พระสมเด็จแบบพิมพ์นี้ เพื่อนๆท่านใดมี หรือไปพบเจอที่ไหน ช่วยบอกด้วยนะครับ มีคนต้องการกันหลายคน เพราะเป็นพิมพ์ที่นานๆจะได้เห็นสักที ท่านที่เข้ามาชมแล้วจำให้ติดตา องค์ขนาดเล็กๆ ใหญ่กว่าพระคะแนนเล็กน้อย อย่าลืมนะครับ ใครมี หรือพบเจอที่ไหน โทรบอกด้วยครับ
หลวงพ่อสละ เถรปณโณ วัดประดู่ทรงธรรม อยุธยา ผู้สำเร็จวิชา นะ ฉัพพรรณรังสี อันเป็นวิชาเมตตามหานิยมชั้นสูง ของวัดประดู่ทรงธรรม อยุธยา ฉัพพรรณรังสี ก็คือ รังสี(ออร่า) ของพระพุทธเจ้า ที่มี สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง คล้าย สเปกตรัม(รุ้ง) ใครที่จะอยากได้ครอบครอง พระของท่าน ต้องไปขึ้น กรรมฐาน กับท่านถึงจะได้มา
ผงนะ ฉัพรรณรังสีนี้ท่านว่าเมตตามหานิยมชั้นยอด ผงของท่านนั้นกว่าจะทำได้แตละครั้งต้องรอมวลสารตามตำรา เช่นกล้วยที่ชาวบ้านนำมาใส่บาตร ท่านก็จะแบ่งเก็บไว้ ไม่ใช่ไปเอากล้วยจากตลาดมาทำ มวลสารที่ได้มาต้องเกิดจากศรัทธาชาวบ้านที่ถวาย ตรงตามวันและฤกษ์ยาม ไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ได้ว่าจะได้มวลสารครบเมื่อใด นอกจากมวลสารที่ดีแล้ว หลวงพ่อท่านก็เป็นอาจารย์สอนกรรมฐานด้วย กระแสจิตนั้นไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าพระผงของท่านนั้นดีทั้งในคือมวลสารนั้นดีใน และดีทั้งนอกนั้นคือพิธีกรรมการปลุกเสกด้วยพระที่มีอภิญญาณสูงบริสุทธิ์อย่าง หลวงพ่อสละนับได้ว่าท่านเป็น"ขรัว" แห่งวัดประดู่ทรงธรรมอีกท่านหนึ่งเลยทีเดียว
หลวงพ่อสละเกจิที่ท่านๆกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ ผู้สืบสานองค์ความรู้ตำราของสายประดู่ทรงธรรมฯ ซึ่งศิษย์สำนักวิชานี้มีอยู่มากมาย ท่านเป็นลูกศิษย์และมีศักดิ์เป็นลูกบุญธรรมของก๋งจาบ ฆราวาสจอมขมังเวทย์สายวัดประดู่ทรงธรรม อาจารย์ของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราฯ, หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง และหลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน สามพระเกจิผู้จารตะกรุดหลอมไม่ละลายในพิธีวัดประสาทฯ
ครูจาบ(หรือก๋งจาบ) เป็นอาจารย์ฆราวาสเรืองวิทยาคม เป็นอาจารย์คนหนึ่งของพระเดชพระคุณพระวิสุทธาจารเถระ (หลวงพ่อเทียม) วัดกษัตราธิราช เคยมีภาพอยู่ที่แท่นบูชาของหลวงพ่อพระอาจารย์ท่านนึงที่อยุธยา ท่านเป็นที่นับถือมาก แม้หลวงพ่อปานวัดบางนมโคก็นับถือ ท่านไปทำน้ำมนต์รักษาหลวงพ่อปานด้วย (ครั้งหนึ่งหลวงพ่อปานโดนของ) และเล่ากันว่าครูจาบมีมีดหมอกายสิทธิ์อยู่เล่มหนึ่ง มีอยู่คราวหนึ่งหลวงพ่อปานทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ เพียงแค่ท่านชักมีดเล่มนั้นออกแค่ครึ่งฝักก็ทำให้หลวงพ่อปานวัดบางนมโคถึง กับหมดสติ หลวงพ่อที่สอนเลขยันต์ผมท่านเป็นหลานของครูจาบ ครูจาบชำนาญทางกรรมฐาน และทางกสิณดิน ว่ากันว่าย่นหนทางและเสกเนรมิตอะไรได้ และก็ลงยันต์ลบผงทำปถมังอิทธเจ ไล่ผีถอนคุณไสยต่าง ๆ รูปท่านคือชายแก่ผมขาวมีไม้ครูประจำตัว
หลวงพ่อสละท่าน ถือสมถะจำวัดบนไม้กระดานแผ่นเดียวเป็นประจำ เมื่อท่านละสังขารท่านก็ละสังขารบนกระดานแผ่นเดียวกันนี้ หลังจากที่ท่านละสังขารไปแล้วกระดานแผ่นนี้ได้กลายเป็นพระธาตุมาจนถึง ปัจจุบัน !!!
นอกจากนั้นหลวงพ่อสละท่านยังสำเร็จทางวิปัสสนากรรมฐาน รวมทั้งด้านการลบผงอิติปิโสรัตนมาลาอีกด้วย ซึ่งเป็นการลงอักขระจาก อิ ติ ปิ โส บทต้นห้องพระพุทธคุณโดยใช้ พระอิติปิโสรัตนมาลา ๕๖ บท ทีละอักขระ นับแต่ อิ ติ ปิ โส ภะ คะ วา เป็นต้นจนถึง ภะ คะ วา ติ (คลิ๊กเพิ่มอ่านเติม) จากนั้นทำเป็นองค์พระ เสกด้วย พระคาถาพุทธนิมิต เรียกว่า ผงพุทธคุณ ถอดเรื่อยไปจนถึงสูญนิพพาน จนถึงองค์พระตัว ติ ทั้งหมด ๕๖ องค์ นับเป็นหนึ่งเที่ยว ทำเรื่อยไปจนทะลุกระดาน หรือผงไต่ ผงเดิน เป็นอันสำเร็จ คนใกล้ชิดต่างทราบดีว่าท่านสามารถลบผงทะลุกระดานได้ จนบางคนเรียกว่าการลบผงใต้ดาน ความขลังไม่มากเท่าไร แต่ท่านสั่งไว้ว่า "ถ้าจะสร้างพระ ๘๔๐๐๐ องค์ ให้ผสมผงรัตนมาลานี้ลงไปช้อนเดียวก็พอ จนเมื่อกดพิมพ์เป็นองค์พระเสร็จแล้ว ไม่ต้องเสกอีก ก็ใช้ได้เลย"
วัดประดู่ทรงธรรม เดิมชื่อวัดประดู่ หรือ วัดประดู่โรงธรรม ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างสมัยใด ภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น ภาพกระบวนพยุหยาตราทางสากลมาตร การแสดงมหรสพในงานถวยพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้า วัดประดู่ทรงธรรม ถูกสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพระนครศรีอยุธยา ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเมือง บริเวณกลุ่มวัดในเขตอโยธยา
วัดประดู่ทรงธรรมถูกกล่าวถึงในพระราชพงศาวดาร ในคราวที่พระภิกษุสงฆ์ของวัดประดู่แปดรูป ได้ช่วยเหลือพระเจ้าทรงธรรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาหลบหนีจากการก่อกบฏของ พวกญี่ปุ่นที่หมายปลงพระชนม์ชีพ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงในคราวที่พระเจ้าอยู่หัวอุทุมพร หรือที่เรียกกันว่า "ขุนหลวงหาวัด" ทรงผนวชและพำนักที่วัดประดู่ทรงธรรมนี้เป็นวันสุดท้าย ก่อนถูกกวาดต้อนไปอังวะภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. ๒๓๑๐
หลวงพ่อสละ อาจารย์สอนกัมมัฏฐานแห่งวัดประดู่ทรงธรรม
เกิด ปี๒๔๕๗ มรณภาพ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๖
สถาน ที่สำคัญภายในวัด คือพระอุโบสถสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีการบูรณะใหม่ในราวสมัยรัชกาลที่ ๔ มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวทศชาติชาดกพุทธประวัติภาพขบวนเสด็จทางสถลมารค วิถีชีวิตและการละเล่นของคนไทยในสมัยก่อน
ในอดีตวัดประดู่ทรงธรรม เป็นวัดที่เป็นแหล่งศิลปศาสตร์หลายแขนง อาทิ เช่น วิชาพุทธศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีวิชาความรู้รอบตัวต่างๆซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้.-
๑. สูติศาสตร์ ตำราฟังเสียงสัตว์ร้อง เป็นต้น
๒. สัมมติศาสตร์ ตำรารู้กำเนิดเกิดเขาและไม่รู้ว่าชื่อนั้นๆมีสรรพคุณและโทษอย่างไรใช้ทำยาได้อย่างไร
๓. สังขยาศาสตร์ ตำรารู้จักการคำนวณเลข
๔. โยคศาสตร์ ตำรารู้จักการเป็นช่าง
๕. นิติศาสตร์ ตำรารู้ที่จะเป็นครู สอนแบบแผนราขการประเพณี
๖. วิเสริกศาสตร์ ตำรารู้เลี้ยงฝูงชนให้จำเริญศิริมงคล
๗. คณิตศาสตร์ ตำรารู้นักขัตฤกษ์และตำรากาลต่างๆ
๘. คันธัพพศาสตร์ ตำรารู้จักลำนำเพลิงขับ
๙. ติกิจฉศาสตร์ ตำรารู้คัมภีร์แพทย์
๑๐. อนุท์เพธศาสตร์ ตำรารู้ศิลปศาสตร์
๑๑. ปุราณศาสตร์ ตำรารู้จักที่บ้านเก่า เมืองเก่า ตำบลเก่า
๑๒. อิติหาสศาสตร์ ตำรารู้จักที่มีมงคลบริโภคอาหาร
๑๓. โชติศาสตร์ ตำรารู้จักคัมภีร์พยากรณ์
๑๔. มายาศาสตร์ ตำรารู้เล่ห์กล
๑๕. เหตุศาสตร์ ตำรารู้เหตุผลจะบังเกิดการณ์ต่างๆ
๑๖. วันทุฎศาสตร์ ตำรารู้เลี้ยงโค กระบือ ปศุสัตว์ รู้จักหว่านพืช
๑๗. ยุทธศาสตร์ ตำรารู้จักคัมภีร์พิชัยสงคราม
๑๘. ปาสัณฑ์ศาสตร์ ตำรารู้คัมภีร์โลกวิหาร
๑๙. ฉันทศาสตร์ ตำรารู้คัมภีร์โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
๒๐. พุทธวัจนะ ตำรารู้คัมภีร์พุทธศาสตร์ ใส่ตลับเงิน(องค์ซ้าย)บูชาประจำตัวเลยครับ ส่วนทางขวาเป็นพิมพ์หลวงพ่อกี่ ถวายแม่พิมพ์ |