ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3859
ตอบกลับ: 12
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

วีรชนบ้านบางระจัน

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย metha เมื่อ 2014-1-29 21:11

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายก่อนที่ไทยจะเสียกรุงครั้งที่ 2 ในแผ่นดินสมเด็จ พระเจ้าเอกทัศน์

เนเมียวสีหบดี แม่ทัพของพม่าได้ยกทัพเข้ามาตั้งค่ายอยู่ที่เมืองวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ได้สั่งให้ทหารพม่า

ออกปล้นทรัพย์สินเงินทองและเสบียงอาหารจากชาวบ้าน หญิงสาวชาวบ้านถูกทหารพม่าข่มเหงรังแก คนไทย

เดือดร้อน และเจ็บแค้นมากจึงชักชวนชาวบ้านให้ต่อสู้กับพม่า มีหัวหน้าคนไทย 6 คน คือ นายแท่น นายโชติ

นายอิน นายเมือง นายดอก นายทองแก้ว ได้ออกอุบายหลอกลวงพม่าไปฆ่าตายหลายครั้ง จากนั้นพากันหลบหนี

ไปหา พระอาจารย์ธรรมโชติ ที่วัดเขาบางนางบวช เมืองสุพรรณบุรี ท่านเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านบางระจัน

ในวิชาอาคมของท่านพระอาจารย์โชติได้แจกผ้าประเจียดลงยันต์คาถาอาคมแก่ชายฉกรรจ์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

มีชาวบ้านที่กล้าหาญติดตามมาอยู่ด้วยประมาณ 400 คน มีบุคคลสำคัญที่เป็นหัวหน้า เพิ่มขึ้นอีก 5 คน คือ

ขุนสรรค์ นายจันทร์หนวดเขี้ยว นายทองเหม็น นายทองแสงใหญ่และพันเรือง ช่วยกันตั้งค่ายบางระจัน ขึ้นต่อสู้

และขัดขวางการรุกรานของพม่า  เนเมียวสีหบดี แม่ทัพพม่าทราบว่าชาวบ้านบางระจันซ่องสุมผู้คนเตรียมอาวุธไว้

พร้อมมือและคอยดักทำร้ายทหารพม่าอยู่เนือง ๆ จึงคิดที่จะกำจัดชาวบ้านบางระจันให้สิ้นด้วยเกรงว่าหากปล่อย

ทิ้งไว้ จะเป็นอุปสรรคต่อการยกทัพไปตีกรุงศรีอยุธยา แต่เนเมียวสีหบดี ประมาทฝีมือคนไทยด้วยเห็นว่าเป็น

ชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ คงจะไม่มีพิษสงมากนักจึงส่งทหารจำนวนไม่มากนักออกไปปราบปราม แต่ทุกครั้งทหารพม่า

ถูกคนไทย ฆ่าตายเสียเกือบหมด รวมแล้วพม่าส่งทหารเข้ามาปราบถึง 7 ครั้ง จนครั้งที่ 8 จึงสามารถเอาชนะได้



          ครั้งที่ 1 งาจุนหวุ่น เป็นหัวหน้าคุมกำลังทหารไป 500 คน แต่ถูกชาวบ้านบางระจันโจมตีจนทหารพม่า

บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

          ครั้งที่ 2  เยกิหวุ่น เป็นหัวหน้าคุมกำลังทหารไป 800 คน แต่ถูกคนไทยที่มีจิตใจฮึกเหิมว่าเคยรบชนะพม่า

มาแล้ว ยกกำลังออกมาไล่ฆ่าฟัน ทหารพม่าไม่ทันตั้งตัวและ อ่อนเพลียจากการเดินทางจึงต้องพ่ายแพ้กลัไป      

          ครั้งที่ 3 ติงจาโบ เป็นหัวหน้าคุมกำลังทหาร 900 คน แต่ถูกชาวบ้านบางระจัน ไล่ฆ่าฟันล้มตายและทิ้ง

อาวุธไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้คนไทยได้อาวุธเก็บไว้ใช้มากมาย

         ครั้งที่ 4 เนเมียวสีหบดีเริ่มรู้ว่าชาวบางระจันไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาที่ไร้ฝีมือ ดังนั้นจึงสั่งให้สุรินทรจอข้อง

เป็นหัวหน้าคุมกำลังทหาร 1,000 คน หวังจะปราบ ให้สำเร็จชาวบ้านบางระจันรู้ว่าฝ่ายตนเป็นรองเรื่องกำลังคน

จึงออกอุบายแบ่งกำลังเป็น 3 ทางแล้วยกเข้าตีพร้อม ๆ กัน สุรินทรจอข้องหัวหน้าตายในที่รบ นายแท่นหัวหน้า

ค่าย บางระจันถูกยิงที่หัวเข่า

          ครั้งที่ 5  เนเมียวสีหบดีแต่งตั้งให้แยจออากา เป็นหัวหน้ายกมาตีไทย แต่ต้อง พ่ายแพ้กลับไป

          ครั้งที่ 6  จิแก เป็นหัวหน้ายกมาตีไทย แต่ถูกไทยตีแตกกลับไปอีก

    ครั้งที่ 7  เนเมียวสีหบดีรู้สึกครั่นคร้ามในฝีมือของคนไทยว่าทั้งที่มีกำลังและอาวุธน้อยกว่าแต่ก็สามารถ

ตอบโต้ทหารพม่ากลับมาได้ทุกครั้ง จึงได้คัดเลือกทหารฝีมือดีได้ประมาณ 1,000 คนเศษ จัดให้อากาปันคยีเป็น

หัวหน้าคุมพลไปปราบปราม ฝ่ายไทยมีนายจันทร์หนวดเขี้ยวเป็นหัวหน้าเข้าต่อสู้กับทหารพม่าจนอากาปันคยีตาย

ในที่รบ เนเมียวสีหบดีแม่ทัพพม่ารู้สึกโมโห และ แค้นใจมากที่ไม่สามารถกำจัดคนไทยกลุ่มนี้ได้ แต่กลับต้อง

สูญเสียไพร่พลและนายทหารฝีมือดีไปในการรบหลายนาย จึงคิดว่าหากปล่อยทิ้งไว้เกรงจะเป็นอุปสรรคเข้าตี

กรุงศรีอยุธยา จึงคิดจะกำจัดให้ราบคาบในขณะนั้นสุกี้พระนายกองซึ่งเป็นนายทหารมอญฝีมือดี เฉลียวฉลาด มี

ฝีมือในการรบเคยเข้ามาอยู่ในเมืองไทย และรู้จักนิสัยคนไทยดี ได้รับอาสาเป็นแม่ทัพยกเข้ามาปราบปรามชาว

บ้านบางระจัน สุกี้พระนายกองรู้ว่าคนไทยเป็นคนกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวและรู้ลู่ทางดี หากตน ยกทัพเข้าตีซึ่ง ๆ หน้า

จะไม่สามารถเอาชนะได้ ดังนั้นสุกี้พระนายกองจึงวางแผนการรบและเดินทัพด้วยความสุขุมรอบคอบไม่รีบร้อน



พอถึงบ้านบางระจันก็รีบสร้างค่ายทันที ใช้วิธีออกไปตีนอกค่ายแล้วถอยกลับไปสู้อยู่ในค่าย ชาวบ้านบางระจัน

พยายามเข้าตีค่ายหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ นายทองเหม็น ขี่กระบือเข้าตีค่ายพม่าก็ถูกพม่าฆ่าตาย นายแท่น

ขุนสรรค์ และนายจันทร์หนวดเขี้ยวกำลังสำคัญของไทยล้วนแต่ต้องตายในสนามรบทั้งสิ้น ชาวบ้านต่างขวัญเสีย

ที่เห็นหัวหน้าของตนต้องล้มตายทีละคนสองคน จึงขอ ปืนใหญ่จากทางกรุงศรีอยุธยามาโต้ตอบกับฝ่ายพม่า

ทางกรุงศรีอยุธยาไม่ส่งมาให้อ้างว่ากลัวพม่าจะมาแย่งชิงระหว่างทาง แต่ได้ส่งพระยารัตนาธิเบศร์มาช่วยหล่อ

ปืนที่บ้าน บางระจัน ชาวบ้านช่วยกันเรี่ยไรเครื่องทองเหลืองจนสามารถหล่อปืนใหญ่ได้สองกระบอก แต่ปืนใหญ่

แตกร้าวใช้การไม่ได้เลย พม่าเห็นคนไทยอ่อนล้าจึงถือโอกาสเข้าตีบ้านบางระจันแตกเมื่อเดือน 8 พ.ศ.2309 รวม

เวลาต่อสู้กับพม่านานถึง 5 เดือน ชาวบ้านบางระจันทุกคนปักหลักต่อสู้อย่างองอาจกล้าหาญจนตัวตาย พวกเขา

อุทิศชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้คงอยู่ วีรกรรมของชาวบ้านบางระจันยังคงตราตรึงอยู่ในใจของคนไทย

ตราบนานเท่านาน เพื่อระลึกถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ ความกล้าหาญ รักชาติ ของชาวบ้านบางระจัน ทางราชการจึง

ได้สร้างอนุสาวรีย์ชาวบ้านบางระจันขึ้น บนเนินสูงหน้าค่ายบางระจัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เพื่อเป็นอนุสรณ์สืบ

ต่อไป


ที่มาhttp://chiraporn.igetweb.com/index.php?mo=3&art=199394
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-1-29 21:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้