|
วงปี่พาทย์เขมรในหัวเมือง
เพ็ญชมพู:
นักดนตรีไทยถูกครอบงำว่าดนตรีไทยไพเราะที่สุด มากกว่าดนตรีเพื่อนบ้าน เลยยกตนข่มท่านเสมอมาจนทุกวันนี้ ทั้ง ๆไม่จริง
หนังสือเครื่องดนตรีกัมพูชาโบราณ (โดยนักวิชาการดนตรีชาวกัมพูชาจากมหาวิทยาลัยภูมินทรวิจิตรศิลปะ กัมพูชา) ที่สำนักพิมพ์วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล แปลเป็นไทยจากภาษาเขมร แล้วพิมพ์เป็นเล่ม ขายเล่มละ ๒๒๐ บาท ตั้งแต่กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ผมเขียนคำนำเสนอว่า
“ดนตรีกัมพูชาและดนตรีไทย มีรากเหง้าเก่าแก่ร่วมกันราว ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว มีระบบเสียงไม่เท่ากันมาแต่ดั้งเดิมเหมือนกัน เป็น ‘วัฒนธรรมร่วม’ ของดนตรีสุวรรณภูมิบนผืนแผ่นดินใหญ่อุษาคเนย์ มีความเป็นมายาวนานร่วมกันอย่างแยกไม่ได้
เช่นเดียวกับดินแดนและผู้คนในกัมพูชาและไทย มีพัฒนาการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับดินแดนและผู้คนสุวรรณภูมิ”
นางนาคเป็นสัญลักษณ์บรรพชนร่วมกันทั้งของตระกูลมอญ-เขมร และไทย-ลาว
มีคำบอกเล่ากับมีพิธีกรรมเกี่ยวกับนางนาคเหมือนกันหมดดูได้จากเพลงนางนาค
ร้องนางนาค พรรณนาความงามของนางนาคที่แต่งตัว
ปักปิ่นทัดดอกไม้ ประดับดอกจำปาสองหู
และที่สำคัญคือห้อยสไบสองบ่าสง่างามตามนิทานและตาม
ประเพณีแต่งงานที่เจ้าบ่าวจะต้องเกาะชายสไบเจ้าสาวเข้าหอ
(แสดงว่าผู้หญิงมีฐานะสูงกว่าผู้ชาย) มีเนื้อร้องอยู่ในบทมโหรีโบราณครั้งกรุงเก่า
เพลงนางนาคเป็นสัญลักษณ์บรรพชนร่วมกันของกัมพูชาและไทย เท่ากับเป็นพยานยืนยันว่าดนตรีกัมพูชาและไทย มีรากเหง้าเก่าแก่ร่วมกัน ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ตราบจนทุกวันนี้ จะต่างกันบ้างก็ในรายละเอียดปลีกย่อย เช่น เรียกชื่อเครื่องดนตรีและเพลงบางอย่างไม่เหมือนกัน เพราะอยู่ในตระกูลภาษาต่างกัน ราวหลัง พ.ศ. ๑๘๐๐ กาฬโรคระบาดรัฐชายทะเล คนชั้นนำตระกูลมอญ-เขมรล้มตายมาก ทำให้ตระกูลไทย-ลาวเติบโตมีอำนาจแทน แล้วสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นศูนย์กลาง
ยกภาษาเขมรเป็นราชาศัพท์ แล้วปรับอักษรเขมร (ขอม)เป็นอักษรไทย เลขเขมรก็เป็นเลขไทย ประชากรที่เคยเป็นขอมหรือเขมรก็กลายเป็นคนไทย อยู่ในอำนาจรัฐไทยที่มีขึ้นมาใหม่
ขณะเดียวกันก็สืบทอดศิลปวิทยาจากเขมรเมืองพระนคร (นครวัด) กับเมืองนครหลวง (นครธม) รวมทั้งสืบทอดศิลปวัฒนธรรมอื่น ๆ เช่น พระที่นั่ง, พระเมรุมาศ, ถือน้ำพิพัฒน์สัตยา, การปกครอง, ฯลฯ
จนถึงดนตรีและ“เพลงการ” แล้วรับคำเขมรมาใช้งานว่า เพลง, ตระ ฯลฯ
ครั้นต่อมาราวหลัง พ.ศ. ๒๔๐๐ กัมพูชารับเทคโนโลยีก้าวหน้าบางอย่างและวัฒนธรรมร่วมสมัยจากไทย เช่น เพลงดนตรี“เถา” ที่สร้างใหม่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
จากบทความเรื่อง "ดนตรีเขมร—ดนตรีไทย มีรากเหง้าเก่าแก่ร่วมกัน"
สุจิตต์ วงษ์เทศ มติชนรายวัน ฉบับประจำวันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4316.315;wap2 |
|