|
“หลวงพ่อผาด ฐิติปัญโญ” หรือ “พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์” เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ ได้รับการยกย่องว่า “เทพเจ้าแห่งบ้านกรวด”
เป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าอีกรูปของอีสานใต้
ตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรม มีวัตรปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม วัตถุมงคลและเครื่องรางที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกโด่งดังไปไกลทั่วประเทศ โดยเฉพาะตะกรุดมหาจักรพรรดิ
ปัจจุบัน สิริอายุ 97 พรรษา 76 เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
อัตโนประวัติ สืบค้นได้จากคำบอกเล่าของท่านว่า ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2457 เป็นชาวบ้าน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ครอบครัวมีอาชีพทำนา
ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล จนจบชั้น ป.4 แล้วออกมาช่วยครอบครัว
ครั้นอายุ 22 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทสีมาวัดบ้านกรวด ปฏิบัติกิจแห่งสงฆ์โดยครบถ้วน ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความตั้งใจ ขณะศึกษาธรรม ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณควบคู่ไปด้วย จนมีความรู้ความชำนาญการใช้สมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
หันมาศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติม และเรียนวิทยาคมควบคู่กันไป ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาจากในตำราทั้งหมด จนมีความรู้ในวิทยาคมเป็นอย่างดี
ด้วยความเป็นพระหนุ่มไฟแรง ท่านได้ออกจาริกไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งด้านวิทยาคม วิชาแพทย์แผนโบราณ ในครั้งนั้น ได้ไปศึกษวิทยาคมที่กัมพูชา จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี
ก่อนจะจาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่นครวัด นานกว่า 8 ปี จนมีความรู้ในวิทยาคมสายเขมร
เมื่อได้เวลาอันเหมาะสม ท่านจึงเดินทางกลับบ้านเกิด อาศัยจำพรรษาในวัดบ้านกรวดเป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดา กระทั่งท่านเริ่มมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับการถวายที่ดินจากชาวบ้าน เกิดความคิดริเริ่มในการพัฒนาบูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า ให้กลายเป็นศาสนสถาน คือ วัดตาอี, วัดบ้านปราสาท และวัดบ้านบึงเก่า
ในกาลต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาสวัดบ้าน กรวดมรณภาพ ชาวอำเภอบ้านกรวดได้นิมนต์ให้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อ แม้ตอนแรกจะปฏิเสธ
แต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยม ไม่ได้จึงยอมรับและดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด
สำหรับวัดบ้านกรวด ถือเป็นวัดเก่าแก่ประจำอำเภอบ้านกรวด สร้างขึ้นในยุคปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พุทธศักราช 2469 มีพระพุทธรูปศิลาศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
มีเรื่องเล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่งมีคณะศรัทธาจากชาวบ้านกรวดนั้นเดินทางไปกราบนมัสการ “หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด พระเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
หลวงพ่อคูณ ถามว่า “พวกเอ็งมาจากไหนกัน” คณะศรัทธาบอกว่ามาจากบ้านกรวด หลวงพ่อคูณตอบกลับไปว่า “มึงจะมากราบ มาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่น ของท่านศักดิ์สิทธิ์ พวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลย ของ ดีอยู่กับตัว ยังไม่รู้ค่าอีก”
หลวงพ่อผาด สร้างคุณูปการแก่วัดบ้านกรวดและวัดสาขาทั้ง 3 แห่ง เป็นอันมาก เช่น ตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน งานด้านการสงเคราะห์ญาติโยม งานสาธารณูปโภค การก่อสร้างถาวร วัตถุของวัด อาทิ สร้างพระอุโบสถ อุปถัมภ์โรงเรียน ศาลาการเปรียญ สร้างศาลาบำเพ็ญกุศล
ด้านเครื่องรางหรือวัตถุมงคลที่ท่านสร้าง เป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง อาทิ พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ, พระกริ่งรุ่นแรกของหลวงปู่ผาด, พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ผาด, พญาครุฑ และอื่นๆ
กล่าวเฉพาะพระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ หลวงพ่อผาด มีพุทธคุณเด่น เมตตามหานิยมเยี่ยม ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกในกุฏิของท่านเพียงลำพังนานถึง 7 สัปดาห์
หลวงพ่อผาด บอกว่า “พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ มีเทวดาปกปักรักษา
ให้บูชาด้วยการสวดมนต์เป็นประจำ จะบังเกิดความเป็นสิริมงคลยิ่งนัก”
แต่ถึงแม้วัตถุมงคลของหลวงพ่อผาด จะมีพุทธคุณเข้ม แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนให้ญาติโยม อย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว เพราะอายุคนนั้นสั้นนัก ถึงไม่แก่ไม่เฒ่าก็ตายได้เช่นกัน จงอย่าประมาท
หลวงพ่อผาด ได้นำวิชาความรู้ด้านวิทยา คม เป็นกุศโลบายสำคัญในการอบรมสั่งสอนให้ชาวบ้านยึดหลักธรรมคำ
เป็นพระที่มีความเป็นอยู่อย่างสงบ เรียบง่าย
เครดิต..http://news.ktthaigroup.com
|
|