Church Of The Savior On Blood : รัสเซีย Ovchinnikova Irina/Shutterstock.com โบสถ์แห่งหยดเลือด ที่รัสเซีย สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ที่นี่ การประดับประดาตกแต่ง มีเพดาน กำแพงหลากหลายสีสัน และโดมทรงหัวหอม จึงไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยวจะเลือกที่นี่เป็นจุดหมายในการเดินทาง แต่ความอาถรรพ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ โบสถ์แห่งหยดเลือด สร้างให้เป็นเกียรติแด่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ประกาศเลิกทาส ด้วยความหวังดีต่อประชาชน ปรากฏว่าชาวรัสเซียไม่เข้าใจ เพราะหลังเลิกทาส ชาวนากลับมีความเป็นอยู่ที่จนลง เป็นผลให้พวกชาวนารวมตัวกันว่าแผนปลงพระชนม์ โดยส่งหญิงชาวนาผู้หนึ่งติดระเบิดพลีชีพวิ่งเข้ามาขณะพระองค์เสด็จผ่าน ต่อมาบริเวณถนนที่เกิดเหตุนั้นถูกสร้างโบสถ์ครอบไว้ และกลายเป็นโบสถ์หยดเลือดมาจนถึงทุกวันนี้
Neuschwanstein : เยอรมนี ปราสาทในเทพนิยาย Neuschwanstein นี้เป็นพระราชวังสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน เปิดให้ประชาชนเข้าชม และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง รวมถึงเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และโตเกียวดิสนีย์แลนด์อีกด้วย แต่ความสวยงามก็แฝงด้วยเรื่องหลอนปริศนา ปราสาทนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย นับตั้งแต่วันที่เริ่มสร้างจนถึงปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้มีอายุราว 140 ปี ผู้ที่ออกแบบปราสาทแห่งนี้ไม่ใช่สถาปนิก แต่กลับเป็นคนออกแบบฉากละคร ทำให้ปราสาทแห่งนี้เหมือนปราสาทในจินตนาการมากกว่าปราสาทแห่งอื่น พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ทรงหลงใหลในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับเทพของเยอรมัน และพวกไวกิ้ง ขุนนางในสมัยนั้นหาว่าพระองค์สติวิปลาส จนกระทั่งพระองค์ต้องแปรพระราชฐานออกจากปราสาท Neuschwanstein ที่ทรงรักยิ่ง และหลังจากนั้นไม่นาน มีคนพบพระศพของพระองค์ในทะเลสาบ ซึ่งเป็นการสวรรคตที่เป็นปริศนามาจนทุกวันนี้ ไม่แน่วิญญาณของพระองค์จะยังวนเวียนอยู่ในปราสาทแห่งนี้เฝ้ามองงานศิลปะที่พระองค์รักตลอดไป
Alcázar of Segovia : สเปน Alcázar of Segovia ปราสาทหินเก่าแก่ของเมือง Sagovia ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำ Eresma รูปร่างของปราสาทคล้ายคันธนูของเรือ ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติใช้จัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมือง และถือเป็นต้นแบบของปราสาทซินเดอเรลล่าอีกด้วย ส่วนด้านข้างของปราสาทนี้จะมีร้านกาแฟเล็กๆ สุดชิลล์ซ่อนตัวอยู่ ด้านในเป็นลานนั่งเปิดโล่งให้ได้รับลมชมวิวอย่างเพลิดเพลินทีเดียว แต่รู้ไหมว่า วัตถุประสงค์ของการสร้างที่นี่มันคือความโหดร้าย เพราะที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นฐานตั้งมั่นหากถูกข้าศึกรุกราน และภายหลังได้กลายเป็นเรือนจำที่กักขังนักโทษคนสำคัญ แล้วนำมาใช้เป็นโรงเรียนฝึกทหารสเปนอีกด้วย
Himeji Castle : ญี่ปุ่น ปราสาทฮิเมจิ มีประวัติศาสตร์ก่อตั้งกว่า 400 ปี เป็นปราสาทที่คงสภาพเดิมที่สุดในญี่ปุ่น ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ ปราสาทมะสึโมะโตะ และปราสาทคุมะโมะโต รวมทั้งได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเป็นครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่นในปี 1993 ความสง่างามของที่นี่ได้รับการเปรียบเปรยให้ถูกเรียกว่า “ปราสาทนกกระสาขาว” แต่นอกจากความงามที่กล่าวมานั้น ปราสาทแห่งนี้ยังมีเรื่องราวชวนสยองขวัญที่น่าเศร้าแฝงอยู่ เป็นเรื่องผีที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันมากที่สุดเรื่อง นั่นคือเรื่อง “ผีนับจาน” หรือ “โอคิคุ” นั่นเอง ตำนานเล่าว่า โอคิคุ เป็นสาวใช้ของซามูไรนามว่า อาโอยามา เทสซัน เขาตกหลุมรักเธอจึงได้วางแผนหลอกนำชุดด้วยการนำชุดเรื่องจานราคาแพงจากดัตช์มามอบให้เป็นหน้าที่ของโอคิคุคอยดูแล วันหนึ่งเขาจึงนำจานหนึ่งใบไปซ่อน แล้วสั่งสาวใช้ให้นำชามทั้ง 10 ใบมาให้ เมื่อโอคิคุไม่สามารถหาได้ครบ เธอจึงหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ เทสซันจึงยื่นข้อเสนอจะยกโทษให้หากเธอยอมเป็นภรรยาน้อยของเขา โอคิคุไม่ยอม และเลือกที่จะรักษาเกียรติของตนด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำ จบชีวิตของตนลงในที่สุด บางตำนานก็เล่าว่า เป็นเทสซันเองที่โมโหจัดจนฆ่าเธอเองกับมือ แล้วโยนศพทิ้งลงบ่อน้ำ แต่ก็ยังมีอีกหลายตำนานที่เล่ามาไม่เหมือนกันสักตำนาน แต่ทุกเรื่องก็จบลงด้วยความตายอันน่าเศร้าของโอคิคุ
|