรี เพื่อคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของเจ้าพนักงาน”

สำหรับในพื้นที่ ได้กำหนดอาณัติสัญญาณว่า ถ้าพบเหตุการณ์ผิดปกติกิจต้องกระทำคือ 1. ยิงปืน 1 นัด หมายความว่าให้เตรียมตัว 2. ยิงปืน 2 นัด ให้เตรียมพร้อม และ 3. ถ้ายิงปืน 3 นัด ให้ไปรวมกันทั้งหมดที่บ้านเสือชิต หัวหน้าใหญ่ รอรับคำบัญชา

ไฉนรอบคอบปานนั้น “ก็เสือมีทั้งตำรวจ ทหาร และครู เป็นคนมีความรู้ด้วยกันทั้งนั้น” นายพุธบอก

การสร้างวินัย จัดระเบียบปกครอง เริ่มเมื่อเสือสะอิ้งกับเสือชิตก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้า ก่อนหน้านั้นอยู่ในปกครองของเสือแหวง หรือแสวง แต่เสือแหวงเป็นคนถิ่นอื่น จึงถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดโค่นลง แล้วสองเกลอสะอิ้งกับชิตขึ้นรั้งตำแหน่งแทน

สองเสือยึดคติหลักว่า ไม่ทำพวกบ้านเดียวกันอย่างเด็ดขาด

การปล้น การจับคนเรียกค่าไถ่ ทำเฉพาะในถิ่นอื่น อย่างไรไม่ยอมทำในย่านบ้านตัวเอง หรือพูดตามประสาชาวบ้านว่าไม่ยอมทุบหม้อข้าวตัวเอง เมื่อการกระทำกับคำพูดเป็นจริง จึงได้ใจคนรักทางสายนี้ ทำให้มีคนเข้ามาสมัครเป็นพวกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

มากคนเรื่องก็มีมาก ทำให้ต้องตั้งหัวหน้าให้ชัดเจน การเลือกตั้งหัวหน้าเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีผู้ชิงความเป็นใหญ่อยู่ 3 คน คือ ชิต หรือสิน สะอิ้ง และใบ

ใบ หรือเบิ้ม เป็นคนคลองบางกะลี้ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม หลบหนีออกมาจากคุกราชบุรี แม้จะเข้ามาสมทบภายหลัง แต่แสดงฝีไม้ลายมือให้พวกพ้องประจักษ์ และยอมรับได้ในเร็ววัน

คนชิงอำนาจมี 3 คน แต่ตำแหน่งมีเพียงหนึ่ง จึงต้องเลือกเพียงหนึ่งเดียว ในที่สุดหนึ่งเดียวคนนั้นคือชิต หรือสิน เหตุผลคือเป็นคนบ้านกอไผ่ และมีภาวะความเป็นผู้นำสูง

“พี่ชิตก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ไปทางไหนจะมีพระสะพายแล่งทั้งสองข้างเลย” นายพุธ คู่เขยเสือสะอิ้งบอก

หลังได้หัวหน้าแล้ว เพื่อให้เป็นเกียรติชุมเสือบ้านกอไผ่ร่วมกันยกย่องให้เสือชิตเป็น “หลวงสินวงศ์ไพบูลย์” เป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดในหมู่บ้านกอไผ่นับแต่นั้นมา

หลังรั้งตำแหน่ง หลวงสินฯได้จัดระเบียบหมู่บ้านใหม่ เพื่อความแข็งแกร่งและคล่องตัวในการบริหารงาน นั่นคือตั้งเสือใบเป็นหัวหน้าแผนกหาเงิน ตั้งสะอิ้งเป็นหัวหน้าปราบปรามและการต่อสู้ ตั้งประจวบเป็นครูฝึกสอนอาวุธและยุทธวิธี เพราะประจวบเคยเป็นทหารมาก่อน กำชับให้มีการฝึกสอนกันทุกวัน

ตั้งเกลื่อนเป็นจ่ากองร้อย จัดเวรยามและการปกครอง ตั้งนายปลูกเป็นหัวหน้าคลังอาวุธ มีหน้าที่จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ตั้งเยี่ยมเป็นเจ้าหน้าที่จ่ายอาวุธ และยังตั้งนางดำ เป็นหัวหน้าแผนกเสบียงอาหารอีกด้วย ส่วนเสบียงนั้น มีชาวบ้านและโรงสีนำข้าวสารมาให้ถึงถิ่น

บ้านของหลวงสินฯ เป็นกองบังคับการ ถ้าจะปล้นหรือกระทำการใดๆ ต้องมาขออนุญาตก่อน คำสั่งของหลวงสินฯถือว่าเด็ดขาด หากใครฝ่าฝืนโทษคือประหาร ความเด็ดขาดของหลวงสินฯ แม้ใครเอาชื่อไปแอบอ้างก็ต้องชะตากรรมดุจกัน

มีเรื่องเล่าว่า ปี พ.ศ.2490 นายไพศาลตั้งร้านขายของอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง อยู่ๆมีโจรมาจับตัวไปเรียกค่าไถ่ อ้างว่ามาจากบ้านกอไผ่ เรียกค่าไถ่ถึง 50,000 บาท ทันทีที่ข่าวถึงบ้านกอไผ่ เสือบ้านกอไผ่ได้ไปนำเอาตัวนายไพศาลกลับมาบ้าน และยังจับโจรค่าไถ่ส่งให้ผู้ใหญ่บ้าน ให้ส่งตัวไปดำเนินคดีที่อำเภอปากท่ออีกด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องเปลืองแรงแต่อย่างใด

การกระทำของจักรพรรดิบ้านกอไผ่ นายไพศาลซึ้งใจมาก ถึงกับนำเงินไปให้หลวงสินฯ 2,000 บาทพร้อมบุหรี่ แต่หลวงสินฯรับไว้แต่บุหรี่เท่านั้น เงินไม่เอา

ด้วยความเข้มแข็ง มีน้ำใจ และลายนักเลงทำให้ลูกน้องชิตหรือหลวงสินฯ ยกย่องให้นายเป็น “จักรพรรดิแห่งบ้านกอไผ่” มีการจัดทำพิธีกันในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2490 พิธีจัดกันอย่างเอิกเกริกยิ่ง บันทึกของตำรวจระบุว่า...

เย็นของวันที่ 15 มกราคม ลูกน้องที่สมัครใหม่ทั้งหมดประชุมพร้อมหน้ากัน แล้วดื่มสาบานต่อหน้าศาลพิธีบวงสรวงว่าจะซื่อสัตย์ต่อจักรพรรดิแห่งบ้านกอไผ่ “วันนั้นชิตแต่งเครื่องแบบสีกากี ติดยศชั้นนายร้อยตำรวจเอก มีเครื่องหมาย ส.ส.ติดที่หน้าอก”

เสร็จพิธีแล้วเลี้ยงอาหารกันอย่างสำราญ

ครั้นงานเลี้ยงใกล้เลิกรา “สะอิ้งหัวหน้าแผนกปราบปรามก็อ่านประกาศคำสถาปนาหลวงสินฯขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งบ้านกอไผ่” สิ้นเสียง สมุนพากันปรบมือและร้องไชโย

เสือชิตเมื่อขึ้นเป็นหลวงสินฯได้ปรับปรุงหมู่บ้านไปคราหนึ่งแล้ว ครานี้ก็ดุจกัน หลังรับตำแหน่งมีโครงการขยายอาณาเขตให้กว้างขวางออกไป อาวุธอย่างปืนกล ปืนเล็กยาว และระเบิดมือมีพร้อมสรรพ แถมยังมีคลังอาวุธและโรงซ่อมอาวุธอีกด้วย

ยังขาดอยู่อีกอย่างเดียว คือปืนต่อสู้อากาศยาน

สาเหตุที่จักรพรรดิแห่งบ้านกอไผ่อยากได้ปืนต่อสู้อากาศยาน เพราะหวั่นว่าทางการจะเอาเครื่องบินเข้ามาโจมตี และทิ้งระเบิดลงมา จึงสั่งให้บุญปลูกหัวหน้าแผนกจัดซื้ออาวุธจัดหาซื้อเข้ามาประจำการ แต่ด้วยเป็นอาวุธหนักและร้ายแรง หัวหน้าแผนกจึงยังหาซื้อไม่ได้

ถ้ามีปืนต่อสู้อากาศยาน ไม่แน่นักว่าวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2490 กองกำลังตำรวจหลายร้อยนายจะปิดฉากปราบได้ภายในวันเดียว.
จักรพรรดิเขาใหญ่  
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-12-24 21:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-12-24 07:44
จักรพรรดิเขาใหญ่

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้