ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1871
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่แบน (จนฺทสโร) วัดพุน้อย

[คัดลอกลิงก์]
หลวงปู่แบน (จนฺทสโร) วัดพุน้อย


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 03:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่แบน (จนฺทสโร) วัดพุน้อย

หลวงปู่แบน จนฺทสโร เดิมจำพรรษาวัดตาลเจ็ดชื่อ ตำบลย่านซื่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เริ่มจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้อย เมื่อปี พ.ศ. 2513 หลวงปู่แบนมีความรู้เรื่องยาสมุนไพรจึงรักษาญาติโยมด้วยยาแผนโบราณ และเริ่มนำชาวบ้านพุน้อยก่อสร้างเสนาสนะ

หลวงปู่แบน เริ่มจำพรรษาอยู่ที่วัดพุน้อยเมื่อ พ.ศ. 2513 ขณะนั้นมีพระจำพรรษาอยู่ 3 รูป หลวงปู่แบน มีความรู้เรื่องยาสมุนไพร จึงรักษาญาติโยมที่เจ็บป่วยด้วยยาแผนโบราณ

หลวงปู่แบน จนฺทสโร แห่งวัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พระเกจิอาจารย์ต้นตำรับแห่งการปลุก เสก สร้าง “เรือแม่ตะเคียนทอง” ที่โด่งดังที่สุด เนื่องจากในอดีตกาลที่หลวงปู่แบนยังเป็นฆราวาส ได้อาศัยประกอบอาชีพค้าขายอยู่ในเรือสำปั้น ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีตหลวงปู่แบนท่านชอบเรียนทางวิชาคาถาอาคม ครั้นเมื่อมาบวชเป้นพระ ท่านจึงได้แตกฉานในวิชาแขนงนี้ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง จวบจนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2516 หลวงปู่แบนท่านก็ได้รับถวายต้นตะเคียนทองต้นใหญ่ จากชาวบ้านซึ่งได้ขุดพบฝังอยู่ในดินเป็นเวลานับร้อยๆ ปี โดยมีรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง

ครั้นเมื่อไปถึงหลวงปู่แบน ท่านก็ได้อัญเชิญวิญญาณของแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเป็นรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในต้นตะเคียนทอง ให้มาสร้างบารมีอยู่ที่วัดพุน้อยด้วยหลังจากได้นำเอาตะเคียนทองใหญ่มาไว้ที่ วัดพุน้อย ก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น เมื่อญาณของแม่ตะเคียนทองได้เข้าไปในนิมิตของหลวงปู่แบนว่า “อยากจะร่วมสร้างบารมีบุญกับหลวงปู่ด้วย !!!” โดยแม่ตะเคียนทองได้ขอให้หลวงปู่แบนเอาต้นตะเคียนทองที่ตนอาศัยอยู่นั้นมาทำ เป็นเรือแม่ตะเคียนทอง เพื่อหลวงปู่จะได้นำเรือนี้ไปช่วยเหลือผู้คนในด้านทำมาหากิน ค้าขายให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น และด้วยนิมิตดังกล่าว หลวงปู่แบน จนฺทสโร ก็ได้นำเอาตะเคียนทองใหญ่นั้นมาทำเป็นเรือสำปั้น ปลุกเสกด้วยคาถาเมตตาทำมาหากินคล่อง และอัญเชิญญาณบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย (ซึ่งเป็นรุกขเทวดา) ได้สถิตอยู่ในเรือทุกลำ

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 03:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้นเมื่อญาติโยมผู้ใดอยากจะได้ไปบูชาก็ต้องทำพิธีรับเรือด้วยตนเอง และอัญเชิญบารมีแม่ตะเคียนทองนี้ไปอยู่ด้วย เพื่อจะได้ช่วยดลบันดาลให้ กิจการงาน ทำมาหาหากิน ค้าขาย เจริญรุ่งเรืองประสบผลสำเร็จ ซึ่งก็เป็นที่ฮือฮาอัศจรรย์จริงๆ เพราะถ้าหากว่าใครสามารถที่จะยกเรือขึ้นได้ ทางวัดจึงจะให้บูชาไปได้ ถ้าหากใครยกไม่ขึ้น วันหลังถึงค่อยมายกใหม่ หรือจนกว่าจะยกขึ้น ทางวัดจึงจะให้บูชาไป ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าแม่ตะเคียนทองเค้ายังไม่ยอมให้กับเรา หลวงปู่แบนท่านว่าอย่างนั้น ปัจจุบันแม้ท่านหลวงปู่แบน จนฺทสโร ท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ก็ยังมีศิษย์ก้นกุฏิที่ยังสืบสานวิชาการทำเรือตะเคียนทองขึ้นมาจนโด่งดัง ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน เจ้าอาวาสวัดพุน้อยรูปปัจจุบัน และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลหนองเมือง ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่แบนมากในสมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพ ด้วยเหตุที่ท่าน เป็นพระปฏิบัติดี นักพัฒนา และมีเมตตา หลวงปู่แบนท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาการ ทำเรือแม่ตะเคียนทอง อันเป็นต้นตำรับ ที่ท่านมีอยู่จนหมดสิ้น และที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติหลวงปู่แบน จนฺทสโร และรวมถึงอภินิหารของเรือแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเจ้าอาวาสวัดพุน้อย องค์ปัจจุบันคือ ท่านพระครูสมุห์ทิน สุทินฺโน ซึ่งเป็นศิษย์ผู้ใกล้ชิด ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาการปลุกเสกทำเรือแม่ตะเคียนทองแบบต้นตำรับ อาถรรพณ์ จากหลวงปู่แบน ได้ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าใครไปเข้าพิธีรับเรือ แล้วยกเรือไม่ขึ้น ทางวัดจะไม่ให้บูชาไป แต่ถ้าใครสามารถยกเรือขึ้นได้ ทางวัดก็จะให้บูชากลับบ้านไป ซึ่งนั่นก็หมายถึง บุคคลผู้นั้นมีวาสนาบุญบารมี รุกขเทวดาที่อาศัยในต้นตะเคียนทอง อยากที่จะไปทำให้ท่านมีโชคลาภ ทำมาค้าขาย เจริญรุ่งเรืองนั่นเอง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้