เกียงไท้กง "องค์เทพผู้สถาปนาเทพ"

รามเทพ

เกียงไท้กง..องค์เทพผู้สถาปนาเทพ

หนึ่งในมหาเทพชั้นบรมครูองค์นี้ เป็นที่ศรัทธาเคารพในอภินิหาร และบารมีของท่านซึ่งเป็นที่ประจัก์แก่เหล่าศิษย์มาช้านาน เมื่อครั้งยังมีชีวิตท่านคือสุดยอดกุนซือที่เก่งที่สุดที่ได้รับจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน
เดิมทีเคยรับราชการในราชวงศ์ซาง แต่เนื่องจากไม่พอใจลักษณะการปกครองที่ใช้วิธีโหดเหี้ยมทารุณของอ๋องโจ้ว จึงได้ลาออกจากการเป็นขุนนาง หลบลี้ไปพำนักอยู่ในถิ่นทุรกันดารริมแม่น้ำเว่ยสุ่ยมณฑลส่านซี และเพื่อที่จะได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนเพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่ เขาจึงต้องการทำงานให้อ๋องโจวเหวิน
เกียงไท้กงมักจะนั่งเคาะกระดิ่งอยู่ริมฝั่งน้ำ ซึ่งธรรมดาเมื่อคนตกปลาจะใช้คันเบ็ดโค้งยาวติดเหยื่อปลาที่มีกลิ่นหอมจุ่มลงไปในน้ำเพื่อรอให้ปลามาติดเบ็ด ทว่าคันเบ็ดของท่านนั้นเป็นไม้ลำตรงไม่แขวนเหยื่อปลา ทั้งไม่จุ่มลงในน้ำ หนำซ้ำปลายคันเบ็ดห่างจากน้ำกว่า 3 คืบ เขาถือคันเบ็ดพลางพูดพึมพำกับตัวเองว่า "ปลาตัวไหนตกลงใจว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ ก็มากินเบ็ดคันนี้เอาเองเถิด"
วันหนึ่ง มีคนตัดฟืนเดินผ่านมา พบเกียงไท้กงทำท่าทางตกปลาที่แสนประหลาดจึงได้เอ่ยถามว่า "ท่านผู้เฒ่า ตกปลาแบบของท่านนี้ น่ากลัวว่าผ่านไป 100 ปีก็คงยังไม่มีปลามาติดเบ็ด"
เกียงไท้กงจึงตอบว่า "บอกความจริงต่อเจ้าก็ได้ ว่าข้าไม่ได้อยากให้ปลามาติดเบ็ด แต่ต้องการให้ฮ่องเต้มาติดเบ็ดต่างหาก"การตกปลาที่แสนพิศดารของเกียงไท้กง สุดท้ายก็ได้ยินไปถึงหูของจีชาง(นามเดิมของอ๋องโจวเหวิน ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว) เขาจึงได้ส่งทหารไปเชิญเกียงไท้กงมาพบ ทว่าเมื่อทหารผู้นั้นไปถึง เกียงไท้กงแม้มองยังไม่ยอมมอง กลับพึมพำว่า "ตกปลา ตกปลา ปลาไม่ติดเบ็ด มีแต่กุ้งฝอยติดมาให้รำคาญ"
จีชางได้ฟังทหารกลับมารายงาน จึงได้เปลี่ยนให้ขุนนางผู้หนึ่งไปเชิญเกียงไท้กงมาพบ แต่เมื่อไปถึง เกียงไท้กงยังคงพึมพำกับตัวเองว่า "ตกปลา ตกปลา ปลาใหญ่ไม่ติดเบ็ด มีเพียงปลาเล็กติดมาให้รำคาญ"

ครั้งนี้จีชางจึงเข้าใจว่าเกียงไท้กงต้องเป็นอัจริยะบุคคลผู้หนึ่ง จึงไปพบด้วยตนเองเพื่อเชิญมาช่วยเหลืองานแผ่นดิน โดยก่อนไป จีชางได้รับประทานมังสะวิรัติติดต่อกัน 3 วัน อาบน้ำเปลี่ยนชุดอย่างปราณีตเพื่อแสดงความตั้งใจจริง เมื่อเกียงไท้กงเห็นว่าจีชางมีความตั้งใจจริงที่จะมาเชิญตนเข้าวัง จึงตกลงใจตามมาช่วยเหลือ
ภายหลัง เกียงไท้กงเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้ จีชางขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจวในนามของอ๋องโจวเหวิน และช่วยเหลือจีฟา(อ๋องโจวอู่) บุตรชายของจีชางล้มล้างราชวงศ์ซาง เขาจึงได้รับปูนบำเหน็จให้ปกครองแคว้นฉี และเป็นอ๋องคนแรกของรัฐฉีในสมัยชุนชิว

ปัจจุบัน "ไท่กงเตี้ยวอี๋ว์" หรือ "ไท่กงตกปลา" เป็นสำนวน แปลว่า ทั้งๆ ที่รู้แต่ก็ยินยอมพร้อมใจจะติดกับดักที่คนอื่นวางไว้
เอกสารสำคัญของเกียงไท้กง ที่ได้รับการศึกษาวิเคราะห์ตกทอดสืบต่อกันมากว่าสามพันปีคือ หกยุทธวิธีแห่งการสงครามของเกียงไท้กง หรือ คำสอนยุทธศาสตร์หกวิธีอันลี้ลับของเกียงไท้กงกล่าวกันว่านักตำราพิชัยสงครามหลายท่านในสมัยโบราณที่มีชื่อเสียง ได้ศึกษาตำราเจ้าตำรับเล่มนี้มาก่อนทั้งสิ้น เช่น ขงเบ้ง ตำราเล่มนี้เขาเขียนเมื่อไปเป็นเจ้าเมืองเจียงก่อนถึงแก่อนิจกรรม

คัดลอกจาก http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx…
เทพเจ้าเกียงไท้กง (2)
เกียงไท้กงหรือองค์พรหมประกาศิต บรมครูของตั้วก๋ง ยี่ก๋ง ซาก๋ง เทพผู้สถาปนาเหล่าเทพ ถือธงเหลืองปักอักษรลิ่ง 令 แปลว่า "คำสั่ง"เป็นเทพชั้นสูงระดับอาจารย์ของตั้วก๋ง ยี่ก๋ง ซาก๋งที่มีการอัญเชิญญาณบารมีมาสถิต ณ ศาลเจ้าแห่งนี้เมื่อครั้งหลวงพ่อโอภาสียังดำรงขันธ์

ท่านเป็นผู้แต่งตั้งเทพเจ้าบนสวรรค์ถึง 365 พระองค์ มีนามเรียกแบบจีนอีกแบบว่า เกียงไท่กงไจ้ชื่อไป๋อู๋ จิ้นจี่ แปลว่า เกียงไท่กงอยู่ที่นี่ไม่มีข้อห้าม ไม่ว่าจะชงหรือกี๋ก็ตาม

กล่าวกันว่าบ้านเรือนใดที่มีรูปภาพของท่านบูชา สิ่งชั่วร้ายทั้งร้ายไม่อาจเข้ามาได้ ผู้ใดปีชงถ้าบูชาองค์ท่าน ย่อมไม่มีคำว่าปีชง จะทำการสิ่งใดไร้ซึ่งอุปสรรคทั้งหลาย ชื่อของท่านเป็นที่เกรงขามของพวกภูตผีปีศาจ หลายแห่งจึงมักเขียนข้อความว่า 姜太公在此百事無禁忌 เกียงไท้กงอยู่ที่นี่ภูติผีทั้งหลายห้ามเข้า
อันเป็นยันต์ป้องกันผีได้ชะงัดนัก