ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 4282
ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก วัดป่าหนองไคร้ ~

[คัดลอกลิงก์]


ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก


วัดป่าหนองไคร้  
ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร



• พระอริยเจ้าผู้มีปฏิปทาประดุจม้าศึก

พระเดชพระคุณหลวงปู่ผั่น ปาเรสโก พระอริยเจ้าผู้มีวิถีชีวิตและปฏิปทาที่ไม่หยุดนิ่งในความเพียรที่จะเสาะแสวงหาที่สงัดวิเวกเปล่าเปลี่ยว อดีตชาติท่านเคยเกิดเป็นคนประเทศฟิลิปปินส์

ท่านเป็นศิษย์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่สำคัญรูปหนึ่ง เริ่มแรกท่านศึกษาธรรมกับ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ท่านมีอุบายในการปฏิบัติที่แปลกแต่อุบายนั้นให้ผลในทางบวกเสมอ และมีวิถียาวไกลสามารถบอกวันตายล่วงหน้าได้ถึง ๒ ปี

ท่านชอบธุดงค์และท่องเที่ยวอยู่ตามถ้ำเป็นส่วนมาก ถ้ำทั่วทุกภาคในประเทศไทยไม่ว่าใกล้หรือไกลท่านได้เข้าไปอาศัยภาวนามาแล้วแทบทั้งนั้นตามบันทึก การเดินทางธุดงค์ของท่านนับได้กว่า ๗๒ ถ้ำ ถ้ำที่ท่านสร้างและอยู่จำพรรษาคือ ถ้ำเอราวัณ อำเภอนากลาง จังหวัดอุดรธานี และถ้ำพระสบาย อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง

ท่านได้รับการยกย่องจาก พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ว่า “เป็นพระกรรมฐานม้า” หมายความว่า เหมือนม้าศึกตัวปราดเปรียวฝีเท้าเร็วในเชิงรุกและรับ ท่านมีนิสัยต้องเที่ยวไปเหมือนม้า คือต้องเดินท่องเที่ยวรอนแรมปีนป่ายป่าเขาอาศัยอยู่ตามท้องถ้ำ อาศัยปัญญาเป็นอาวุธในการรุกรบกับกิเลส

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-8 08:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต


พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม


พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-8 08:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๕๑ ตรงกับวันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙ ปีวอก เวลาใกล้รุ่ง ณ บ้านหนองหิน หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เป็นบุตรของขุนเสลวาปี (ศรีคัทธมาส ลูกคำ) และนางหา ลูกคำ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๑๑ คน เป็นชาย ๕ คน และหญิง ๖ คน

ปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ หลังฤดูกาลออกพรรษา เดือนพฤศจิกายน วันขึ้น ๑๕ ค่ำ มีพระธุดงค์กรรมฐานมาพักใต้ร่มไม้ในป่าช้าบ้านยางเดี่ยว ๔ รูป สามเณร ๕ รูป ตาผ้าขาว ๒ คน มีพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นหัวหน้าคณะ ท่านได้ฟังเทศน์จากพระอาจารย์มหาปิ่น ทำให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ในขณะนั้นท่านอายุได้ ๑๙ ปี รับราชการเป็นครูใหญ่โรงเรียนประชาบาล ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

ปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ อายุ ๒๑ ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย บวชได้ ๔ เดือนก็ลาสิกขา เข้ารับราชการเป็นนายทหาร

ปีพุทธศักราช ๒๔๗๑ ได้รับเลื่อนยศเป็นสิบเอก ทุกวันหยุดราชการได้เดินทางไปฟังธรรมจากพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม ที่วัดป่าสาลวัน จากพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญพโล และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าศรัทธารวม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จนสามารถรวมจิตเป็นหนึ่ง ยกจิตขึ้นมาพิจารณาอสุภะกรรมฐานเป็นที่น่าเบื่อหน่ายในกายสังขาร จึงตัดสินใจลาออกจากราชการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยความเลื่อมใส


พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ


พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-8 09:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก นำพาพระภิกษุสงฆ์ออกรับบิณฑบาต ณ วัดป่าหนองไคร้ จ.ยโสธร


• ไม่ยอมแพ้กิเลสตัณหา มุ่งรักษาพระธรรมวินัย

ครั้นต่อมา ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งที่ ๒ ในคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐ อายุได้ ๒๙ ปี ณ พัทธสีมาวัดสุทธจินดา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมฐิติญาณ (สังข์ทอง นาควโร พันธ์เพ็ง ป.ธ. ๕) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระโพธิวงศาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาสุทัศน์ สุทสฺสโน เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เมื่อบวชแล้วไปศึกษาธรรมกับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม และพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่าสาลวัน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

ปีพุทธศักราช ๒๔๘๑ ท่านพักจำพรรษาอยู่ ณ วัดป่าศรัทธารวม ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา กับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จากนั้นท่านมักออกธุดงค์ไปพักจำพรรษาตามถ้ำตามป่าเขา แม้กระทั่งตามป่าช้าในจังหวัดต่างๆ แม้สถานที่ต่างๆ นั้นจะน่ากลัวและยากลำบากต่อการออกไปบิณฑบาตก็ตาม

ปีพุทธศักราช ๒๔๘๔ ในช่วงพรรษาที่ ๕ ของการอุปสมบทครั้งที่ ๒ (ซึ่งในการอุปสมบทคราวนี้ ท่านครองสมณเพศตราบจนกระทั่งมรณภาพ) ในปีนั้นท่านเลือกพักอยู่ใน ป่าไผ่ กลางป่าช้าของหมู่บ้านพะเนา ตำบลพะเนา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีขุนเสลวาปี (ศรีคัทธมาส ลูกคำ) โยมบิดาที่เป็นตาผ้าขาว รักษาศีล ๘ ติดตามมาภาวนาอยู่ด้วย หลวงปู่ผั่นเล่าถึงเหตุผลที่เลือกพำนักในป่าช้าไว้ดังนี้

“ในฤดูแล้งปีนี้ การพักภาวนาในป่าช้ามีวัตถุประสงค์ ๒ ประการ คือ (๑) เจริญธุดงค์ข้อสุสานิกังคะ เพื่อพิจารณากายคตาสติ ให้แน่ชัดเท่าที่สามารถจะกระทำได้ (๒) เป็นที่ลี้ลับซ่อนเร้น ในป่าไผ่กลางป่าช้าเป็นสถานที่ผู้คนกลัวผี ไม่กล้าเข้ามาพลุกพล่าน หวังความสงบวิเวก ไม่ต้องการให้หมู่มนุษย์เข้ามารบกวน จะได้มีเวลาภาวนามากๆ ในเรื่องมรณัสสติ มีหลุมฝังผี เผาผีคนตายเป็นสักขีพยาน เป็นเครื่องอุปกรณ์ในการพิจารณาได้อย่างดี”

หลังจากพักอยู่ในป่าช้าได้ ๑ คืน พอรุ่งเช้าก็ออกบิณฑบาตเข้าไปในหมู่บ้านพะเนา ส่วนโยมบิดาก็เฝ้าสิ่งของและบริขารอยู่ ณ ที่พัก ท่านบิณฑบาตตามบ้านได้ประมาณ ๒๐-๓๐ หลังคาเรือน เหลืออีกเพียง ๒-๓ หลัง ก็จะพ้นจากเขตหมู่บ้านไป ปรากฏว่าโยมทุกคนตักบาตรแต่ข้าวสุกได้ประมาณครึ่งบาตร แต่ไม่มีกับข้าวเลย

“ขณะเดินบิณฑบาตอยู่กิเลสเข้าสิงใจ ข้าพเจ้าเกิดอาละวาดขึ้นมา บังคับให้ข้าพเจ้าออกปากขออาหารกับข้าวจากโยมผู้ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ปวารณา โดยข้าพเจ้าไม่รู้สึกตัวว่าผิดต่อพระวินัย ที่พระพุทธองค์บัญญัติห้ามไว้ในหนังสือปาติโมกข์ หมวดปาจิตตียวรรค”

ในขณะที่โยมตักบาตรอยู่ ท่านจึงบอกไปว่า

“โยม เช้าวันนี้มีผู้ใส่บาตรให้แต่ข้าวสุก อาหารกับข้าวไม่มี ถ้าได้อาหาร เกลือ พริก ผัก น้ำปลา ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาเค็ม อย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่งไป ฉันกับข้าวสุกพอกลืนลงคอง่ายๆ ก็จะเป็นการดี”

โยมจึงนิมนต์ให้รอประมาณ ๑๐-๑๕ นาที แล้วกลับมาใส่บาตรด้วยห่ออาหารขนาดใหญ่เท่าผลส้มโอ เมื่อท่านบิณฑบาตเสร็จแล้วก็เดินกลับที่พัก ด้วยความปีติยินดีว่าได้กับข้าวแล้ว ต่อเมื่อได้เดินพ้นรั้วหมู่บ้านไปแล้ว ท่านจึงรู้ตัวว่าได้ทำผิดไป

“ข้าพเจ้าเผลอ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ว่าเห็นโยมไม่ฉลาดในการตักบาตร ที่แท้จริงตัวเราเองไม่ฉลาด โง่บัดซบ กระทำผิดต่อพระวินัยที่ห้ามไว้ เชื่อกิเลสตัณหาฝ่ายพญามารเข้าสิงใจแต่ด้านเดียว คือเห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นของดี ได้อาหารขอมาในทางมิจฉาชีพ ไม่เป็นสัมมาชีพโดยแท้”

ท่านเล่าความรู้สึกในตอนนั้นไว้ดังนี้

“ข้าพเจ้าสะดุ้งกระเทือนรู้ตัวภายหลัง ขณะเดินพ้นรั้วประตูเขตหมู่บ้านไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงที่พักกลางป่าช้า ข้าพเจ้ารู้สึกตัว เสียใจเป็นอันมากว่าได้หลงเล่ห์กลของกิเลสตัณหาพญามารเสียแล้ว”

เมื่อรู้สึกตัวดังนั้นแล้ว ท่านจึงปฏิบัติตนอย่างสงฆ์ผู้เคารพในพระธรรมวินัย

“เมื่อข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าได้กระทำผิดไปแล้วดังนี้ ข้าพเจ้าก็ตัดสินใจได้เร็วพลัน เปิดฝาบาตรออกเอามือขวาล้วงลงไปในบาตร จับเอาห่ออาหารนั้นขึ้นมาขว้างทิ้งเข้าป่าไป โดยไม่มองหน้าไปดูว่าไปตกที่ใด ห่างไกลกี่มากน้อย ไม่ยอมให้ฉันเป็นเด็ดขาด เพราะอาหารได้มาโดยไม่ชอบทางพระวินัยเป็นมิจฉาชีพ ไม่ใช่สัมมาชีพดังกล่าวมาแล้ว เหลือแต่ข้าวสุกแต่อย่างเดียวที่ได้มาโดยชอบ จำต้องฉันแต่ข้าวเปล่าๆ ไปตามมีตามได้ จึงจะจัดว่าเป็นสมณสารูป สงฆ์ผู้ไม่ลุอำนาจชั่วแก่กิเลสตัณหา”

เมื่อกลับมาถึงที่พักท่านแจ้งแก่โยมบิดาว่า วันนี้บิณฑบาตได้เพียงข้าวเปล่า โยมบิดามีน้ำตาลที่กลั่นจากต้นตาล ขนาดเท่าผลสมออยู่ ๔ ก้อน จึงแบ่งกันคนละ ๒ ก้อน ท่านฉันน้ำตาลกับข้าวสุกไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลหมดไป ๑ ก้อนครึ่ง ก็มีเสียงโยมเรียกจากริมป่าช้า ขอให้ท่านช่วยบอกทางเข้าไปพบ ปรากฏว่าเป็นโยมผู้หญิง ๒ คน โยมผู้ชาย ๑ คน ได้นำอาหารและเครื่องไทยทานมาถวายหลายอย่าง

“เมื่อเช้านี้พระคุณเจ้าออกบิณฑบาตตามถนนในบ้าน แลเห็นพระคุณเจ้าอยู่ ตักบาตรไม่ทัน คิดว่าจะนิมนต์ขึ้นฉันในบ้านก็ไม่ทันอีก บ้านดิฉันทำบุญเลี้ยงพระ จึงได้แบ่งอาหารเครื่องไทยทานมาถวายทางป่านี้อีก”

ท่านจึงได้ฉันอาหารที่พวกเขานำมาถวาย แล้วจึงให้ศีลให้พรแก่โยมทั้งสามนั้น

หลวงปู่ได้กล่าวถึงเรื่องราวในครั้งนี้ว่า

“นี่แหละหนอที่ท่านว่าผู้มีศีลมีความสุข ผู้มีศีลมีโภคทรัพย์สมบัติ ผู้มีศีลไปนิพพานได้”

หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก จึงเป็นแบบอย่างที่ดีของพระสงฆ์ผู้เคารพและมุ่งรักษาพระธรรมวินัย ยอมอดทนลำบากแต่ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจกิเลสตัณหา พากเพียรปฏิบัติภาวนาเพื่อความหลุดพ้นจากวัฏสังสาร เป็นพระสุปฏิปัณโณผู้ควรแก่การกราบไหว้บูชาโดยแท้จริง
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-8 09:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ป้ายชื่อศาลาอาจาโร  ณ วัดป่าศรัทธารวม จ.นครราชสีมา ในปัจจุบัน



กุฏิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) จ.สกลนคร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=42584


• ถวายตัวเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต

ปีพุทธศักราช ๒๔๘๙ อายุ ๓๙ ปี พรรษาที่ ๑๐ ได้เข้ากราบถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อขอศึกษาอบรมธรรมกับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต และท่านได้รับโอกาสให้จำพรรษาร่วมกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ทั้งนี้ รายนามพระภิกษุ-สามเณรที่ร่วมจำพรรษา ณ วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) ในปีพุทธศักราช ๒๔๘๙ มีดังต่อไปนี้

๑. ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พรรษา ๕๕
๒. พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน พรรษา ๑๓
๓. พระอาจารย์อ่อนสา สุขกาโร พรรษา ๑๒
๔. พระเนตร กนฺตสีโล พรรษา ๑๐
๕. พระสอ สุมงฺคโล พรรษา ๑๐
๖. พระผั่น ปาเรสโก พรรษา ๑๐
๗. พระวัน อุตฺตโม พรรษา ๕
๘. พระมหาประทีป โชติโก พรรษา ๔
๙. พระจวน กุลเชฏฺโฐ พรรษา ๔
๑๐. พระทองคำ ญาโณภาโส พรรษา ๓
๑๑. พระบัว ฐิตธมฺโม พรรษา ๓
๑๒. พระทองสา พุทฺธญาโณ พรรษา ๒
๑๓. พระหล้า เขมปตฺโต พรรษา ๒
๑๔. สามเณรบุญเพ็ง จันใด (หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต)
๑๕. สามเณรสี
๑๖. สามเณรมณี ยางเดี่ยว
๑๗. สามเณรไสว ลูกคำ
๑๘. สามเณรประไม เณธิชัย

ในวันพระปาฏิโมกข์วันหนึ่ง ท่านนั่งคิดคนเดียวว่าอยากจะลงสวดปาฏิโมกข์ในวันอุโบสถ พอถึงเวลาลงอุโบสถ พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน กำลังจะขึ้นสวดพระปาฏิโมกข์ ท่านพระอาจารย์มั่นรีบพูดขึ้นว่า

“เดี๋ยวก่อนท่านมหา (บัว) วันนี้พักก่อน เห็นท่านผั่นอยากสวดปาฏิโมกข์อยู่พอดี ให้ท่านผั่นสวดแทนก็แล้วกัน” ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต รู้วาระจิตของท่านที่คิดเช่นนั้น ท่านแทบล้มสลบไปต่อหน้า เหงื่อซึมไหลไปทั้งตัว มึนชาไปหมด นี่คือความมหัศจรรย์ในวาระจิตของท่านพระอาจารย์มั่น ถ้าเราคิดดีก็ดีไป แต่ถ้าคิดไม่ดีนี่สิ ย่อมอยู่กับท่านไม่ได้ เพราะท่านรู้หมดทุกอย่าง

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-8 09:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน


หลังจากท่านได้อยู่ศึกษาวัตรปฏิบัติ และอุบายธรรมในสำนักของท่านพระอาจารย์มั่น จนเป็นที่เข้าใจในแนวทางปฏิบัติแล้วจึงได้กราบลาออกทำความเพียรเฉพาะตน ท่านได้ตั้งเจตนาของท่านไว้ ๙ ข้อ ดังนี้

๑. จะไม่ไปคลุกคลีหมู่คณะอีก นอกเสียจากสามเณรที่ติดตามท่านมาแต่ไหนแต่ไรมา ๒ รูป

๒. จะไปเลือกหาสถานที่ ที่เห็นว่าเหมาะพอสะดวกในการทำความเพียรได้แล้ว จะอยู่เป็นที่ ไม่เที่ยวเตร็ดเตร่

๓. จะพยายามใช้สติปัฏฐานให้มาก พิจารณากายคตาสติแต่อย่างเดียว ให้เป็น เอกายโน มคฺโค วิสุทฺธิยา

๔. การเทศนาแก่สานุศิษย์ และพุทธบริษัทภายนอกจะให้มีน้อยที่สุด

๕. คุณวิเศษจะไม่เกิดขึ้นในจิตโดยเร็วพลัน ทันความประสงค์ของตนสักปานใดก็ตาม จะถือเอาความสงบสงัด วิเวกกาย วิเวกวาจาเป็นหลัก

๖. เท่าที่ศึกษาอบรมกับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พอควรแก่การอบรม ย่อมเป็นแนวทางจะฝึกตนดำเนินตนไปข้างหน้าได้แล้ว ไม่ต้องได้ยินได้ฟังอีก ก็พอจะเป็นไปบ้างแล้ว เว้นเสียแต่จะเกิดวิจิกิจฉาลังเลขึ้นภายหลังอีก จึงจะไปศึกษากราบเรียนท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต

๗. จะเที่ยวเลือกหาสถานที่ทำความเพียร ที่ไม่ห่างไกลจากท่านพระอาจารย์มั่นจนเกินไป สถานที่ที่ได้เลือกคือ บ้านหนองมะโฮง ตำบลไร่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ระยะทางห่างจากวัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) ประมาณ ๔-๕ กิโลเมตรเท่านั้น และจำพรรษาที่นี่ ๑ พรรษา

๘. ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ซึ่งศึกษาอบรมมาจะพยายามทำให้เป็นเนืองนิจ สม่ำเสมอ ไม่ให้ลุ่มๆ ดอนๆ ให้คงเส้นคงวา เป็นบรรทัดฐานตั้งอยู่ ถึงแม้จะเสื่อมถอยไปโดยอนุโลมสานุศิษย์หรือญาติโยม และกิเลสของตน เหล่านี้ให้มีน้อยครั้งที่สุด

๙. ถ้าเห็นสำนักใดหรือหมู่คณะใดประพฤติเลวทรามกว่าตน เจตนาจะไม่เพ่งโทษสำนักใดหรือใครเป็นอันขาด

ท่านเริ่มออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ ชอบหาที่สงบสงัดวิเวก หลบหลีกซ่อนเร้นภาวนาตามถ้ำต่างๆ และได้บุกเบิกสร้างวัดถ้ำสบาย ตำบลนาครัว อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ต่อมา ท่านพ่อลี ธมฺมธโร ได้มาพักภาวนาและได้ตั้งปัญหาขึ้นถามว่า “ใครเป็นผู้สบาย” จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดถ้ำพระสบาย” ตั้งแต่นั้นมา

ต่อมาทราบข่าวท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต มรณภาพ ท่านจึงเดินทางกลับมาช่วยงานประชุมเพลิงศพท่านพระอาจารย์มั่น และได้รับหน้าที่เป็นผู้ลงเก็บอัฐิท่านพระอาจารย์มั่นเพียงรูปเดียวจากคณะสงฆ์ ซึ่งเมื่อท่านเป็นผู้ลงทำหน้าที่ ก็ได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ให้เก็บรักษาอัฐิท่านพระอาจารย์มั่นมากกว่าพระรูปอื่นๆ และต่อมาอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่นที่ท่านรักษาไว้ได้แปรเป็นพระธาตุจำนวนมาก



7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-8 09:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร


สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร)


• สร้าง “วัดป่าหนองไคร้” และ “พระพิชิตมาร”

ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ กำนันโทน ลูกคำ ซึ่งเป็นพี่ชาย ได้นิมนต์ท่านให้กลับมาโปรดคณะศรัทธาญาติโยมในถิ่นบ้านเกิด ท่านจึงมาพักภาวนาที่เสนาสนะป่าแห่งหนึ่ง

ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ พรรษาที่ ๒๐ ขณะที่ท่านพักจำพรรษา มีแสงสว่างสุกใสพวยพุ่งขึ้นมาจากทางด้านทิศตะวันตก เป็นอย่างนี้ตลอดพรรษา ด้วยบุพพนิมิตแห่งเทพบันดาลแนะนำสถานที่อันเป็นมหามงคล ท่านจึงได้สร้าง “วัดป่าหนองไคร้” ขึ้น ณ บ้านหนองทองหลาง ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

ปีพุทธศักราช ๒๕๐๑ ท่านได้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๔ เมตร สูง ๕ เมตร (ความสูงวัดจากฐาน ๗ เมตร) เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้กราบไหว้ อีกทั้งเพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับจากท่านพ่อลี ธมฺมธโร กับอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งท่านมีอยู่เป็นจำนวนมาก (ท่านรับแต่งตั้งให้เป็นพระผู้มีหน้าที่ลงไปเก็บอัฐิธาตุท่านพระอาจารย์มั่น จึงได้รับส่วนแบ่งมามาก) เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ได้ประทานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพิชิตมาร” โดยได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่พระเศียร และบรรจุอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่นจำนวนหลายร้อยองค์ ประมาณครึ่งแก้วไว้ที่พระนาภี (สะดือ) ในงานคราวนั้นพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ปัจจุบันได้ประดิษฐาน “พระพิชิตมาร” เป็นพระประธานในวิหาร วัดป่าหนองไคร้

ท่านได้รับแต่งแต่งให้เป็นหัวหน้าพระวิปัสนาจารย์ของจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้การฝึกอบรมสมาธิให้แก่พระภิกษุ-สามเณร ที่วัดสุปัฏนาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

ปีพุทธศักราช ๒๕๐๓ ท่านรับนิมนต์ขอบารมีไปสร้างความเจริญให้กับอำเภอกุดชุมที่ได้ตั้งขึ้นใหม่ โดยท่านมาพักในป่าช้าบ้านกุดชุม ต่อมาได้กลายเป็น วัดประชาชุมพล อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร

เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๔ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น พระครูปลัดผั่น ปาเรสโก

ปีพุทธศักราช ๒๕๑๓-๒๕๑๙ ท่านพักจำพรรษาอยู่ ณ วัดถ้ำเอราวัณ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

ปีพุทธศักราช ๒๕๒๐ ท่านได้กลับมาพักจำพรรษาอยู่ ณ วัดป่าหนองไคร้ จังหวัดยโสธร และออกวิเวกหลีกเร้นแสวงหาสถานที่ภาวนาตามถ้ำตามป่าเขาต่างๆ เป็นระยะ
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-8 10:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
• การบรรลุอุดมธรรมขั้นสูงสุดและการมรณภาพ

พระเดชพระคุณหลวงปู่ผั่น ปาเรสโก ท่านได้บรรลุอุดมธรรมขั้นสูงสุด ณ วัดป่าหนองหัวเสือ บ้านโต่งโต้น ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ในเดือนมีนาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ ก่อนมรณภาพเพียง ๕ เดือนเท่านั้น โดยท่านมรณภาพเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐ ณ โรงพยาบาลยโสธร สิริรวมอายุได้ ๗๙ ปี ๑๐ เดือน พรรษา ๔๙




“พระพิชิตมาร” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางมารวิชัย วัดป่าหนองไคร้ จ.ยโสธร



.............................................................

รวบรวมและเรียบเรียงมาจาก ::
(๑) หนังสือ...พระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์
วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
(๒) หนังสือ...ประวัติพระอาจารย์ผั่น ปาเรสโก  
เรียบเรียงโดย พระมหาประกอบ ธมฺมชีโว
(๓) http://www.dlitemag.com โดย เทียบธุลี


    ประมวลภาพ “หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก” วัดป่าหนองไคร้
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=42939

  ภาวิโน พหุลีกโต : พระอาจารย์ผั่น ปาเรสโก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=32708                                                                                       
.....................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=27571

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้