คุณสมบัติของเพชรพญาธร มี 4 คุณลักษณะคือ 1. เพชรพญาธรกายทองแดง 2. เพชรพญาธรกายเนื้อเงินเขียนว่า"กายเนื้อทองแดง" 3. เพชรพญาธรกายเนื้อทองคำ 4. เพชรพญาธรกายเนื้อกายสิทธิ์ โดยมีข้อแตกต่างกันอยู่ที่ว่า.... เพชรพญาธรกายเนื้อเงิน สามารถจะกินเพชรพญาธรกายเนื้อทองแดงได้ เพชรพญาธรกายเนื้อทอง จะกินเพชรพญาธรกายเนื้อเงินได้ เพชรพญาธรกายเนื้อกายสิทธิ์ ก็จะกินเพชรพญาธรเนื้อทองคำได้ นี่คือข้อแตกต่างของเพชรพญาธรสี่แบบใหญ่ๆและคุณสมบัติของเพชรพญาธร " เพชรพญาธร" กินพิษเป็นอาหาร กินพลังภูตผีปีศาษเป็นอาหาร กินอาคมเป็นอาหาร กินกุลไสหรือมนต์ดำเป็นอาหาร และที่ท่านทั้งหลายชอบและเข้าใจกันว่าเพชรพญาธรเป็นมหาเสน่ห์ และเขียนลงในเว็บกันนั้นคือ เพชรพญาธรกินอารมณ์เป็นอาหารจึงทำให้บุคคลที่มีเพชรพญาธรนั้นมีเสน่ห์ และทำให้ร่างกายอ่อนกว่าวัย มีอีกหลายอย่างเช่น "กันกระสุน" ได้ *** แต่สิ่งที่สำคัญคือเมื่อลงเพชรพญาธรต้องปฎิบัติไม่นั้นจะโดนเพชรพญาธร "ทำโทษ" จะมีอาการแตกต่างกันไปหาสาเหตุไม่เจอไปหาหมอ หมอก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรต้องนั่งสมาธิอย่างเดียว จึงจะหายจากอาการทั้งปวง นี่คือเพชรพญาธรของแท้ไม่ใช่ของเล่นให้รู้ไว้ณ.ที่นี้ด้วย (เพชรพญาธร,เทพยาทร) เป็นพวกที่ทรงความรู้ในศาสตร์ต่างๆ มีศิลปศาสตร์ 18ประการ เช่น โหราศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น พวกนี้เหาะได้ มีเวทมนตร์ คาถา อาคมต่างๆ วิทยาธรมีรูปร่างหลากหลาย อยู่แบบเดี่ยวก็มี อยู่เป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มีกุมภัณฑ์ มีรูปร่างแปลกหน้าตาพองๆ เป็นยักษ์ประเภทหนึ่งแต่ไม่น่ากลัว เหมือนยักษ์ ไม่มีเขี้ยวผมหยิกๆ ผิวดำ ท้องโต พุงโร กุมภัณฑ์มีตั้งแต่ชั้นสูงจนถึงชั้นล่าง มีหน้าที่ลงไปทรมานสัตว์นรก ในยมโลก ทั้งคนธรรพ์วิทยาธร กุมภัณฑ์ เป็นเทวดาที่อยู่ในการดูแลของ ท้าวธตรฐ ผู้ปกครอง สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ด้านทิศตะวันออก คนธรรพ์แบ่งได้เป็น 3 ระดับ 3 จำพวกคือ ... คนธรรพ์ชั้นสูง มีวิมานอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เช่น ปัญจสิขเทพบุตร มีเทพธิดาประจำอยู่ในวิมาน คนธรรพ์ชั้นกลาง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้และเป็นบริวารของ คนธรรพ์ชั้นสูงอีกที คนธรรพ์ชั้นล่าง อยู่บนพื้นมนุษย์ สิงอยู่ในต้นไม้จำพวกไม้หอม เช่น ตะเคียนตานี เป็นต้น และคนธรรพ์ที่เป็นหัวหน้าของเหล่าคนธรรพ์ ถูกเรียกว่า ประคนธรรพ์ หรือ ประคนธรรพ หรือ ประโคนธรรพ์หรือ ประโคนธรรพ หรือพระประโคนธรรพ์ ๑. สุทธกสูตร ว่าด้วยเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี.
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายเราจักแสดงพวกเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์แก่เธอทั้งหลายเธอทั้งหลาย จงฟัง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์เป็นไฉน? พวกเทวดาซึ่งสิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่รากก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่แก่นก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่กะพี้ก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่เปลือกก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่กะเทาะก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่ใบก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่ดอกก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่ผลก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่รสก็มี
สิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่กลิ่นก็มี.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกนี้เราเรียกว่าพวกเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์
จบ สูตรที่ ๑. ๒. สุจริตสูตร ว่าด้วยเหตุให้เข้าถึงความเป็นสหายของเทวดา
ซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์พระนครสาวัตถี.
ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับฯลฯ
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้
เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา
ซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้
ประพฤติสุจริตด้วยกายด้วยวาจา ด้วยใจ
เขาได้สดับมาว่า
พวกเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์
มีอายุยืน มีวรรณะงามมีความสุขมาก.
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
โอหนอ เมื่อตายไป
ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา
ซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์.
ครั้นตายไป
เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดาซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา
ซึ่งนับเนื่องในหมู่คนธรรพ์.
จบ สูตรที่ ๒. ๓. มูลคันธทาตาสูตรว่าด้วยเหตุให้เข้าถึงความเป็นสหายของเทวดา
พระนครสาวัตถี.
ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา
ซึ่งสิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่ราก พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้
ประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
เขาได้สดับมาว่า
พวกเทวดาซึ่งสิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่ราก
มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก.
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
โอหนอ เมื่อตายไป
ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา
ซึ่งสิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่ราก.
เมื่อตายไป
เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา
ซึ่งสิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่ราก.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป
ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกเทวดา
ซึ่งสิงอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นที่ราก.
พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค- หน้าที่ 281-282 |