ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1955
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่หิน เขมิโก วัดอัมพวัน จังหวัดมหาสารคาม

[คัดลอกลิงก์]
หลวงปู่หิน เขมิโก วัดอัมพวัน จังหวัดมหาสารคาม


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-13 03:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"หลวงปู่หิน เขมิโก" อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน บ้านดอนบม ต.หนองจิก อ.บรบือ จ.มหาสารคาม เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีชื่อเสียงโด่งดังในพื้นที่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม อยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่อย่างยาวนานตราบจนปัจจุบัน

เกิดในสกุล อุทัยมา ณ บ้านหนองคู ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.มหาสารคาม เมื่อปี พ.ศ.2451 เป็นบุตรคนที่ 3 บิดา-มารดา ชื่อ นายคำภา และ นางมล อุทัยมา ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ช่วงวัยเด็กจบการศึกษาชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 จากโรงเรียนในหมู่บ้าน

อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ.2471 อุปสมบท ณ อุโบสถวัดบ้านหัวหนอง ต.ดอนหว่าน อ.เมือง จ.มหาสารคาม มี เจ้าอธิการเนียม พุทธสโร วัดศรีบุญเรือง ต.ดอนหว่าน เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังจากอุปสมบท ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองคู ศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ จากสำนักเรียนวัดบ้านหนองคู
ต่อมาท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนาขามเตี้ย อ.พล จ.ขอนแก่น ด้วยความเป็นพระหนุ่มไฟแรง จึงมักออกเดินธุดงควัตรไปตามป่าเขาหลายแห่งในภาคอีสานและข้ามเข้าเขตประเทศกัมพูชา พร้อมกับฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ชาวกัมพูชา พร้อมกับเรียนวิชาสมุนไพรอีกแขนงหนึ่ง

พ.ศ.2490 หลวงปู่หินมีความตั้งใจเดินทางกลับไปจำพรรษาที่วัดบ้านหนองคู บ้านเกิด ระหว่างทางท่านได้แวะเยี่ยมพี่ชายที่มาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่ที่บ้านดอนบม ต.หนองจิก อ.บรบือ จ.มหาสารคาม บรรดาญาติโยมชาวบ้านดอนบม เห็นว่าท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี จึงได้กราบนิมนต์ให้หลวงปู่หินอยู่จำพรรษาที่วัดอัมพวันบ้านดอนบม

หลวงปู่หินรับนิมนต์ และจำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดแห่งนี้ ตราบจนวาระสุดท้าย

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-13 03:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ช่วงที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดอัมพวัน วัตรปฏิบัติอย่างหนึ่งของหลวงปู่หิน คือ ท่านจะตื่นจากการจำวัดประมาณ 2 นาฬิกาของ ทุกคืน พร้อมกับเดินจงกรมรอบกุฏิที่พักจนถึงรุ่งเช้า จากนั้นจึงจะออกไปรับบิณฑบาต

นอกจากนี้ ในช่วงหลังเทศกาลออกพรรษาทุกปี ยังออกเดินธุดงควัตรไปตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งในภาคอีสาน เนื่องจากท่าน ชมชอบความสงบเงียบของป่าเขาเหมาะกับการปฏิบัติธรรม แสวงหาความหลุดพ้นตามรอยพระตถาคต

จากความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทำให้ ชื่อเสียงหลวงปู่หิน เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของญาติโยมในวงกว้าง ในแต่ละวันจะมีญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรมประพรมน้ำพระพุทธมนต์ รวมทั้งปรารถนาวัตถุมงคล ตะกรุด และผ้ายันต์อย่างล้นหลาม

หลวงปู่หินนิยมพร่ำสอนญาติโยมอยู่ เสมอว่า ให้ดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาทต้องรักษาศีล 5 ให้ได้ชีวิตจึงจะพานพบแต่ความสุข

นอกจากนี้ ยังได้ชื่อว่าเป็นพระนักพัฒนา ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ได้รับการบริจาคมาจากศรัทธาของญาติโยมท่านได้นำไปพัฒนาวัดอัมพวัน บ้านดอนบม ให้เจริญรุ่งเรืองไม่ว่าจะเป็นศาลาการเปรียญ พระอุโบสถ กำแพงแก้ว เป็นต้น ทำให้วัดแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว รวมทั้งพัฒนาบรรยากาศภายในบริเวณวัด ด้วยความร่วมมือจากญาติโยมปลูกต้นไม้ไว้จำนวนมาก เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมยิ่ง

ส่วนความรู้ด้านสมุนไพรของหลวงปู่ ท่านสามารถช่วยชีวิตชาวบ้านได้มาก สมัยนั้นพุทธศาสนิกชนทั้งบ้านใกล้และไกล หากเกิดเจ็บป่วย ต้องเข้ารับการรักษาด้วยยาสมุนไพรของท่าน โดยที่หลวงปู่ไม่ได้เรียกเก็บเงินค่ารักษาแต่อย่างใด

ด้านตำแหน่งงานปกครองคณะสงฆ์ หลวงปู่หินได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน

ด้วยความตรากตรำ หลวงปู่หินอาพาธบ่อยครั้ง แต่ท่านไม่เคยปริปากให้ศิษยา นุศิษย์ รวมทั้งญาติโยมทราบเพราะท่านเห็นว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติของสรรพสัตว์โลก

สุดท้ายหลวงปู่หิน มรณภาพอย่างสงบ ในปี พ.ศ.2522 สิริอายุ 71 พรรษา 51

ณ วันนี้ถึงแม้หลวงปู่จะละสังขารไปนานแล้ว แต่คุณงามความดีของท่านยังคงปรากฏอยู่ในใจของพุทธศาสนิกชนตลอดกาลนาน


ที่มา http://www.itti-patihan.com/
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้