ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 11450
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ประวัติและวิธีการสร้าง พระปิดตาแร่บางไผ่ หลวงปู่จัน วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย morntanti เมื่อ 2014-10-17 09:10

ประวัติและวิธีการสร้าง พระปิดตาแร่บางไผ่ หลวงปู่จัน วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี
ประวัติและวิธีการสร้าง พระปิดตาแร่บางไผ่ หลวงปู่จัน วัดโมลี จังหวัดนนทบุรี

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน พระปิดตาเนื้อโลหะอีกองค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่อดีต ก็คือ พระปิดตาแร่บางไผ่ ของ หลวงปู่จัน วัดโมลีนนทบุรี และเป็นพระปิดตาแบบเดียวที่ใช้แร่เหล็กมาถลุงหลอมเทเป็นองค์พระและเป็นยอดแห่งพระปิดตา มหาอุตม์เนื้อโลหะของนนทบุรี

วัดโมลี หรือเดิมเรียกกันว่า วัดใหม่สุวรรณโมลี พระอารามแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลบางรักใหญ่ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี วัดนี้สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.2369 ผู้สร้างวัดชื่อเถื่อน ต่อมาได้อุปสมบทและเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ต่อมาได้ ลาสิกขาบทไป เจ้าอาวาสรูปที่ 2 ชื่อแก้ว เจ้าอาวาสรูปที่ 3 ชื่อจัน เป็นพระอาจารย์ที่ทรงวิทยาคมสูง และเป็นผู้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่อันโด่งดัง

หลวงปู่จัน ท่านได้ค้นพบว่ามีสายแร่เหล็กจากคลองบางไผ่และบางคูรัด ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่มีความศักดิ์สิทธิ์เหมาะแก่การสร้าง พระเครื่องเครื่องรางของขลัง และ วัตถุมงคลที่ทรงอานุภาพทางคงกระพันและแคล้วคลาด ท่านจึงคิดนำแร่ชนิดนี้มาสร้างเป็นพระปิดตามหาอุตม์ ท่านได้ให้ลูกศิษย์ของท่านพายเรือพาท่านออกตามหาแร่ตามคลองบางไผ่ ซึ่งก็พบแร่ชนิดนี้อยู่ในน้ำตามคลองบางไผ่จำนวนหนึ่ง ท่านก็ได้นำเอามาใส่ตุ่มแช่น้ำไว้ข้างๆ กุฏิของท่าน ว่ากันว่าท่านได้เลี้ยงแร่ไว้ในตุ่ม ซึ่งต้องใช้คาถากำกับเพื่อให้ตัวแร่งอกเพิ่มจำนวน หลวงปู่จันท่านยังได้ออกตามหาแร่บางไผ่อีกตลอด ได้บ้างไม่ได้บ้าง จนในที่สุดแร่ในคลองบางไผ่ก็หายไปหมดไม่พบอีก ท่านจึงได้เข้าสมาธิดูก็รู้ว่า แร่ย้ายตัวเองหนีไปอยู่ที่คลองบางคูรัด ท่านก็ได้ตามไปและพบแร่ชนิดนี้อีกจำนวนหนึ่งท่านก็ได้นำมารวบรวมไว้ในตุ่มน้ำ จนมีจำนวนพอที่จะสร้างพระได้ ท่านจึงได้เริ่มสร้างพระปิดตาขึ้นประมาณกันว่าในปี พ.ศ.2425 โดยท่านจะให้พระและลูกศิษย์ของท่านปั้นหุ่นเทียนเป็นรูปองค์พระตามที่ท่านกำหนด เป็นองค์ๆ ไป และวางเส้นยันต์ที่ฝั้นเป็นเส้นกลมๆ แบบเส้นขนมจีน นำมาวางเป็นเส้นยันต์ตามที่ท่านกำหนด

ดังนั้นการสร้างด้วยวิธีการแบบนี้ องค์พระจึงไม่มีองค์ใดที่เหมือนกันเป๊ะเลย ซึ่งพระแบบโบราณเช่นพระกริ่งตั๊กแตนก็สร้างโดยปั้นหุ่นเทียนเป็นองค์ๆ แบบนี้เช่นกัน แต่ก็ยังอยู่ในกรอบที่หลวงปู่จันกำหนดไว้ การเทหล่อก็เป็นแบบเดียวกับพระปิดตาหลวงพ่อทับ วัดทอง

พระปิดตายันต์ยุ่งของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง คือเทหล่อแบบโบราณด้วยการเข้าดินหุ่น แล้วเททีละองค์ จากกรรมวิธีการหาแร่และกรรมวิธีการสร้าง จึงทำให้พระปิดตาแร่บางไผ่มีจำนวนไม่มากนัก และด้วยสาเหตุที่หลวงปู่จันได้เนื้อแร่มาจากคลองบางไผ่เป็นปฐมนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อเรียกพระปิดตาของหลวงปู่จันว่า ?พระปิดตาแร่บางไผ่?

ลักษณะของเนื้อพระแร่บางไผ่นั้น จากการหลอมโลหะในสมัยนั้นจึงทำให้เนื้อโลหะจากแร่เหล็กไม่สามารถหลอมละลายเข้ากันได้อย่าง ดีนัก อีกทั้งยังมีขี้แร่ผสมอยู่ในตัวเนื้อ แต่ก็เป็นเอกลักษณ์พิเศษในตัวพระปิดตาแร่บางไผ่ ซึ่งจะปรากฏเส้นเสี้ยนในเนื้อพระที่เกิดขึ้นจากการหลอมแร่ ลักษณะคล้ายเสี้ยนตาลวิ่งสวนกันไปมาในบางจุด ซึ่งจะมีในพระแร่บางไผ่แท้ทุกองค์มากน้อยต่างกันไป และเป็นจุดสังเกตในการพิจารณา ดังคำของคนรุ่นเก่ากล่าวว่า ?ปิลันทน์ให้ดูไข บางไผ่ให้ดูเสี้ยน? ตัวสนิมของพระปิดตาแร่บางไผ่ จะมีสีสนิมแบบสนิมของเหล็ก เนื่องจากเป็นเนื้อแร่เหล็กครับ

พระปิดตาแร่บางไผ่ สามารถแยกพิมพ์ออกได้คร่าวๆ ดังนี้ 1.พิมพ์หมวกแก๊ป 2.พิมพ์เศียรตัด 3.พิมพ์เศียรโต 4.พิมพ์ทองหยอด 5.พิมพ์ปิดตาไม่โยงก้น ฯลฯ นอกจากนี้ก็ยังมีพระพิมพ์อื่นๆ อีกบ้างที่ไม่ได้เป็นแบบพิมพ์พระปิดตาก็มี แต่ก็พบน้อยมากครับ ในวันนี้ผมก็นำรูป พระปิดตาแร่บางไผ่ หลวงปู่จัน มาให้ชมกันเช่นเคยครับ

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-10-17 09:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แร่บางไผ่ยังมีอยู่จริงหรือ?
(1/3) > >>
นรก:
?แร่บางไผ่? เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีแหล่งแร่เฉพาะที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เท่านั้น ส่วนพุทธของแร่บางไผ่ เป็นโลหะธาตุที่นักนิยมพระเครื่องทราบดีว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์

เมื่อนำมาสร้างเป็นวัตถุมงคลจะทรงพลานุภาพความศักด์สิทธิ์เข้มขลัง ดังที่พระเกจิโบราณาจารย์คือหลวงปู่จัน เมื่อครั้งอดีตได้สร้าง?พระปิดตาแร่บางไผ่? เป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่คงความยอดนิยมแถวหน้าตลอดมา

ปัจจุบันนี้การสร้างวัตถุมงคลโดยใช้แร่บางไผ่เป็นมวลสารนั้นไม่ค่อยพบเห็น ด้วยเหตุผลที่ว่าพระผู้ที่เก็บแร่บางไผ่นั้นมีน้อยองค์ ขณะเดียวกันพื้นที่เก็บแร่นั้นก็ลดลงตามการขยายตัวของเมือง ที่สำคัญคือการสร้างวัตถุมงคลที่ใช้แร่บางไผ่เป็นมวลสารนั้นทำได้ยาก รวมทั้งวัตถุมงคลไม่สวยสมบูรณ์เหมือนการใช้มวลสารอื่นๆ?

พระครูวิสาลสรคุณ (หลวงพ่อไวพจน์ กตปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดสามง่าม อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งศึกษาวิธีเก็บและหุงแร่บางไผ่ บอกว่า ถิ่นกำเนิดของแร่บางไผ่ ความจริงแร่บางไผ่นั้นไม่ได้เกิดที่บางไผ่ แต่เกิดที่คลองบางคูรัด อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ดินเหนียวเหมาะแก่การเกษตรกรรมมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแร่ชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อดูผิวเผินแล้วเหมือนดินดานจับปึกและมีในเนื้อที่ไม่กว้างนัก ชาวบ้านที่อาศัยพื้นที่ทำนาทำสวนไม่ทราบเลยว่านี่คือแร่ชนิดหนึ่ง เมื่อนำจากธรรมชาติมาหล่อหลอมด้วยไฟแรงสูงแล้วจะมีสภาพกลายเป็นแร่เหล็กทันที เพราะแม่เหล็กจะสามารถดูดติด แต่ถ้าอยู่ตามธรรมชาติ แม่เหล็กจะดูดไม่ติด

ก่อนการเก็บดินที่มีส่วนผสมของแร่บางไผ่ต้องบวงสรวงขอจากเจ้าที่ก่อน โดยจะเก็บได้เฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั่น ซึ่งถ้าออกไปเก็บนอกฤดูฝนจะไม่พบ ปัจจุบันนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะพื้นที่บริเวณดังกล่าวจากในอดีตที่เป็นเรือกสวนไร่นา กลับกลายเป็นหมู่บ้าน โรงงานไปเกือบหมดแล้ว ทำให้สถานที่เก็บแร่น้อยลงไปด้วย ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าในอนาคตหากมีการสร้างหมู่บ้านจัดสรรมากๆ ในที่สุดก็จะไม่มีสถานที่เก็บแร่บางไผ่

"คนอายุร่วม ๑๐๐ ปี เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนนี้มีมากมายในเนื้อที่ของตน แต่พอมาทีหลังค่อยๆ หายไปโดยไม่มีสาเหตุ และถ้าจะเก็บจะต้องบวงสรวงก่อน มิฉะนั้นจะหาไม่เจอและต้องเก็บในฤดูฝนเท่านั้น เมื่อเก็บแร่มาได้แล้ก็นำมาแช่ไว้ในโอ่งน้ำ โดยน้ำที่ใช้แช่นั้นเป็นน้ำคาวปลา (น้ำที่ล้างตัวปลาที่ทำแล้ว) เมื่อต้องการหุงแร่ก็นำไปผึ่งแดดให้แห้งจากนั้นก็เข้าเตาหลอม เมื่อหลอมก้อนดินที่มีส่วนผสมของแร่บางไผ่ก้อนที่หนัก ๑ กิโลกรัมจะได้เนื้อแร่บางไผ่ประมาณ ๕ ขีด" หลวงพ่อไวพจน์ กล่าว
พุทธคุณของแร่บางไผ่

นายนิพนธ์ เฮงเส็ง หรือ นุ เพชรัตน์ เซียนพระเครื่องของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า ตามคติความเชื่อเรื่องพุทธคุณของแร่บางไผ่ มีความเชื่อกันว่าความอัศจรรย์ดังกล่าวในการทำพระของหลวงปู่จันนั้น ผู้นำไปใช้นำมาเล่าขานกันต่อมาว่า คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย มั่งมีศรีสุข

ในตำนานหลวงปู่จัน ผู้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ ท่านมีความรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุ และรู้จักแร่ธาตุต่างๆ เป็นอย่างดี ท่านจึงนำแร่ดังกล่าวนี้มาเพื่อจะแปรธาตุให้เป็นทองคำ และท่านกล่าวไว้อีกว่า แร่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เมตตา คงกระพันอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่สามารถเป็นทองคำได้ ท่านจึงหันเหจากการแปรธาตุกลับมาทำเป็นพระปิดตายันต์ยุ่งที่ขึ้นชื่อลือชานักหนา ปัจจุบันมีการเช่าบูชากันในราคาเกือบล้าน

นอกจากนี้แล้วแร่นั้นเสมือนมีชีวิตถ้าอยู่ตามธรรมชาติ จะต้องอยู่ในน้ำเท่านั้นจึงจะนำมาหล่อหลอมแล้วมีธาตุเหล็กเหลืออยู่ ถ้าอยู่ที่แห้งนานๆ ถึงแม้นำมาหล่อหลอมก็จะกลายเป็นเถ้า ไม่มีธาตุเหล็กหลงเหลืออยู่เลย และก่อนที่จะนำมาหลอม เมื่อนำมาจากธรรมชาติแล้ว ต้องเลี้ยงด้วยน้ำคาวปลา แร่นั้นจึงจะมีน้ำหนักสมบูรณ์ เมื่อมาหล่อหลอมก็จะไล่ขี้ออกได้ง่ายอย่างน่าอัศจรรย์

"นักเดินไพรสมัยก่อนอมพระปิดตาแร่บางไผ่ไว้ในปาก เดินได้เป็นวันๆ ไม่ต้องกินน้ำ มีกำลังวังชา คนโบราณเอาพระแช่น้ำมันงาไว้ เอาสำลีจุ่มน้ำมางาทัดหูไป เพียงแค่นั้นก็อยู่คงแล้ว อุปเท่ห์การใช้พระแร่บางไผ่ ที่ให้คุณวิเศษอีกอย่างหนึ่งคือท่านให้เอาพระแช่น้ำผึ้งไว้ แล้วเอาน้ำผึ้งมากินทุกวัน ท่านว่าทำให้มีกำลัง ไม่เหนื่อยง่าย อายุยืน ไปไหนมาไหนก็คล่องแคล่วไม่เจ็บป่วย ที่ดินของชาวบ้านที่มีแร่บางไผ่ ไม่มีครอบครัวไหนที่ยากจนเลย มีแต่ครอบครัวมั่งคั่ง แร่บางไผ่นั้นเมื่อนำมาทำพระโดยสมบูรณ์แล้ว ต้องแช่น้ำมันงาจึงจะเกิดความสวยงาม ชุ่มฉ่ำ และดูลึกซึ้งยิ่งนัก" นุ เพชรัตน์ กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องกรรมวิธีเก็บแร่และหุงบางไผ่ ทราบว่าหลวงพ่อไวพจน์จะออกไปเก็บแร่บางไผ่เพื่อมาสร้างวัตถุมงคล ฤดูฝนที่จะมาถึงนี้จะมีการเก็บอีก ใครสนใจสอบถามรายระเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.๐-๒๙๙๒๕-๕๓๘๐ และ ๐-๒๙๒๕-๕๙๒๑

รูปครับ   http://www.komchadluek.net/2007/04/24/photo_18232.php
เครดิต>>>ไตรเทพ ไกรงู (คม ชัด ลึก)


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้