กฤดาภินิหารศรีชยวรมัน (ความเก่งกล้าทั้งบู๊และบุ๋นของเจ้าชายชัยวรมัน)
ณ ท้องทุ่งโปนากา ใกล้เมืองวิชัย เมืองหลวงแห่งอาณาจักรจามปา ดารดาษไปด้วยพลรบขอม เซ็งแซ่ไปด้วยเสียงช้างม้าและเภรีศึก ทิวธงโบกพลิ้วลัดลมร้อนแห่งคิมหันตฤดู ราหูกัมพลผืนใหญ่รูปราหูคาบนาคาสีขาวบนพื้นสีแดงฉาน นั่นคือธงประจำองค์ของ “เจ้าชายชัยวรมัน” ราชโอรสผู้เรืองฤทธิ์ของพระเจ้าอินทรวรมันแห่งราชอาณาจักรขอมอันเกรียงไกร ซึ่งทรงประทับอยู่บนคอคชสารอันสูงใหญ่ท่ามกลางเหล่าทวยทหารหาญกว่าแสนนาย อันเจ้าชายชัยวรมันผู้นี้ เป็นที่ระย่อเดชแก่ศัตรูไปทั่วทั้งสุวรรณทวีป ด้วยทรงเรืองอาคมยิ่งนัก ทรงเรียกกลม เรียกฝน และพญานาคราชมาใช้ได้ดั่งใจหมาย อาวุธอันเรืองฤทธานุภาพคู่พระหัตถ์คือ พระแสงขรรค์ชัยศรี และพระแสงศรพรหมศาสตร์ ไม่เคยมีอริศัตรูผู้ใดรอดชีวิตจากพระแสงอาวุธทั้งสองนี้ได้เลยแม้แต่ผู้เดียว พระมหาวีรวรมัน พระโอรสผู้ทรงเป็นแม่ทัพม้าของพระบิดานั้นเล่าก็ทรงเก่งกาจเชี่ยวชาญในเชิงยุทธและกลศึกยิ่งนัก ยิ่งพระบิดาทรงถ่ายทอดพระคาถาอาคมทั้งสิ้นไว้ให้ด้วยทรงหมายพระทัยว่าจะเป็นตัวแทนพระองค์ในภายหน้าได้ “พระเจ้าภคมินทร” จอมกษัตริย์แห่งอาณาจักรจามปานั้นทรงเป็นศิษย์เอกของพระพรหมฤาษีเคราแดง ในเรื่องพระคาถาอาคมอันเรืองฤทธิ์ไม่เคยเป็นรองให้ ก่อนจะละสังขารได้มอบไม้เท้าอันมีคุณวิเศษไว้ให้ พระเจ้าภคมินทรจึงทรงนำมาเป็นธารพระกรคู่พระหัตถ์ ในยามศึกสงครามสามารถให้ดลบันดาลให้เกิดฝนกรดอันมีพิษร้ายแรงทำลายล้างศัตรูให้พินาศลงได้ คำเล่าลือในกฤดาภินิหารของเจ้าชายชัยวรมันจึงมิเคยอยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้าภคมินทรเลยแม้แต่น้อยนิด แต่พระเจ้าภคมินทรให้ฉงนพระทัยยิ่งนักที่ทัพขอมสามารถฝ่าเมืองหน้าด่านต่างๆ อันมีขุนทัพที่เรืองฝีมือของอาณาจักรจามปาควมคุมอยู่ เข้ามาถึงท้องทุ่งโปนากา นอกกำแพงเมืองวิชัยได้อย่างไร เหตุใดไม่มีการส่งข่าวศึกขอมอันมีกำลังพลศึกแสนห้าหมื่นนายเข้ามาให้พระองค์ทรงทราบเลย พระเจ้าภคมินทรหาได้ทรงทราบไม่ว่า เมื่อเจ้าชายชัยวรมันทรงระดมพลขอมเข้าตีเมืองหน้าด่านทุกเมืองนั้น ได้ส่งพระมหาวีรวรมันแม่ทัพม้าคุมทหารม้าบางส่วนไปแอบซุ่มควบคุมเส้นทางจากเมืองหน้าด่านไว้ก่อนแล้ว เส้นทางจากเมืองถึงเมืองจึงถูกควบคุมจากทหารม้าของราชอาณาจักรขอมทุกเส้นทาง ดังนั้นการติดต่อกันโดยให้ม้าเร็วนำสารจึงมิอาจเล็ดลอดมือทหารขอมไปได้เลย ทุกเมืองหน้าด่านจนถึงเมืองหลวงจึงตกอยู่ในภาวะเงียบเชียบ เมื่อรู้ข่าวศึกขอมก็บุกประชิดติดล้อมกำแพงเมืองเสียแล้ว แต่การส่งข่าวสารของขอมเจ้าชายชัยวรมันทรงใช้นกพิราบสื่อสารซึ่งรวดเร็วและปลอดภัยกว่าทหารนำสาร สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในพระปรีชาสามารถที่ทำให้พระองค์มีชัยในการศึกเสมอมา เสียงเภรีศึกขอมรัวกระหน่ำ เสียงโห่ฮึกเสียงโกญจนาทของคชสารแห่งทัพขอมที่พยายามรุกเข้าปีนกำแพงเมืองสร้างความขุ่นเคืองในพระราชหฤทัยของพระเจ้าภคมินทรเป็นที่ยิ่ง ทรงสั่งให้จัดทัพใหญ่ขึ้นทันที
“กูจัดออกไปสั่งสอนขอมให้มันรู้ฤทธิ์ของชาวจามเสียบ้าง หากมันแตกพ่าย กูจักตามโจมตีไปถึงบ้านถึงเมืองของมัน ดูทีมันจักรับมือกูอยู่หรือไม่”พระ เจ้าภคมินทรทรงประทับบนคอคชศึก สูง 12 ศอก งายาว 2 วา 7 คืบ ต้อนทวยหาญจามออกประตูเมืองมา พลเดินเท้าทัพหน้า ขอมถูกทหารจามต้อนตีถอยร่นมิเป็นกระบวน เจ้าชายชัยวรมันทรงเห็นดังนั้นจึงทรงชักลูกศรพรหมศาสตร์ออกมาน้าวยิง หมายเอาผู้ที่อยู่คอคชาธารสูงใหญ่อันมีเศวตรฉัตรหลายชั้นอยู่นั้นเป็นที่หมาย เสียงคมศรแหวกพระพายดังกระหึ่มน่าสยองยิ่งนัก พระเจ้าภคมินทรทรงยกธารพระกรขึ้นกวัดแกว่ง คมศรลูกนั้นเบี่ยงเบนเข้าสู่ทรวงอกขุนทหารที่ยืนคชเคียงข้างทะลุไปเข้าท้องผู้ถือมยุรธุชกลางช้าง ไปปักเข้าทรวงอกควาญช้าง ดับชีพทหารร่วงหล่น จากหลังคชศึกทั้งสามนาย สร้างความตะลึงงันแก่ทัพจามทั้งกองทัพ
|