ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1522
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ปรินิพพานของพระโคธิกเถระ ละสังขารแล้วเข้าสู่นิพพาน

[คัดลอกลิงก์]
ในทางพระพุทธศาสนามีหลักกฎแห่งกรรมอยู่ว่า คนทำทำกรรมดีไว้ เมื่อเสียชีวิตจากโลกนี้แล้วย่อมไปสู่สุคติคือ ไปเกิดเป็นเทวดาหรือกลับมาเป็นมนุษย์ ส่วนคนที่คนทำชั่วในโลกมนุษย์เมื่อตายแล้วย่อมไปสู่ทุคติคือ ไปตกนรก เป็นเปรต หรือเป็นสัตว์ดิรัจฉาน สำหรับท่านผู้สิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ตัดภพตัดชาติได้แล้ว ย่อมไปสู่นิพพาน กฎแห่งกรรมนี้ได้ถูกอธิบายโดยพระศาสดา เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จเข้าไปอาศัยอยู่กรุงราชคฤห์ ประทับอยู่ที่พระเวฬุวัน ทรงปรารภการนิพพานของพระโคธิกเถระ และตรัสพระธรรมเทศนาที่ขึ้นต้นด้วยบาทพระคาถาว่า เตสํ สมฺปนฺนสีลานํ เป็นต้น

เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง พระโคธิกเถระ มีความมุ่งมั่นปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ไปอยู่ใกล้ถ้ำกาลสิลาข้างภูเขาอิสิคิลิในแคว้นมคธ พอพระเถระได้เอกัคคตาจิต(ฌาน) ก็เกิดอาพาธ(ป่วยหนัก)ด้วยโรคเรื้อรังอย่างหนึ่ง ทำให้ท่านไม่สามารถปฏิบัติธรรมต่อไปได้อย่างมีประสิทธิผลเพื่อบรรลุพระอรหัตตผลได้ แต่แม้ว่าท่านจะป่วยหนักอย่างไรท่านก็ยังมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติต่อไป แต่ทุกครั้งที่ทำความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมนั้นก็มีอันต้องอาพาธเข้ามาขัดขวางทุกครั้งไป เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่ถึง 6 ครั้ง พอถึงครั้งสุดท้ายท่านพระโคธิกเถระได้ตัดสินใจที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ และจะต้องบรรลุพระอรหัตตผลให้ได้แม้ว่าจะต้องตายก็ตาม ท่านจึงยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมต่อไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดท่านก็ได้ตัดสินใจสละชีวิตด้วยการนำมีดโกนมาเฉือนคอของตนเอง ในช่วงที่ท่านจะมรณภาพนั่นเอง ท่านก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล

เมื่อมารทราบว่าพระโคธิกเถระมรณภาพแล้ว ก็ได้พยายามค้นหาที่เกิดของพระเถระแต่ก็หาไม่พบ มารจึงได้แปลงร่างเป็นชายหนุ่มไปเฝ้าพระศาสดา และได้ทูลถามถึงที่เกิดของพระเถระ พระศาสดาตรัสถึงกฎแห่งกรรมสำหรับผู้ที่หลุดพ้นจากกิเลสเป็นพระอรหันต์ว่า “มันไม่เป็นประโยชน์สำหรับท่านที่จะมาถามถึงชะตาชีวิตของพระโคธิกเถระ เพราะพระโคธิกเถระหลุดพ้นจากกิเลสและอาสวะทั้งปวง ได้บรรลุพระอรหัตตผลแล้ว ดูก่อนมาร บุคคลเช่นท่านแม้จะมีจำนวนตั้งร้อยตั้งพัน ก็ไม่สามารถจะค้นหาสถานที่ไปเกิดของพระโคธิกะนั้นได้”

จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 57 ว่า

เตสํ สมฺปนฺนสีลานํ
อปฺปมาทวิหารินํ
สมฺมทญฺญา วิมุตฺตานํ
มาโร มคฺคํ น วินทติฯ

(อ่านว่า)

เตสัง สัมปันนะสีลานัง
อับปะมาทะวิหารินัง
สำมะทันยา วิมุดตานัง
มาโร มักคัง นะ วินทะติ.

(แปลว่า)

ท่านผู้มีศีลสมบูรณ์
อยู่ด้วยความไม่ประมาท
หลุดพ้นแล้วเพราะรู้ชอบ
มารจะไม่พบทางไป.

เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผล เป็นต้น พระสัทธรรมเทศนามีประโยชน์แก่มหาชนแล้ว.

สาธุๆๆ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้