ประวัติความเป็นมา และปฏิปทา ของ หลวงพ่อสุธี ยะสะธะโร พระเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเวทย์วิทยาคม แห่งวัดศรีธงชัย (พุขาม) ต.พุขาม อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
เมืองเพชรบูรณ์ในเขตอำเภอวิเชียรบุรีเมื่อสมัยที่ยังเป็นป่าเป็นดงอยู่ หรือที่ภาษา ชาวบ้านเรียกว่าดงยังไม่แตกนั้น เป็นพื้นที่ ที่ชุกชุมไปด้วยโจรผู้ร้าย และ สัตว์ป่า ถนนหนทางที่ใช้สัญจรไปมา ก็ยังเป็นทางลูกรัง หรือไม่ก็ทางเกวียน แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือไข้ป่าและโรคระบาด จึงทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้ามาอาศัยอยู่ถ้าไม่จำเป็น เมื่อเป็นดังนี้ คนที่มาอาศัยอยู่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเภทหนีคดีอาญาบ้านเมืองมาจากที่อื่น จึงทำให้โจรผู้ร้ายชุกชุม ข้าราชการคนใดที่ถูกย้ายมาประจำในเขตพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัยเสียเป็นส่วนมาก
แต่ถึงกระนั้น ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนดีครับ ในเมื่อในพื้นที่ชาวบ้านกลุ่มนี้อาศัยอยู่เต็มไปด้วยโจรผู้ร้าย จึงทำให้พวกเขาต้องหาเครื่องรางของขลังไว้ป้องกันตัว ตามความเชื่อของคนที่นับถือศาสนาพุทธ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ เกจิอาจารย์ หลายท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ที่จำนำมากล่าวถึงในที่นี้ คือ หลวงพ่อสุธี ยะสะธะโร แห่งวัดศรีธงชัย(พุขาม) สมัยนั้นพุขามยังไม่เป็นตำบลครับ จึงอยู่ในเขต ต.สระกรวด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ แต่ในปัจจุบัน เปลี่ยนมาเป็น ต.พุขาม อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ความเป็นมาหลวงพ่อสุธีท่านนี้ เลือนลาง เหลือเกินครับ ไม่มีใครรู้ว่าท่านเกิดเมื่อไหร่ อุปสมบทที่ไหน ใครเป็นพระอุปฌาย์ เพราะท่านไม่เคยบอกใคร รู้แต่เพียงว่าท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เล็ก (ไม่ทราบวัด) หลวงพ่อสุธีท่านบอกว่าหลวงปู่เล็กท่านนี้เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน เจ้าตำรับเขี้ยวเสือแกะอันลือลั่น แต่มีผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยเป็นโยมอุปฐากในสมัยที่ท่านยังดำรงสังขารอยู่ เล่าให้ฟังว่าท่านเคยเป็นเสือมาก่อนและก็เป็นผู้ที่มีวิชาอาคมด้วย เคยถูกตำรวจล้อมจับอยู่หลายครั้งแต่ก็จับท่านไม่ได้สักครั้งเดียว มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านถูกตำรวจประมาณ ๔๐ นาย ไล่จับท่านแบบตามมาติดๆท่านจึงหนี่เข้าไปหลบซ่อนที่กระท่อมกลางนา ตำรวจชุดนั้นก็เข้าปิดล้อมทันที แล้วก็ถูกตำรวจชุดนั้นยิงถล่มด้วยอาวุธปืนนานาชนิด เมื่อยิงแล้วก็เข้าไปดู คิคว่าโดนขนาดนี้ต้องตายแน่ๆ แต่ตำรวจกลุ่มนั้นก็ต้องงงเป็นไก่ตาแตก เพราะในกระท่อมดังกล่าวไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว จะเป็นท่านหายตัวได้หรือท่านหนังเหนียวก็ไม่ทราบได้ หลังจากนั้นอีกไม่นานท่านจึงเกิดความเบื่อหน่ายเรื่องทางโลก ท่านจึงตัดสินใจบวช แล้วท่านจึงออกธุดงค์เรื่อยมาจนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อว่าหมู่บ้านพุขามท่านจึงสร้างวัดศรีธงชัยขึ้น ที่หมู่บ้านแห่งนี้แล้วเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดนี้ จวบจนท่านมรณภาพ เมื่อปี ๒๕๑๙
หลวงพ่อสุธี ท่านเป็นสหธรรมมิก กับหลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก เทพเจ้าแห่งเมืองมะขามหวาน ท่านเคยพูดให้ลูกศิษย์ ฟังอยู่เสมอ ว่า “หลวงพ่อทบเป็นอาจารย์ของฉัน” ทั้งๆที่ท่านไม่เคยไปเรียนวิชากับหลวงพ่อทบเลย แต่ท่านก็พูดอย่างนั้นบ่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อปี ๒๕๑๘ ที่วัดศรีธงชัยมีงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต หลวงพ่อสุธี ท่านบอกว่า “ฉันจะนิมนต์หลวงพ่อทบ มาเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเศกที่วัดนี้” มีลูกศิษย์คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “หลวงพ่อทบท่านอายุมากแล้วสายตาของท่านก็มองไม่เห็นแล้วท่านจะมาหรือ” หลวงพ่อสุธีท่านบอกว่า “ท่านต้องมาซี ก็ฉันไปนิมนต์ท่านไว้แล้ว เมื่อถึงวันงานพวกเองจงขับรถไปรับท่านที่วัดช้างเผือก ท่านต้องมาแน่ๆ” แต่ความจริงแล้วหลวงพ่อสุธี ไม่ได้ไปนิมนต์หลวงพ่อทบหรอก ไม่รู้ทำไมหลวงพ่อสุธีท่านจึงพูดแบบนั้น เมื่อถึงวันงาน
หลวงพ่อทบก็มาเป็นประธานปลุกเสกให้จริงๆ หลังจากปลุกเสกเสร็จ หลวงพ่อทบท่านพูด กับโยมที่จะไปส่งท่านกลับวัดว่า “ เออ... สมภารวัดนี้ นี่ไม่เบานะ ไปนิมนต์ข้าถึงที่วัดเชียว” คนที่ได้ยินต่างคนต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย แล้วก็ว่าทีแรกคิดว่าหลวงพ่อสุธีท่านพูดเล่นเสียอีก
หลวงพ่อสุธีท่านสร้างวัตถุมงคลไว้ไม่มาก ส่วนใหญ่ท่านจะปลุกเสกเดี่ยว ยุคแรกๆ จะออกประมาณปี ๒๕๑๐ ดังนี้ เหรียญรุ่นแรกนั่งเต็มองค์คล้องลูกประคำ เนื้ออัลปาก้า หลังยันต์ใบพัด ในพื้นที่เรียกเหรียญนักกล้าม , รูปหล่อปั๊มขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ขนาดใหญ่จะคล้ายกับรูปหล่อหลวงพ่อมุ่ยรุ่น ๒ ส่วนขนาดเล็กจะคล้ายกับรูปหล่อปั๊มหลวงพ่อพรหมรุ่นแม่ชีกุหลาบ แต่จะมีอยู่รุ่นหนึ่งที่ท่านนิมนต์เกจิอาจารมาปลูกเสกหลายรูป คือรุ่นงานฝังลูกนิมิตปี ๒๕๑๘ ครับที่มีเกจิอาจารย์หลายท่านปลุกเสก ดังนี้ครับ หลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม พระครูละมูล วัดเสด็จ และหลวงพ่อสุธี วัดพุขาม วัตถุมงคลที่เข้าพิธี มีดังต่อไปนี้ เหรียญรูปไข่หันข้างหลังพระประธาน รูปหล่อฉีดเนื้อทองเหลืองมีทั้งแบบรมดำ และไม่รมดำ ที่ฐานด้านหน้าเขียนว่า “หลวงพ่อที” ด้านหลังฐานมีเลข ๑๘ ใต้ฐานอุดกริ่ง มียันต์ มะ อะ อุ และพระปางประจำวันครบทั้ง ๗ ปาง เนื้อดินสีแดง ห้าเหลี่ยม ด้านหลังเป็นตัวหนังสือกดลงไปในเนื้อพระ “ส.ท.๒๕๑๙” และ “ส.ท.๒๕๑๗” ทั้งสองแบบปลุกเสกพร้อมกันครับ คนรุ่นเก่าในเขต ตำบลพุขาม และตำบลใกล้เคียงนั้นนับถือหลวงพ่อสุธี มาก ชนิดที่ว่าถ้าใครมีวัตถุมงคลที่สร้างในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น จะเก็บกันเงียบไม่ยอมปล่อยให้หลุดออกมานอกพื้นที่เลย
เรื่องประสบการณ์วัตถุมงคลของท่านนั้นเล่าเป็นวัน ๆ ก็ไม่จบครับ ไปถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวๆ วัดพุขามดูได้ ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านราคายังไม่แพงครับและไม่มีของเก๊ด้วย ถ้าท่านผู้อ่านไปเจอพระหลวงพ่อสุธีที่ไหนอย่าปล่อยให้หลุดมือเชียว
|