ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
พระสุภัทรบพิตร วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง จ.บุรีรัมย์
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 4614
ตอบกลับ: 1
พระสุภัทรบพิตร วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง จ.บุรีรัมย์
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-4-26 06:37
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
พระสุภัทรบพิตร
พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์
ประดิษฐาน ณ วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง
บ้านน้ำซับ ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
“พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองของชาวบุรีรัมย์ ประดิษฐาน ณ วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง บ้านน้ำซับ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐฉาบปูนขนาดใหญ่ มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑๒ เมตร ฐานยาว ๑๔ เมตร หันพระพักตร์ไปทางด้านทิศเหนือ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ โดย “นายสุรวุฒิ บุญญานุสาสน์” ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในขณะนั้น ร่วมกับพ่อค้า ประชาชน ข้าราชการ และผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในแนวความคิดและโครงการต่างๆ ของ “หลวงพ่อบุญมา ปัญญาปโชโต” เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ในขณะนั้น ได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้นบริเวณยอดเขากระโดง เพื่อให้เป็นที่บูชาสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ภายในพระเศียรขององค์พระมี “พระบรมสารีริกธาตุ” บรรจุอยู่ ซึ่งเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาเองตามคำอธิฐานจิตของนางแจ๋ว มารดาของนายเสรี อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตราธิการ หรือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน เมื่อมีการสร้างองค์พระสุภัทรบพิตรขึ้น นายเสรีฯ จึงได้นำมาบรรจุไว้ในพระเศียรนี้
จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมกันจัด “งานประเพณีขึ้นภูเขาไฟกระโดง” ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นหรือประเพณีเดือน ๕ ที่ได้จัดสืบทอดต่อกันมายาวนานกว่า ๑๓ ปีแล้ว (หลังจากในอดีตประชาชนในท้องถิ่นละแวกเขากระโดงได้ขึ้นไปนมัสการพระสุภัทรบพิตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขากระโดงมายาวนานในช่วงเดือน ๕ เทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย) และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีเหล่าข้าราชการแต่งกายเป็นเทวดา นางฟ้า และประชาชนกว่า ๑,๐๐๐ คน ได้ร่วมขบวนพิธีแห่อัญเชิญผ้าอังสะความยาว ๓๙ เมตร เดินขึ้นบันไดนาคราชจำนวน ๒๙๗ ขั้นเพื่อประกอบพิธีเปลี่ยนผ้าอังสะผืนใหม่ให้แก่องค์พระสุภัทรบพิตร ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดภูเขาไฟกระโดง พร้อมกันนี้พระภิกษุสงฆ์ ๙๙ รูปยังได้สวดเจริญพระพุทธมนต์เพื่อเป็นการเสริมสิริมงคลให้บ้านเมืองสงบสุข นอกจากนี้ยังมีการประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาไฟกระโดง พร้อมมีการแสดงวัฒนธรรมการละเล่นพื้นบ้าน “ชุดระบำภูเขาไฟ” และ “ชุดบุรีรัมย์รุ่งเรือง” อย่างสวยงามตระการตาด้วย
บุรีรัมย์เป็นจังหวัดที่พบซากภูเขาไฟมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้แวะเวียนไปเยี่ยมชม นอกจากนี้ชาวบ้านยังนำดินภูเขาไฟซึ่งมีแร่ธาตุต่างๆ มาย้อมผ้าฝ้ายและผ้าไหม จึงนุ่มและมีสีสวยของดินภูเขาไฟ กลายเป็นสินค้าหายากหนึ่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย โดยซากภูเขาไฟที่พบนั้นมีทั้งหมด ๖ ลูกด้วยกัน ได้แก่
ภูเขาไฟกระโดง
ภูเขาไฟพนมรุ้ง ภูเขาไฟอังคาร ภูเขาไฟหลุบหรือภูหลุบ ภูเขาไฟไปรบัด และภูเขาไฟเขาคอก สำหรับ
ภูเขาไฟกระโดง ถือเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทมาแล้วหลายพันปีแล้ว อีกทั้งยังเป็นภูเขาไฟที่มีสภาพปากปล่องสมบูรณ์ดีและมีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย เป็น ๑ ใน ๖ ลูกของภูเขาไฟใน จ.บุรีรัมย์ ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง มีพื้นที่ราว ๑,๔๕๐ ไร่ มีอายุประมาณ ๓๐๐,๐๐๐-๙๐๐,๐๐๐ ปี สูงจากระดับน้ำทะเล ๒๖๕ เมตร ซากปากปล่องเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ยอดเนินเขาเป็นขอบปล่องด้านทิศใต้เรียกว่า เขาใหญ่ ส่วนยอดเนินเป็นขอบปล่องด้านทิศเหนือเรียกว่า เขาน้อยหรือเขากระโดง ส่วนบริเวณที่เป็นขอบปล่องปะทุคือบริเวณที่เป็นหุบเขา ปัจจุบันมีลักษณะเป็นสระน้ำ ในปัจจุบันบริเวณตรงปากปล่องมีลักษณะเป็นหลุมลึก ทางเดินเท้าก่อด้วยหินและมีระเบียงไม้ชมวิว เราสามารถเดินลงไปเที่ยวชมหลุมที่เกิดจากการปะทุได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะระเบิดขึ้นมาอีก เพราะภูเขาไฟในบุรีรัมย์ทั้งหมดดับสนิทไปนานแล้ว
เดิมชาวบ้านเรียก “เขากระโดง” ว่า “พนมกระดอง” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ภูเขากระดอง (เต่า)” เพราะมีรูปลักษณ์คล้ายกระดองเต่า ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนเป็น “กระโดง”
วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟโบราณซึ่งยังคงปรากฏร่องรอยปากปล่องให้เห็นได้ชัดเจน การขึ้นไปยังวนอุทยานภูเขาไฟกระโดงสามารถทำได้ ๒ วิธี คือ เดินขึ้นบันไดนาคราชจำนวน ๒๙๗ ขั้น มีความสูงประมาณ ๒๖๕ เมตร ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หรือขับรถยนต์ขึ้นไปถึงยอดเขากระโดง ระหว่างทางจะพบพระพุทธรูปปางต่างๆ ตั้งเรียงรายอยู่เป็นระยะๆ โดยก่อนถึงยอดเขาจะเห็น
สระน้ำมณีวรรณ
อยู่ทางด้านขวามือ สระน้ำนี้เชื่อว่าเดิมเป็นปากปล่องภูเขาไฟ บนยอดเขาเป็นลานกว้างโดยเป็นที่ประดิษฐานองค์
พระสุภัทรบพิตร
และบริเวณใกล้เคียงกันนั้นยังเป็นที่ประดิษฐาน
ปรางค์กู่โบราณ หรือปราสาทหินเขากระโดง
ซึ่งพระยาประเสริฐ สุนทราศรัย อดีตเจ้าเมืองบุรีรัมย์ กับคุณหญิงประเสริฐ สุนทราศรัย มีจิตศรัทธาเลื่อมใสได้สร้างขึ้นไว้ที่ยอดเขากระโดง เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาและให้เป็นปูชนียสถานสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป อีกทั้งยังมี
สะพานแขวน
ให้สามารถยืนชมทัศนียภาพบริเวณปากปล่องภูเขาไฟจากมุมสูงได้อย่างชัดเจน
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ตระกูลสิงหเสนีย์ ได้มีผู้มีจิตศรัทธาสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองขึ้นมาใหม่ มีขนาดความยาว ๒ ศอก ๑ คืบ ความกว้าง ๑ ศอก แล้วนำมาประดิษฐานไว้ในปรางค์กู่โบราณ ซึ่งเดิมเป็นปราสาทหินทรายก่อบนฐานศิลาแลงสี่เหลี่ยมขนาด ๔ x ๔ เมตร พร้อมกับได้บูรณะและสร้าง
มณฑป
ครอบทับไว้เนื่องจากตัวปราสาททรุดโทรมปรักหักพัง ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ปรางค์กู่โบราณแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยมีขอบเขตเนื้อที่โบราณสถาน ๑ งาน ๕๐ ตารางวา
ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปกราบไหว้ขอพรองค์พระสุภัทรบพิตร และชมปากปล่องภูเขาไฟเป็นจำนวนมากเกือบ ๒๐๐,๐๐๐ คน นักท่องเที่ยวสามารถชม
หินลอยน้ำ
หรือ
หินฟองน้ำ
กระจายอยู่โดยรอบปากปล่องภูเขาไฟ ที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย นอกจากนี้แล้วภายในวนอุทยานฯ ยังมีพันธุ์ไม้พื้นเมืองที่น่าศึกษาหลายชนิด เช่น
ต้นโยนีปีศาจ
ที่ได้รับพระราชทานชื่อจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือที่ภาษาถิ่นหรือคนเขมรเรียกว่า
ต้นกะนุยขมอย
ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองหายากที่มักพบในบริเวณเขตภูเขาไฟ สำหรับบริเวณใกล้เคียงกับวนอุทยานฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงมาก คือ
สนามฟุตบอล นิว ไอโมบาย สเตเดี้ยม
ของทีมสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (Buriram United, Buriram UTD)
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-4-26 06:38
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอขอบพระคุณที่มาของข้อมูลและรูปภาพ
https://www.facebook.com/pages/khaokrad ... 1092679278
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%9 ... 0521297995
http://www.taklong.com/pictpost/show-pi ... ?No=543881
http://vivatchaipicture.wordpress.com/2 ... %E0%B8%81/
http://www.phanomrungpuri.co.th/th/node/29#.U1EIW6JVblM
ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=47627
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...