ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2073
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

การสังคายนาพระไตรปิฎก

[คัดลอกลิงก์]
มูลเหตุ :เมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานได้        7 วัน        พระมหากัสสปเถระอยู่ที่เมืองปาวา        ยังไม่ทราบว่าพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพาน        จึงพาพระสงฆ์จำนวน 500        รูป เดินทางออกจากเมืองปาวาด้วยประสงค์จะไปเฝ้าพระพุทธองค์ที่เมืองกุสินารา        ในระหว่างเดินทางนั้นเอง        ก็ได้ทราบข่าวการเสด็จปรินิพพานของพระพุทธองค์จากอาชีวก        (นักบวชนิกายหนึ่ง)        คนหนึ่ง        ซึ่งเดินทางมาจากเมืองกุสินารา        พระสงฆ์ทั้งมวลซึ่งมีพระมหากัสสปเถระเป็นหัวหน้า        เมื่อได้ทราบข่าวนั้นแล้ว        ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ต่างก็มีความสลดใจ        ผู้ที่เป็นปุถุชนอยู่ก็เศร้าโศกเสียใจ        ร้องไห้คร่ำครวญ        รำพึงรำพันกันไปต่างๆนานา        แต่พระภิกษุสุภัททะมิได้เป็นเช่นนั้น        และได้ห้ามพระภิกษุเหล่านั้นมิให้เสียใจ        มิให้ร้องไห้        โดยกล่าวชี้นำว่า        ที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จปรินิพพานนั้นเป็นการดีแล้ว        ต่อนี้ไปจะทำอะไรได้ตามใจ        ไม่มีใครคอยมาชี้ว่าผิดนี่        ถูกนี่ ควรนี่        ไม่ควรนี่ ต่อไปอีก        พระมหากัสสปเถระได้ฟังคำกล่าวจ้วงจาบเช่นนั้นแล้ว        เกิดความสลดใจ        ภายหลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเสร็จสิ้นแล้ว        ได้มีการประชุมสงฆ์        พระมหากัสสปเถระซึ่งเป็นผู้มีอายุพรรษามากกว่าพระสงฆ์ทุกรูป        ได้รับเลือกให้เป็นประธานสงฆ์        มีฐานะเป็นสังฆปริณายก        (ผู้นำคณะสงฆ์)        บริหารการคณะสงฆ์ตามพระธรรมวินัย        ท่านจึงได้นำเรื่องที่ภิกษุสุภัททะกล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินัยนั้นเสนอต่อที่ประชุมสงฆ์        ชวนให้ทำการสังคายนาพระธรรมวินัย        และได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม        ต่อจากนั้นมา 3 เดือน        ก็ได้มีการประชุมทำสังคายนาครั้งที่        1
สถานที่ :ถ้ำสัตบรรณคูหา        ข้างเขาเวภารบรรพต        ใกล้กรุงราชคฤห์        ชมพูทวีป
องค์อุปถัมภ์        :พระเจ้าอชาตศัตรู
การจัดการ :พระมหากัสสปเถระได้รับเลือกเป็นประธาน        และเป็นผู้ซักถามพระธรรมวินัย        พระอุบาลีเถระเป็นผู้ตอบข้อซักถามทางพระวินัย        พระอานนท์เถระเป็นผู้ตอบข้อซักถามทางพระธรรม        มีพระอรหันต์เข้าประชุมเป็นสังคีติการกสงฆ์        (สงฆ์ผู้เป็นคณะกรรมการทำสังคายนา)        จำนวน 500 รูป
ระยะเวลา : 7        เดือน จึงสำเร็จ
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-3-1 09:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การผ่านการสังคายนา มาหลายต่อหลายครั้ง

ทำให้ชวน...สังสัยว่า จริงๆ แล้ว

คำว่า พุทธวจนะ แก่นแท้จริง ๆ เนื้อแท้จริงๆแล้ว เหลือกี่คำสอน





3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-3-1 09:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
  ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


      พระพุทธศาสนา    ศาสนา  คือ คำสอน พุทธ คือ ผู้รู้  รู้ด้วยอะไร รู้ด้วยปัญญา
เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของผู้รู้ คือ ปัญญา ดังนั้น หลักในพระพุทธ
ศาสนา แก่นแท้ในพระพุทธศาสนา จึงไม่พ้น ปัญญา เพราะ พระธรรมที่พระพุทธเจ้า
ทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นอริยสัจ 4 ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา ล้วนแล้ว
แต่ เป็นเรื่องของปัญญา คือ มีปัญญา ถึงจะรู้ ความเป็นอริยสัจ 4 มีปัญญาถึงจะรู้
ความเป็นอนัตตา และ ผู้มีปัญญาถึงจะรู้ได้

  จึงไม่ได้จำกัดที่ธรรมข้อใด ข้อหนึ่ง   แต่ ควรเข้าใจว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า
ทั้งหมดที่เป็นหลักธรรมข้อต่างๆ     มาจากพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเป็น
สำคัญ สาวกทั้งหลาย ที่จะรู้ตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ก็รู้ด้วย ธรรม
คือ ปัญญา ความเห็นถูก เป็นสำคัญเช่นกัน เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า..

แก่นแท้

ของพระพุทธศาสนา คือ ปัญญาที่รู้ความจริง และ แก่นแท้ สูงสุด คือ ปัญญาที่
รู้ความจริง จนสามารถดับกิเลสได้ ไม่มีการเกิดอีก นี่คือ สูงสุดของพระพุทธศาสนา
อันมีได้ด้วยปัญญาเป็นสำคัญ ครับ

    การศึกษาพระธรรม จึงไม่ใช่การศึกษาเฉพาะเจาะจงเรื่องหมวดใดที่สำคัญ
แต่ อาศัยการฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เรื่องอะไรก็ได้ ที่ทำให้เกิด
ปัญญา ความเข้าใจ ก็จะทำให้ถึงการดับกิเลสได้ในที่สุด ครับ




ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้