|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2013-8-28 08:21
หงอคง
(ความเป็นมา สมัยเป็นมิจฉาทิฏฐิ)
[size=+0]
ฟ้า-ดิน สร้างลิง(โพธิ)ขึ้นจากหิน ให้เป็นลิงสามัญ แล้วค่อยๆ เติบโตกล้าแข็งขึ้น จนลิงบริวารยกขึ้นเป็นไต้อ๋อง ชื่อมุ้ยเกาอ๋อง เป็นลิงเผือกขาวผ่องบริสุทธิ์ ซึ่งมีความหมายว่า โพธิจิตนั้นบริสุทธิ์อยู่ตามธรรมชาติแล้ว ทุกคนต้องอาศัยลิงตัวนี้ เพราะว่าโพธิจิตนี้เป็นต้นเหตุแห่งมรรคผล ดังโศลกที่ท่านกวีรจนาไว้
ต่อมาหงอคง(เห้งเจีย) ประสงค์จะพ้นจากเกิดแก่เจ็บตาย จึงได้สืบหาธรรมวิเศษ พญามุ้ยเกาอ๋องได้ไปถึงไซที(อินเดีย) กลับไม่พบผู้รู้ธรรมวิเศษเลย จึงได้ย้อนมาเกาะลังกา แลได้พบท่านผู้วิเศษคือ โผเถโจ๊ซือ (สังฆนายกสุภูติ) จึงได้เรียนปริยัติธรรม
ตอนขอเรียนปริยัติธรรมนั้น มุ้ยเกาอ๋องปฏิเสธที่จะเรียนเดียรัจฉานวิชาต่างๆ อันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ต้องการแต่ความเป็นอมตะ
ในที่สุดจึงได้เรียนธรรมหฤทัย จนท่องได้ขึ้นใจ อาจแปลงกายได้ ๗๒ อย่าง ( เท่ากับสภาวธรรม ๗๒ โป๊ยก่ายแปลงกายได้ ๓๖ หงอคงมากกว่า ๒ เท่า กำลังของปัญญากับศีลนั้นแปลงได้ ๑๐๘ เท่ากับจำนวนตัณหา ๑๐๘ ส่วนซัวเจ๋ง (อนันตริกสมาธิ) นั้นแปลงไม่ได้เลย)
ต่อมา เมื่อหงอคงได้กลับมาถึงถ้ำจุ้ยเลี่ยมต๋อง(ถ้ำม่านน้ำ)เดิม จึงได้ทราบว่าระหว่างที่ตนแสวงหาความรู้อยู่นั้น ปีศาจหุนซีหม้อกุน(หุนซีหม้อกุน = ยุ่ง + โลก + สมัย) ได้มาแย่งชิงถ้ำและจับบริวารลิงไปกักไว้ที่ถ้ำผี และผี(อวิชชา) นี้มันมาเหมือนพายุ เมื่อมันไปก็เป็นหมอกมืดคลุ้ม ไม่รู้ว่าหนทางไปมาจะไกล้ไกลสักเท่าใด หงอคงตามไปฆ่าปีศาจตาย แล้วแย่งอาวุธมาได้ด้วยถอนขนเป็นลิงน้อยหลายร้อยตัวเข้ารุมจับ (หงอคงมีขนอยู่ ๘๔,๐๐๐ เส้น ทุกเส้นอาจแปลงเป็นลิงได้ นี่คือปริยัติใน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์) โพธิใช้สุตพละ(กำลังที่เกิดจากการฟังการเรียน) ฆ่าปีศาจคือความไม่รู้(อวิชชา)ในปริยัติ และในที่สุดจึงได้เป็นใหญ่ในหมู่ปีศาจทั้งหลาย และได้เพื่อนผี รวมทั้งตัวเองเป็น ๗ พญาผี
เรื่องตอนได้อาวุธคือตะบองวิเศษนั้นเป็นดังนี้ ซึงหงอคงคิดตั้งตนเป็นใหญ่ ต้องการอาวุธคู่มือที่เป็นเหล็ก แต่เดิมเป็นง้าว ซึ่งเป็นอาวุธของปีศาจหุนซีหม้อกุน ต่อมาได้อาวุธ ๑๘ อย่าง ล้วนเป็นเหล็ก (อาวุธ ๑๘ อย่าง คือความเข้าใจชัดถึงมูลธาตุ ๑๘ คือ อินทรีย์ ๖ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ อารมณ์ ๖ คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ และ วิญญาณ ๖ คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ และ มโนวิญญาณ ซึ่งความเข้าใจเรื่องนี้เป็นดุจอาวุธเหล็ก มีกำลังมากกว่าอาวุธเดิม)
ซึงหงอคงดำริถึงอาวุธวิเศษกว่าเหล็กอีก จึงได้ดำลงในลำธาร ในถ้ำของตนที่ทะลุถึงบาดาล(เส้นล้ำลึกของใจ) ดำลงไปถึงทะเลแห่งทิศตะวันออก เขตแดนของพญาเล่งอ๋อง อาวุธ คือตะบองวิเศษนั้น จมอยู่ใต้บาดาลทางทะเลตะวันออก
หลังจากคัดเลือกอาวุธชั้นเยี่ยมใต้บาดาล จากการเสนอให้ของพญาเล่งอ๋องเจ้าแห่งทะเลตะวันออกแล้ว หงอคงมิได้พอใจเพราะน้ำหนักเบาไป จึงถูกแนะให้ไปหาตะบองกายสิทธิ์ ยืดหดได้ตามประสงค์ มีขื่อเป็นอักษร ๕ ตัวว่า ยู่อี่กิมซือเป๋ง (ตามใจ+ทอง+ปลอก = ตะบองปลอกทองได้ดังใจ) เมื่อจะให้ใหญ่ก็ได้ดังใจ จะให้เล็กเหน็บไว้ในรูหูก็ได้
นอกจากตะบองแล้ว ยังมีเครื่องแต่งกายวิเศษที่หงอคงบังคับขู่ตะคอกเอามาจากพญาเล่งอ๋องแห่งคาบสมุทรอื่น คือ เกือกวิเศษใส่แล้วเหาะได้ เกราะทองคำป้องกันอาวุธ หมวกทองคำทำด้วยปีกหงส์แคล้วคลาดจากอันตราย (ปริศนาธรรมเครื่องแต่งกายนี้ตรงกันกับสุวรรณสังข์ชาดก เกราะ คือ รูป เงาะ เกือกวิเศษ คือ เกือกใส่แล้วเหาะได้ ส่วนหมวกนั้น สุวรรณสังข์กลับเป็นไม้เท้า )
ซึงหงอคงได้อาวุธพิเศษ ก็เป็นเหตุให้ทั้งบนพื้นดินและสวรรค์ สั่นสะเทือนด้วยอัสมิมานะ หงอคง(โพธิจิตที่ยังเถื่อนอยู่) ได้ลงไปตีตะลุยนรก รุกรานเงี่ยมฬ่ออ๋องทั้ง๑๐ (มัจจุราช) และลบบัญชีตายแก่ตนและบริวารเสียสิ้น หมายถึงโพธินั้นไม่มีวันตาย หรือสภาวะที่อยู่เหนือความตาย
พญาเงี่ยมฬ่ออ๋อง(มัจจุราช) และพญาเล่งอ๋อง(ผู้เป็นใหญ่ในทะเล) ได้ยื่นฎีกาต่อเง็กเซียนฮ่องเต้ ในความเถื่อนของหงอคงที่ไม่ยอมอยู่ใต้บังคับของสิ่งไหน แม้ความเกิด -ตาย ไม่ยอมรับผลของกรรมใดๆ จนเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องประชุมเทพยดาเพื่อปราบปรามหงอคง
อุบายในการปราบหงอคงนั้นก็คือ ทดใช้พลังเถื่อนของโพธิให้มาสู่ฝ่ายสวรรค์(บุญ) แทนการสมาคมกับภูตผี (ถึงตอนนี้ ท่านกวีได้ล้อเลียนว่า ปัญญาหรือโพธิ(ในระดับที่ยังเถื่อนอยู่) ที่เชี่ยวชาญแตกฉานเหนือสิ่งใดในโลกแล้วนั้น เหมาะสำหรับเป็นแม่กองเลี้ยงม้าบนสวรรค์เท่านั้น)
หงอคงถูกล่อด้วยตำแหน่งที่เป๊กเบ๊อุน(เลี้ยงม้า-กวาดขี้ม้า) ครั้นรู้ความที่ตนถูกลวงแล้ว อัสมิมานะก็พลุ่งขึ้น หงอคง(โพธิ) ได้อาละวาด ทำลายบัญชีข้าวของและเหาะกลับมาอยู่ถ้ำจุ้ยเลี่ยมต๋องตามเดิม โพธิที่ยังเถื่อนอยู่นั้น หายอมพอใจกับบุญที่ไร้เกียรติไม่
เมื่อกลับถึงถ้ำอันเป็นนิวาสถานของตัวแล้ว ปีศาจตระกูลต๋อกกั๊ก ๒ ตน (คือ มานะ และ อติมานะ) ได้มาสวามิภักดิ์พร้อมกับยุส่งว่า " ไต้อ๋องมีฤทธิ์อานุภาพไม่มีใครจะต่อต้าน ธุระอะไรจะมาเป็นนายกองเลี้ยงม้า ข้าพเจ้าเห็นว่าฤทธิ์เดชของไต้อ๋อง สมควรจะเป็นซีเทียนไต้เซี้ย คือเป็นใหญ่เสมอฟ้าจึงจะควร "
ตั้งแต่ปีศาจตระกูลต๋อกกั๊กเข้ามาสวามิภักดิ์ด้วยหงอคงแล้ว จึงได้เกิดเหตุโกลาหลทั้งฟ้า เง็กเซียนฮ่องเต้จอมสวรรค์จึงได้รับสั่งให้ถักทะลีทีอ๋องแม่ทัพสวรรค์ พร้อมกับโลเฉียยกทัพไปปราบหงอคง
ไม่ว่าโลเฉียจะแสดงอิทธิปาฏิหาริย์อย่างใด หงอคงแปลงกายสู้ได้ทั้งสิ้น กองทัพสวรรค์ก็ต้องพ่ายแพ้ไป อันเป็นเหตุให้อัสมิมานะลงรากมั่นคง และถึงกับแต่งตั้งเพื่อนปีศาจอีก ๖ ตนขึ้นเป็นไต้เซียนเหมือนตัว (มิจฉาทิฏฐิ คือ อุจเฉททิฏฐิเพิ่มกำลังยิ่งขึ้น) และได้เลี้ยงเฉลิมฉลองกันเป็นการใหญ่ ทั้งลิง(โพธิ) ทั้งผี(กิเลส) ก็รื่นเริงอยู่ในถ้ำจุ้ยเลี่ยมต๋อง
สวรรค์ต้องดำเนินนโยบายใหม่ ในการทดใช้พลังของโพธิให้ไปสู่หนทางบุญให้ได้ จึงยอมแต่งตั้งให้หงอคงเป็นซีเทียนไต้เซี่ยตามอัสมิมานะของหงอคง โดยเง็กเซียนฮ่องเต้รับสั่งให้เทพบุตรสร้างหอขึ้น ๒ หอ คือ หอเย็นระงับใจ และ หอเก็บรักษาอารมณ์ นี่คือเทคนิคของสวรรค์ในการปราบโพธิเถื่อน แล้วทรงประทานสุราที่พวกเซียน(ผู้สำเร็จ) ในสวรรค์นิยมดื่มให้ ๒ คนโท(คือปีติและสุขจากการระงับใจและเก็บรักษาอารมณ์) พร้อมกับดอกไม้ทองคำสิบกิ่ง(คือ กุศลกรรมบถ ๑๐) เพื่อระงับมิให้ทำการชั่ว
ซีเทียนไต้เซีย มีความปราโมทย์บันเทิงกับตำแหน่งในสวรรค์ทุกเช้าเย็น แต่หารู้ไม่ว่าตนเป็นขุนนางตำแหน่งไหน มีอยู่แต่ชื่อเท่านั้น(ความสุขจากการมีบุญนั้นมี แต่ชื่อไม่ใช่ทางแห่งมรรคผล) ไม่ช้าซีเทียนก็ก่อเหตุจลาจลในสวรรค์ขึ้นจนได้
เง็กเซียนฮ่องเต้ขอให้ซีเทียนใช้เวลาว่างในการตรวจตรารักษาสวนชมพู่ทั้ง ๓ สวน เพื่อใช้เวลาว่างในสวรรค์ให้มีค่า สวนชมพู่ ๓,๖๐๐ ต้น(พระสูตร) ซีเทียนแอบขโมยชมพู่ในสวนที่สามกินหมด และได้ร่ายเวทตรึงนางฟ้า ๗ องค์ที่เป็นพนักงานสอยชมพู่ ในงานกินเลี้ยงพวกเซียน ได้แอบเข้าไปกินอาหารทิพย์ สุราทิพย์(สุขในบุญอันชวนเมา) และได้เมาสุราจนเดินล่วงล้ำเข้าไปเขตท่านพรหมท้ายเสียงเล่ากุน และได้ขโมยกินยาวิเศษที่เป็นยาอายุวัฒนะของพรหมชั้นนั้นที่บรรจุอยู่ในคนโท ๕ ใบ (ยาวิเศษ ในคนโท ๕ ใบ คือองค์แห่งปฐมฌาน ได้ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา) ในที่สุดซีเทียนจึงได้เหาะหนีลงสู่นิวาสถานเดิม คือถ้ำจุ้ยเลี่ยมต๋อง และยังติดรสของสุขในสวรรค์จนต้องหวนขึ้นไปขโมยสุราทิพย์ลงมากำนัลแก่ลิงบริวาร(เจตสิกได้ลิ้มรสสุขจากการระงับใจแล้ว)
เง็กเซียนฮ่องเต้รับสั่งให้จับตัวซีเทียนให้ได้ จึงกองทัพสวรรค์นำโดยถักทะลีทีอ๋องและโลเฉีย สมทบด้วยทัพดาวยี่สิบแปดดวง สิบสองง่วนสิน ดาวทั้งเก้า เจ้าฮวงเจี๊ยบ (เทพารักษ์) พร้อมทั้งท้าวกิมกัง(จตุโลกบาล) สมทบด้วยปุดเฉีย แม้กระนั้นแล้ว ทัพสวรรค์(กุศลเจตสิก) ก็ยังพ่ายแพ้แก่ซีเทียนไต้เซี้ย(โพธิ) ผู้มีต๋อกกั๊กกุยอ๋อง(มานะและอติมานะ) เป็นแม่ทัพหน้า
|
|