สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จำแนกย่อยพื้นที่บริเวณของหมู่เทพละเอียดลงไปอีก ตามขั้นตอนการถือกำเนิดเอาไว้ดังนี้
อุปัตติเทพ เหล่าสัตว์ทั้งหลาย บรรดาที่ได้ก่อสร้างบุญกุศลเอาไว้ บุญกุศลนั้นก็จะนำส่งให้มาอุบัติเกิดในโลกสวรรค์ และเมื่อจะเกิดนั้น ก็เป็นอุบัติเทพ ไม่ต้องนอนในครรภ์มารอ หรืออยู่ในฟองไข่เหมือนเช่นมนุษย์และสัตว์เดียรัจฉานทั้งหลายอุบัติเกิดขึ้น มีรูปร่างเป็นทิพย์ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นเทพบุตรเทพธิดาเลยทีเดียว เมื่ออุบัติเกิดขึ้นในเทวโลกแล้ว จะตั้งอยู่ใน ฐานะอะไร ก็แล้วแต่สถานที่ซึ่งตน อุบัติขึ้น คือ
- ถัามีบุญน้อยไม่สามารถจะมีวิมานของตนเองได้ ไปอุบัติขึ้นที่ตักของเทวดาองค์ใด ก็ตั้งอยู่ในูฐานะเป็นบุตรเป็นธิดาของเทวดาองค์นั้น
- ถ้าเป็นสตรีทำบุญไว้ ตายแล้วไปอุบัติบังเกิดขึ้นเหนือแท่นที่บรรทมของเทพองค์ใด ก็ต้องเป็นบาทบริจาริกาของเทพองค์นั้น
- ถ้ามีบุญกุศลสร้างไว้น้อย มีวาสนาจะได้เป็นเพียงพนักงานตกแต่งประดับประดาอาภรณ์วิภูษิต เครื่องต้นเครื่องทรงของเทพองค์ใด ย่อมอุบัติเกิด ณ ที่ใกล้ๆ ที่บรรทมของเทพผู้ จะเป็นนาย
- ถ้ามีวาสนาจะได้เป็นเพียงเทวดาประเภทรับใช้ เป็นบริวารของเทพผู้มีงเทพผู้มีบุญองค์ใด ก็ย่อมไปอุบัติเกิดภายในบริเวณปราสาทวิมานของเทพผู้จะเป็นนายองค์นั้น
- บาดาล คือ ภพที่ใกล้มนุษย์มากที่สุด มีลักษณะเป็นงูต่าง ๆ
- ภูมะ คือ ที่อยู่ของภูมิเจ้าที่ต่าง ๆ
- รุกขภูมิ คือ ภูมิที่อยู่เหนือหัวเราขึ้นไปเพียงศอกเดียว มีวิมานอยู่บนต้นไม้
- ฉิมพลีภูมิ คือ ดินแดนแห่งเทพผู้มีปีก กึ่งเทพ กึ่งสัตว์ มีฤทธิ์มาก
- คนธรรพ์ภูมิ คือ ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก
- หิมพานต์ คือ ดินแดนรอยต่อระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลก
- บรรพภูมิ คือ ดินแดน แห่งฤาษีผู้บำเพ็ญพรต ที่หลบลี้จากโลกมนุษย์
- อโยธยาภูมิ คือ ภูมิของผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน เช่น พ่อหลักเมือง
- ลับแลภูมิ คือ ภูมิของหญิงสาวที่บำเพ็ญเพียร ถือสัจจะเป็นหลัก
- ภุมมา คือ ที่สถิตของเทพบุตร เทพธิดาต่างๆ ที่ยังมีกิเลศ เป็นภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษย์ภูมิขึ้นไป มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ เป็นมหาราชอยู่ ๔ องค์ เรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล มีหน้าที่สอดส่องดูมนุษย์ที่ประกอบผลบุญแล้วรายงานต่อพระอินทร์ เพื่อให้ได้ไปเกิดในสรวงสวรรค์ มีสถานที่ปกครองตั้งแต่กลางเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล ได้แก่
๑. ธตรฐมหาราช
เทพนครอันสวยสดงดงามซึ่งตั้งอยู่ ณ ทิศตะวันออกแห่งสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าวธตรฐมหาราชเป็นจอมเทพผู้ปกครอง ท้าวเธอเป็นมหาราช มีบุญญานุภาพมาก มีรัศมีมาก เทวาที่อุบัติเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมากมาย ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์มีอานุภาพ มีรัศมี มียศเป็นอันมาก พระองค์ทรงเป็นอธิบดี เป็นใหญ่ ทรงปกครองทวยเทพเทวาในเทพนครด้านทิศบูรพา ณ สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้โดยธรรม ซึ่งเป็นผลให้เทวดาทั้งหลายได้รับความสุขสำราญทุกวันคืน นอกจากจะทรงเป็นจอมเทพปกครองเทพบริวารในเทพนครทิศบูรพาดังกล่าวแล้ว ท้าวธตรฐมหาราชยังทรงเป็นอธิบดีปกครองหมู่คนธรรพ์อีกด้วยคนธรรพ์เป็นเทวาพวกหนึ่งซึ่งอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ มีความถนัดในการดนตรีศิลปะระบำรำฟ้อนและชำนาญในเพลงขับเป็นยิ่งนัก มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในหมู่เทวดาทั้งหลาย เช่น คนธรรพ์เทพบุตรผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามว่าสุธรรมา ชำนาญในการตีกลองประจำตัวอันมีชื่อว่า สุรันธะ และคนธรรพ์เทพบุตรอีกผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า พิมพสุรกะ ชำนาญในการตีกลองหน้าเดียว เมื่อเขาทั้งสองตีกลองด้วยเพลงคนธรรพ์ ย่อมปรากฏว่ามีความไพเราะเสนาะโสตเหล่าเทพยดานักหนา ไม่ว่าจะมีเทวสันนิบาต กาประชุมเพื่อความสนุกสนานเบิกบานของเหล่าเทพเทวาทั้งหลายในที่ใดย่อมจะมีฝูงคนธรรพ์ทั้งหลายไปร่วมด้วย โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขับกล่อม และจับระบำรำฟ้อนให้ปวงเทพได้รับความสุขเริงสราญชื่นบานในการดนตรี บางทีก็มีเทพนารีเข้าร่วมด้วย เป็นการเพิ่มความสนุกสนานให้เกิดแก่เหล่าเทวดามากยิ่งขึ้น แม้แต่องค์ อมรินทร์ท้าวสักกเทวราชซึ่งเป็นจอมเทพในสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ก็ยังทรงมีพระทัยโปรดปราน ตรัสสั่งให้ หมู่คนธรรพ์ไปร่วมงานเทวสันนิบาตเช่นนี้เสมอมิขาดสักคราเลย
|