ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2388
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช และ ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช

[คัดลอกลิงก์]



ตำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช และ ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช

ได้เท้าความตั้งแต่สมัยพุทธ ครั้งเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน แล้วมีการแบ่งและประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ณ ที่ต่าง ๆ โดยในคราวถวายพระเพลิงนั้นพระเกษมมหาเถระได้กำบังกายเข้าในกองเพลิงอัญเชิญพระทันตธาตุออกไปถวายพระเจ้าสิงหราชแห่งนครป่าหมาก ต่อมาเรียกนครนี้ว่า ทนธบุรี มีกษัตริน์เมืองต่าง ๆ ยกทัพมาเชิงพระทันตธาตุนี้มิได้ขาด กระทั่งกษัตริย์หนุ่ม ๕ พระองค์ยกทัพเข้าประชิดเมือง พราะเจ้าสิงหราชคาดการณ์ว่ายากจะรักษาเมืองไว้ได้ จึงให้พระราชธิดา ราชบุตร พระนางเหมชาลา พระทนทกุมาร อัญเชิญพระทันตธาตุลงกำปั่นหนีไปกรุงลังกาเพื่อถวายแก่พระเจ้ากรุงลังกาที่ได้มาทูลของหลายครั้งแล้วแต่เรือกำปั่นถูกพายุพัดแตกกลางทะเลซัดทั้งสองฝั่งแล้วเดินทางถึงหาดทรายแก้วฝังพระทันตธาตุที่ซ่อนในพระเกศาของพระนางเหมชาลาลง ณ หาดทรายแก้ว จนเมื่อพระมหาเถรพรหมเทพพบเข้า ได้นำสองกุมารอัญเชิญพระทันตธาตุต่อไปยังลังกา ถวายต่อพระเจ้าทศคามมุนีสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐานพร้อมผูกภาพยนตร์รักษาไว้ในลังกา แล้วให้อัญเชิญพระบรมสารีริก ๒ ทะนาน ประทานให้พระนางเหมชาลาและเจ้าทนทกุมารอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ หาดทรายแก้ว ที่พระทันตธาตุเคยมาสถิต ก่อนจะเสด็จกลับทนธบุรีที่ศึกสงบลงแล้ว โดยที่หาดทรายแก้วนั้น ต่อมาเมื่อพระเจ้าธรรมโศกราช แห่งเมืองเอาวราชทรงอพยพผู้คนหนีไข้ห่าลงมาทางใต้ตามลำดับถึงหาดทรายแก้ว แก้ไข้ห่าได้สำเร็จด้วยพิธีทำเงินตรานะโมแล้ว ให้ขุดหาพระบรมสารีริกธาตุ แก้ภาพยนตร์ได้แล้วทรงสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและสร้างเมืองนครศรีธรรมราช ขึ้น

" พระบรมธาจุเจดีย์นครศรีธรรมราชนี้แม้ว่าจะมีผู้กล่าวว่าเป็นของที่สร้างคลุมพระสถูปองค์เดิมภายในก็ตาม แต่ลักษณะก็เป็นของเก่าแก่และเชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลของพระเจดีย์แบบลังกา เจดีย์พระบรมธาตุคงสร้างขึ้นในรามพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ในสมัยที่เมืองนครศรีธรรมราช ยังเป็นราชธานีของภาคใต้อยู่ลักษณะของพระเจดีย์ในระยะแรกนั้นมีเจดีย์เล็กประดับที่มุมทั้งสี่ และรอบๆ ฐานประดับด้วยช้างหัวโผล่ออกมานอกซุ้ม พระเจดีย์นี้เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองของเมืองนครศรีธรรมราช เพราะได้กลายเป็นแบบอย่างให้แก่พระสถูปเจดีย์อีกหลายๆ องค์ ซึ่งสร้างขึ้นมาในสมัยหลัง ๆ จนทุกวันนี้ พระเจดีย์พระธาตุนครศรีธรรมราชกลายเป็นเจดีย์ทีส่งอิทธิพลในทางศิลปะสถาปัตยกรรมไปยังเจดีย์ในภาคต่าง ๆ ทางภาคกลางและภาคเหนือของประเทศไทย ” รองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม"


๑). พระเจ้าทศคามมุนีพ้อมกับชื่อพระเจ้าทุฎฐฃามณีกษัตริย์ลังกาผู้ครองกรุงอนุราธปุระ ระหว่างพุทธศักราช ๓๘๒ – ๔๐๖

๒.) พระทันตธาตุแห่งลังกา มีประวัติฝ่ายลังกาว่านำมายังลังกาจากอินเดียในปีที่ ๙ แห่งรัชสมัยพระเจ้าสิริเมฆวัณณะ (พ.ศ.๘๔๖ – ๘๗๔) โดยเจ้าชายทันตกุมารและเจ้าหญิงเหมมาลาโดยไม่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับหาดทรายแก้ว และพระทันตธาตุของลังกานี้ถือเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ประจำชาติศรีลังกาตลอดมา

๓.) ตามหลักฐานของทางลังกา พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจันทรภาณุแห่งตามพรลิงค์นครศรีธรรมราชเคยยกกองทัพตีลังกา ๒ ครั้งในสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุที่ ๒ (พ.ศ. ๑๗๗๙ – ๑๘๑๓)

๔.) สมเด็จกรมพระยาดำรงราชุภาพ ทรงมีพระดำริว่าพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชองค์เดิมเป็นศิลปะศรีวิชัยมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ สร้างตามแบบมหายานทรงมณฑป หลังคาเป็นสถูปมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสภัทรดิศ ดิศกุล ทรงมีพระดำริว่าพระบรมธาตุเจดีย์องค์ปัจจุบันมีลักษณะคล้ายเจดีย์คิริ เวเหระ ในกรุงโปโลนนารุวะ สร้างในสมัยพระเจ้าปรากรมพุมหาราช (พ.ศ.๑๖๙๖ – ๑๗๒๙) โดยพระมเหสีชื่อพระนางสุภัทรา

๕.) หาดทรายแก้วเป็นชื่อสันดอนทรายชายฝั่งตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองนครศรีธรรมาราช เกิดจากทรายจากเทือกเขาค่อยๆ ตกตะกอนสะสมในทะเลชายฝั่งจนตื่นเขิน นานเข้าจจึงขยายเป็นแผ่นดินที่ราบชายฝั่งสันทรายเก่าที่เกิดในยุคโฮโลซีน ( Holocene) เมื่อประมาณ ๘,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ปีที่แล้ว

๖.) เมืองนครศรีธรรมราชมีหลายชื่อ เริ่มปรากฏในหลักฐานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๗-๘ ว่าตามพลิงคม ตามพรลิงค์ มัทมาลิงคัม ตันมาลิง ตันเหมยหลิว จนมาเป็นศรีธรรมราช สิริธรรมนคร ในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ – ๑๙ และอย่างฝรั่งว่า ลิกอร์ ในพุทธศตวรรษที่ ๒๑ โดยท่ตั้งเมืองช่วงหนึ่งเมืองประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖ อาจอยู่ที่บริวเณบ้านท่าเรือ แล้วย้ายเมืองมาบริเวณเมืองพระเวียง (เมืองโคกกระหม่อม) ก่อนที่จะย้ายมายังเมืองเก่า (เมืองนครดอนพระ) อันเป็นสถานที่ตั้งพระบรมธาตุเจดีย์ในบริเวณกำแพงเมืองเก่าเมืองประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๙

๗.) ภาพยนตร์ หมายถึง หุ่นที่ผูกขึ้นด้วยฟ่อนหญ้าแล้วปลุกเสกด้วยเวทมนตร์คาถา
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
เดิมเป็นวัดพุทธาวาสประจำเมือง ไม่มีพระภิกษุจำพรรษา เป็นธุระของชาวเมืองเจ้าเมืองและคณะสงฆ์ตลอดทั้งพุทธศาสนิกชนทั่วไปในภาคใต้ร่วมกันบำรุงรักษา รองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม กล่าวว่า เป็นมหาเจดีย์ของชุมชนพุทธในภูมิภาคเช่นเดียวกับมาหาเจดีย์อื่น ๆเช่น พระปฐมเจดีย์ พระธาตุพนม ที่ไม่สร้างในตัวเมืองใด แต่สร้างไว้นอกเมืองเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนิกไม่จำกัดเมือง โดยเมืองที่สร้างหรือยู่ใกล้ได้รับฐานะเป็นผู้ดูแลรักษาและได้รับการยอมรับเป็นศูนย์กลางโดยปริยาย เฉพาะที่พระบรมธาตุนครศรีธรรมราชนั้นนอกจากมีคณะสงฆ์ลังกาแก้วที่วัดตะเขียนบางแก้ว เมืองพัทลุง และคณะสงฆ์กาชาดที่วัดพะโคะ สงขลาแล้ว ยังมีระบบการดูแลรักษาโดยตั้งพระเถระผู้ใหญ่ของเมือง ๒ รูป หัวหน้าผู้รักษาพระบรมธาตุ (พระครูเหมเจติยานุรักษ์-ผู้รักษาเจดีย์ทอง และพระครูเหมเจติยาภิบาลพระผู้ดูแลเจดีย์ทอง) ร่วมกับพระครูกาแก้ว-การาม – กาชาด – กาเดิม ที่ทำหน้าที่รักษาพระบรมธาตุทางทิศต่าง ๆ พระบรมธาตุเจดีย์เพิ่งจะอยู่ภายในตัวเมืองในสมัยอยุธยาเมื่อย้ายเมืองจากเมืองพระเวียงทางตอนใต้มาสร้างกำแพงเมืองใหม่ครอบคลุมองค์พระบรมธาตุเจดีย์ไว้

ในสมัยรัชการลที่ ๕ พระบรมธาตุเจดีย์มีสภาพถูกทอดทิ้งทรุดโทรมมาก พระภิกษุปานอาสานำชาวใต้และชาวนครทำการซ่อมแซมครั้งสำคัญระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๓๗ – ๒๔๔๑ จนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูเทพมุนีศรีสุวรรณถูปาภิบาล เรียกชื่อทั่วไปว่า วัดพระบรมธาตุ วัดพระบมรธาตุ วัดพระมหาธาตุ ต่อมาในคราวเสด็จประพาสเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ รัชกาลที่ ๖ ได้พระราชทานนามอย่างเป็นทางการเพื่อการจัดระเบียบวัดหลวงไม่ให้ชื่อพ้องพระอารามหลวงที่มีมหาเจดีย์ในภาคใต้ว่าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พร้อมกับสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๕๘ โดยรวมเอาวัดร้างทางทิศเหนือ (วัดมังคุด) และใต้ (วัดพระเดิม) รวมเข้าด้วย โดยได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระบรมธาตุระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๓๓ - ๒๕๓๔ และการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระบรมธาตุระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๓๗ – ๒๕๓๘

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเป็นศูนย์กลางและสัญลักษณ์ทางจิตใจที่สำคัญของชาติและพุทธศาสนิกชนทั้งไทย และต่างประเทศโดยเฉพาะชาวมาเลเซีย มีประเพณีประจำที่สำคัญคือประเพณีแห่งผ้าขึ้นธาตุ กวนข้าวยาคูมธุปายาส ตักบาตรธูปเทียน การสวดด้านและงานบุญเดือนสิบเป็นที่สถิตของพระเถระผู้ใหญ่หลายองค์ ได้แก่ พระรัตนธัชมุนี (คณฐาภรณเถร –แบน เปรียญ) พระธรรมรัตโนภาษ (โอภาโสเถร – ประดับเปรียญ) เจ้าอาวาสและเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช –ธรรมยุตองค์ปัจจุบัน




ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก    http://www.rakmuang30.com/index.html




ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-28 16:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


บางท่านอาจไม่เคยรู้และไม่ได้สังเกตว่า องค์พระบรมธาตุแห่งเมืองนครศรีธรรมราชนั้นเมืองมองถัดจากปล้องไฉนลงมาทำเป็นชั้นบัลลังก์ มีพระเวียนยืนเวียนเป็นทักษิณาวัตร ประณมมือทุกองค์


พระสงฆ์สาวกทีเป็นพระมหาสาวกทั้ง 8 องค์ คือ พระโกญฑัญญะเถระ, พระมหากัสสปเถระ, พระสารีบุตรเถระ, พระอานนท์เถระ, พระควัมปติเถระ, พระโมคคัลลานเถระ, และพระราหุลเถระ และพระอุบาลี ทั้ง 8 พระองค์นี้เป็นตำนานของพระอรหันต์ 8 ทิศ นั่นเองครับ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-28 16:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้