ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1744
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนานพิศวงของ “ปลาซีลาแคนธ์” ปลาโบราณหน้าตาประหลาด

[คัดลอกลิงก์]
ปลาซีลาแคนธ์ หรือ ซีลาคานท์ หรือ ซีลาขันธ์ถือเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุด และถือว่า เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนักสัตว์ลึกลับวิทยา ก็ได้ครับที่ทำให้โลกนี้ได้รู้ว่า วิชานี้มันก็สำคัญน่ะจะบอกให้..

ครั้งหนึ่งปลาซีลาแคนธ์ เคยมีอยู่อย่างมากกมายและหลากหลายสายพันธุ์ แต่พวกมันไม่ได้มีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันได้ทั้งหมดโดยสูญพันธุ์ไปตั้งแต่เมื่อ สิ้นยุค Cretaceousเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่ออย่างนั้นแต่แล้วการค้นพบมันในปี พ.ศ. 2481ถือได้ว่าเป็นการฉีกหน้านักวิทยาศาสตร์เต็มๆ
.
ซีลาแคนธ์มีรายงานการค้นพบ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2481ครั้งนั้นถูกจับได้ ที่ปากแม่น้ำ Chalumnaทางชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกาใต้โดยกลาสีเรือชาวสก็อตแลนด์โดย กัปตันเฮนดริค กูเซ่น (Capt. Hendric Goosen)และลูกเรือ พวกเขา คิดว่าปลาที่จับได้นี้แปลกประหลาดมาก และได้นำปลาที่จับได้มายังท่าเรือของเมือง East Londonในประเทศแอฟริกาใต้ แล้วแจ้งไปยังพิพิธพันธ์ท้องถิ่นในเมืองเล็กๆในแอฟริกาใต้และเมื่อ ลาติเมอร์ Courtney-Latimerนักอารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ที่นั่น ได้เห็นปลารูปร่างประหลาด ได้แจ้งไปยังศาสตราจารย์
จี.แอล.บี สมิธ J.L.B Smith ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลาแห่งมหาวิทยาลัยโรเดสในประเทศแอฟริกาใต้ แล้วแจ้งไปยัง Courtney
ให้เก็บรักษาตัวอย่างปลานี้ไว้ แต่ว่าข้อความนั้นมาช้าไป ทำให้อวัยวะภายใน ของปลาซีลาแคนธ์นั้นเริ่มเน่าเสีย เสียก่อน และแล้วสมิทก็ได้ออกแถลงการ ให้โลกรู้ว่า ปลาสีน้ำเงินความยาวเกือบสองเมตร นั่นคือปลาปลาซีลาแคนธ์ ที่มันเคยมีชีวิตอยู่ เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนสมิธ จึงได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ ของปลาบรรพบุรุษของมัน ตัวนี้ว่า Latimeria chalumlaeเพื่อเป็นเกียรติแด่ นางลาติเมอร์และตำแหน่งที่ค้นพบ คือบริเวณปากแม่น้ำ Chalumnae
.
มีตัวแรกก็มีตัวที่สอง ตัวที่สองนั้นถูกจับได้โดยกลาสีเรือชื่อ อาเหม็ด ฮูเซียนในบริเวณ Comores Archipelagoที่อยู่ใกล้เกาะมาดากัสกา ในอีก 14 ปีต่อมาและฮูเซียนก็ได้รับเงินรางวัล 50,000 ฟรังก์ในฐานะที่จับปลาดึกดำบรรพ์ได้
และแล้วปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ของปลาที่จับได้ก็เกิดขึ้นระหว่างสมิธ กับรัฐบาลฝรั่งเศสเพราะว่าปลาที่ถูกจับได้ อยู่ในบริเวณน่านน้ำของเกาะมาดากัสกา ซึ่งอยู่ในความปกครองของฝรั่งเศส แต่สมิธเป็นนักชีววิทยาคนแรกที่รู้จักปลาชนิดนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสจึงตัดสินใจว่า หาก สมิธ สามารถเดินทางมารับซากปลาได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมงเขาจะได้เป็นเจ้าของซากปลาตัวนั้นแต่ สมิธ นั้นอยู่ห่างจากฝรั่งเศสถึง 2,400 กิโลเมตร
.
แต่ถึงกระนั้นระยะทาง 2,400 กิโลเมตรก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะว่า สมิธได้ขอร้องให้นายกรัฐมนตรีของแอฟริกาใต้ให้จัดเครื่องบินของกองทัพอากาศไปรับซากปลาภายในเวลา 24 ชั่วโมง
.
สมิธ ได้บินไปรับซากปลาที่เขารอคอยนานถึง 14 ปี ได้ทันเวลาและข่าวการพบปลาซีลาคานท์ ตัวที่สอง ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกและโลกก็ประจักว่าทะเล Comores Archipelagoคือถิ่นที่อยู่อาศัยของ ฝูงปลาซีลาแคนธ์
.
เพราะปลาชนิดนี้ตัวที่ 3 นั้นถูกจับได้ในอีก 1 ปี ต่อมา.พวกชาวเกาะ Comoran รู้จักปลาชนิดนี้ในนามของปลา Gombessa และทุกๆครั้งที่คนเหล่านี้จับปลาซีลาคานท์ได้เขาจะปล่อยมันกลับลงทะเล เพราะเนื้อมันกินไม่ได้
ในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ชาวประมงจับปลาซีลาคานท์ได้โดยบังเอิญ 3-12 ตัว
.
นอกจากนี้ซีลาแคนธ์ ยังพบในอินโดนีเซียแต่มีลักษณะ แปลกกว่า ของอาฟริกานิดหน่อย
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1998 ปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกจับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในตาข่ายดักฉลามบริเวณทะเลลึก โดยชาวประมงท้องถิ่นห่างจากเกาะภูเขาไฟของ Manado Tuaทางเหนือของ สุลาเวสี อินโดนีเซียซึ่งที่ ที่พบนี้อยู่ทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดียตะวันตกไปประมาณ 10,000 กม.ชาวประมงนำปลา ที่จับได้นี้ ไปให้Arnaz Menta Erdmann เมื่อพวกเขาได้ปลาซีลาแคนธ์ จากสุลาเวซี เมื่อนำมาเทียบกับหลักฐานที่มีก็พบว่า ปลาซีลาแคนธ์แห่งเกาะสุลาเวสีนี้ แตกต่างกับปลาซีลาแคนธ์ที่พบที่เกาะ Comoros ซึ่งจุดแตกต่าง
.
ที่เห็นได้ชัดก็คือสี ปลาซีลาแคนธ์ที่ Comoros นั้นจะมีสีน้ำเงิน ส่วนซีลาแคนธ์ ที่เกาะสุลาเวสีนี้มีสีน้ำตาล และในปี 1999 ปลาซีลาแคนธ์แห่งสุลาเวสี ถูกบรรยายว่า …เป็นปลาซีลาแคนธ์ชนิดใหม่ โดยมีชื่อว่า Latimeriamenadoensis จากการพบซีลาแคนธ์ชนิดใหม่นี้ ได้จุดประกายความเป็นไปได้ว่า ปลาซีลาแคนธ์อาจจะมีการแพร่กระจายที่กว้างและมีจำนวนมากกว่าที่ได้เคยสันนิษฐานกันไว้เมื่อก่อน
.
ปลาซีลาแคนธ์ เป็นสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดที่รูปร่างของมันแทบ จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยในระยะเวลานับหลายร้อยล้านปี
รูปร่างของมันทุกวันนี้ เหมือนกับเมื่อ 140 ล้านปีก่อนทุกประการ
ปลาซีลาแคนธ์ จัดได้ว่า เป็นญาติกับ Eusthenopteronซึ่งเป็นปลาในยุคเริ่มแรกที่มีขา และเริ่มที่จะวิวัฒนาการมาเป็นพวกสัตว์บก แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้เสนอแนวคิดใหม่ที่ว่า Icthyostega Panderirchthyesและ Acanthotega เป็นบรรพบุรุษของ Tetrapod(สัตว์ 4 เท้า เช่นพวก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ,สัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมถึงมนุษย์ด้วย) แต่แนวคิดนี้ก็ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่า ปลาซีลาแคนธ์มีความใกล้ชิด และ เกี่ยวข้องกับปลา Rhipidistaiมากกว่า Tetrapod สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอีกทั้งยังมีปลาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นปลาดึกดำบรรพ์ด้วยเช่นกันที่มีความเกี่ยวข้องกับ Tetrapod มากกว่าปลาซีลาแคนธ์ ซึ่งก็คือปลาปอด (Lung fish)ซึ่งยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบันอยู่ 3 สกุล
.
ฟอสซิลปลาซีลาแคนธ์ดึกดำบรรพ์สามารถพบได้ในทุกทวีปยกเว้นทวีป Antarctica
.
ในช่วง 200 ล้านปีก่อน พวกนั้นมีกันมากกว่า 30 ชนิด ที่อาศัยอยู่ในช่วงเวลานั้นถือว่าเป็นยุคทอง ของปลาซีลาแคนธ์เลยก็ว่าได้มีอยู่ 3 ชนิด จากทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดโดยมีอยู่ 2 ชนิด ที่ไม่นับรวมเป็นปลาซีลาแคนธ์โบราณเนื่องจากว่า ทั้ง 2 ชนิดนี้ มีขนาดค่อนข้างเล็กน้อยตัวที่จะมีขนาดใหญ่กว่า 55 ซม.
.
ส่วนปลาซีลาแคนธ์ที่พบในยุคปัจจุบันยาวได้ร่วม 6 ฟุต (1.8 เมตร) และมีน้ำหนักถึง 150 ปอนด์ หรือมากกว่านั้น(ยักษ์ใหญ่แห่งโมแซมบิค ตัวอย่างที่จับได้ตัวนี้เป็นตัวเมียที่มีขนาดใหญ่ มากมีขนาดถึง 1.8 เมตรและหนังถึง 95 กิโลกรัม) โดยทั่วไปแล้วปลาซีลาแคนธ์จะมีขนาดเล็กกว่านี้โดยเฉพาะตัวผู้มีขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.65 เมตร
.


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-5-12 18:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1998 ปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกจับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในตาข่ายดักฉลามบริเวณทะเลลึก โดยชาวประมงท้องถิ่นห่างจากเกาะภูเขาไฟของ Manado Tuaทางเหนือของ สุลาเวสี อินโดนีเซียซึ่งที่ ที่พบนี้อยู่ทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดียตะวันตกไปประมาณ 10,000 กม.ชาวประมงนำปลา ที่จับได้นี้ ไปให้Arnaz Menta Erdmann เมื่อพวกเขาได้ปลาซีลาแคนธ์ จากสุลาเวซี เมื่อนำมาเทียบกับหลักฐานที่มีก็พบว่า ปลาซีลาแคนธ์แห่งเกาะสุลาเวสีนี้ แตกต่างกับปลาซีลาแคนธ์ที่พบที่เกาะ Comoros ซึ่งจุดแตกต่าง
.
ที่เห็นได้ชัดก็คือสี ปลาซีลาแคนธ์ที่ Comoros นั้นจะมีสีน้ำเงิน ส่วนซีลาแคนธ์ ที่เกาะสุลาเวสีนี้มีสีน้ำตาล และในปี 1999 ปลาซีลาแคนธ์แห่งสุลาเวสี ถูกบรรยายว่า …เป็นปลาซีลาแคนธ์ชนิดใหม่ โดยมีชื่อว่า Latimeriamenadoensis จากการพบซีลาแคนธ์ชนิดใหม่นี้ ได้จุดประกายความเป็นไปได้ว่า ปลาซีลาแคนธ์อาจจะมีการแพร่กระจายที่กว้างและมีจำนวนมากกว่าที่ได้เคยสันนิษฐานกันไว้เมื่อก่อน
.
ปลาซีลาแคนธ์ เป็นสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดที่รูปร่างของมันแทบ จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยในระยะเวลานับหลายร้อยล้านปี
รูปร่างของมันทุกวันนี้ เหมือนกับเมื่อ 140 ล้านปีก่อนทุกประการ
ปลาซีลาแคนธ์ จัดได้ว่า เป็นญาติกับ Eusthenopteronซึ่งเป็นปลาในยุคเริ่มแรกที่มีขา และเริ่มที่จะวิวัฒนาการมาเป็นพวกสัตว์บก แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้เสนอแนวคิดใหม่ที่ว่า Icthyostega Panderirchthyesและ Acanthotega เป็นบรรพบุรุษของ Tetrapod(สัตว์ 4 เท้า เช่นพวก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ,สัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมถึงมนุษย์ด้วย) แต่แนวคิดนี้ก็ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่า ปลาซีลาแคนธ์มีความใกล้ชิด และ เกี่ยวข้องกับปลา Rhipidistaiมากกว่า Tetrapod สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอีกทั้งยังมีปลาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นปลาดึกดำบรรพ์ด้วยเช่นกันที่มีความเกี่ยวข้องกับ Tetrapod มากกว่าปลาซีลาแคนธ์ ซึ่งก็คือปลาปอด (Lung fish)ซึ่งยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบันอยู่ 3 สกุล
.
ฟอสซิลปลาซีลาแคนธ์ดึกดำบรรพ์สามารถพบได้ในทุกทวีปยกเว้นทวีป Antarctica
.
ในช่วง 200 ล้านปีก่อน พวกนั้นมีกันมากกว่า 30 ชนิด ที่อาศัยอยู่ในช่วงเวลานั้นถือว่าเป็นยุคทอง ของปลาซีลาแคนธ์เลยก็ว่าได้มีอยู่ 3 ชนิด จากทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดโดยมีอยู่ 2 ชนิด ที่ไม่นับรวมเป็นปลาซีลาแคนธ์โบราณเนื่องจากว่า ทั้ง 2 ชนิดนี้ มีขนาดค่อนข้างเล็กน้อยตัวที่จะมีขนาดใหญ่กว่า 55 ซม.
.
ส่วนปลาซีลาแคนธ์ที่พบในยุคปัจจุบันยาวได้ร่วม 6 ฟุต (1.8 เมตร) และมีน้ำหนักถึง 150 ปอนด์ หรือมากกว่านั้น(ยักษ์ใหญ่แห่งโมแซมบิค ตัวอย่างที่จับได้ตัวนี้เป็นตัวเมียที่มีขนาดใหญ่ มากมีขนาดถึง 1.8 เมตรและหนังถึง 95 กิโลกรัม) โดยทั่วไปแล้วปลาซีลาแคนธ์จะมีขนาดเล็กกว่านี้โดยเฉพาะตัวผู้มีขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.65 เมตร
.
ในช่วงเริ่มต้นของยุค Devonianปลาซีลาแคนธ์ ยุคนั้นยังเป็นปลากระดูกอ่อนซึ่งภายในกระดูกสันหลัง ประกอบด้วย
ท่อที่เป็นกระดูกอ่อน ที่บรรจุของเหลวอยู่ภายในซึ่งสามารถโค้งงอได้ Hollow fin spineซึ่งพบในฟอสซิล เป็นที่มาของชื่อ ซีลาแคนธ์(Coelacanth) ซึ่งมีความหมาย ในภาษากรีกว่า Hollow spine ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างจาการที่ไม่มีขากรรไกรมาเป็น มีเหงือกหลักแบบบานพับและมีกะโหลกที่แข็งแรง (ปลาในสมัยก่อนหน้านี้กระดูกจะหุ้มส่วนหัวอยู่ภายนอกจนดูเหมือนใส่เกราะ เพื่อป้องกันส่วนหัวไม่ให้ได้รับอันตราย) ฟันถูกจัดวาง บริเวณสันของขากรรไกรล่าง และฟันบนอยู่บริเวณเพดานปาก(ถือได้ว่าเป็นขากรรไกรแท้จริง)
.
สมองมีขนาดเล็ก อยู่ภายในกะโหลกแข็งกระดูกพับบริเวณส่วนกลาง ช่วยขยายขนาดของปาก เพื่อใช้ในการกินอาหาร(ลักษณะเช่นนี้พบได้ในสัตว์จำพวกกบ)ตาได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น โดยมีเซลล์สะท้อนแสงที่เรียกว่า tapila เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองในที่มืด (Chamber heart pump blood)ห้องของหัวใจ เป็นต้นแบบของมนุษย์ยุคปัจจุบันบริเวณจมูกมีรอยเว้า 3 รอยแต่ละข้างซึ่งช่องนี้จะเรียกว่า Rostal Organ ภายในเต็มไปด้วยเจล อวัยวะส่วนนี้ จะทำหน้าที่เป็นเครื่องรับกระแสไฟฟ้า (Electro receptor)เพื่อใช้ในการหาตำแหน่งของเหยื่อ,เส้นข้างลำตัว ที่รับแรงสั่นสะเทือนจะพัฒนาไปเป็นส่วนรับสัมผัส (Ploximity)ในปลาชนิดอื่นๆ ซึ่งใช้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่ จึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่ามันจะมีประโยชน์แค่ไหน เมื่อพวกมันว่ายผ่านเข้าไปยังถ้ำใต้ทะเล
.
ปลาซีลาแคนธ์มีครีบหลัง 2 คู่และยังมีครีบอีกอีก 1 ครีบ บริเวณช่วงข้อต่อของส่วนหาง โดยครีบ 2 คู่แรก จะอยู่ตรงครีบ อกและครีบตรงเชิงกราน ครีบเหล่านี้จะเป็นลักษณะพูเนื้อ มีกระดูกเป็นแกนอยู่ภายในคล้ายกับ Eusthenopteron ซึ่งต่อมาจะพัฒนาไปเป็นแขนและขา ในพวกสัตว์บกอย่างไรก็ตามปลาซีลาแคนธ์ ยังไม่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่จะใช้ในการเดินใต้พื้นทะเล.
.
ครีบอก และ ครีบบริเวณเชิงกรานจะเป็นรูปแบบ pre-adaption(รูปแบบดั้งเดิมก่อนจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอวัยวะที่ใช้เคลื่อนไหวบนบก).
.
การใช้ประโยชน์ครีบเหล่านี้ ในน้ำนั้นนอกจากจะใช้เดินใต้พื้นทะเลแล้วยังใช้ในการคอยรักษาความนิ่ง ความสมดุล
แต่ในญาติของปลาซีลาแคนธ์ Eusthenopteronจะทำหน้าที่เหมือนเป็นขาทั้ง 4 ข้างเพื่อใช้ในการเดิน
.
เกล็ดของปลาซีลาแคนธ์ มีความหนาและเป็นเส้นโดยวางตัวในลักษณะฟันปลาเรียงกันแน่น, การแยกปลาซีลาแคนธ์ออกจากปลาชนิดอื่น ทำได้ง่ายเนื่องจากว่าลักษณะหางของปลาซีลาแคนธ์จะมีลักษณะเป็น 3 พู
.
ปลาซีลาแคนธ์นั้น สามารถกินปลาได้แทบทุกชนิด ที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นทะเลไม่ว่าจะเป็น ปลาหมึกทุกชนิด, ปลาไหลใต้ทะเลลึกและปลาทั่วๆไปที่พบได้ในบริเวณแนวหินใต้ทะเลลึก ส่วนสีสันของปลาซีลาแคนธ์นั้นจะเป็นสีน้ำเงิน มีจุดสีขาว กระจายตามลำตัวและยังมีอีกชนิด ที่รูปร่างคล้ายกันแต่ต่างกันตรงที่พื้นสีที่จะเป็นสีน้ำตาล แทนที่จะเป็นสีน้ำเงินนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ความมีลักษณะเฉพาะตัวของซีลาแคนธ์ ทำให้มันมีชีวิตได้ยืนยาวกว่า 60 ปี
.
ปลาซีลาแคนธ์ นั้นชอบอาศัยอยู่ในน้ำลึกตั้งแต่ 150-300 เมตร และสามารถว่ายน้ำถอยหลังได้ และว่ายน้ำแบบหงายท้องก็ได้นอกจากนี้ มันชอบอาศัยอยู่ในถ้ำใต้น้ำและพักผ่อนในตอนกลางวัน
.
นอกจากนี้ ซีลาแคนธ์ นั้นไม่ชอบอพยพไปอยู่ที่อื่น เพราะเครื่องส่งสัญญาณที่ติดตามตัวปลาแสดงให้เห็นว่า ปลาซีลาแคนธ์ไม่ชอบว่ายน้ำ ไปไกลจากถิ่นที่อาศัย อยู่มากนักการที่จำนวนมันลดลง ก็เท่ากับว่า มันตายไปแล้วและสาเหตุสำคัญ อีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้มันสูญพันธุ์ได้ง่ายก็เพราะว่า วิธีการสืบพันธุ์ของมันตัวเมียตามปกติ จะอุ้มท้องที่มีไข่
ซึ่งถูกผสมพันธุ์แล้วประมาณ 20 ใบมันจะไม่วางไข่ แต่จะใช้เวลานานถึง 13 เดือนในการฟักไข่ และไข่ที่ถูกฟักเป็นตัว มีจำนวนประมาณ 5 ฟอง และทันที ที่ลูกปลาออกจากไข่มันจะกินพี่น้องตัวที่อ่อนแอที่สุด ดังนั้นการที่เราจับปลาซีลาคานท์ ตัวเมียได้ เปรียบเสมือนการฆ่ามันทั้งตระกูลเชียวล่ะ ….!!!!!
.
ปัจจุบันซีลาแคนธ์ ถูกจัดอยู่ในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะถิ่นที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นถูกคุกคาม จากการจับทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจซึ่งเมื่อถูกจับขึ้นมา จะถูกทิ้งไว้บริเวณผิวน้ำซึ่งปลาไม่สามารถกลับลงไปในระดับเดิมได้และตายลงในที่สุด อีกทั้งเชื่อว่า ของเหลวในแกนสันหลังของปลา ทำยาอายุวัฒนะได้จึงถูกสั่งซื้อโดยประเทศจีน ไต้หวันปลามีราคาสูงถึง 500-2,000 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดจีน และ ไต้หวัน
.
คาดว่าประชากรซีลาแคนธ์ที่เกาะ Grand Comoro มีจำนวนไม่ถึง 100 ตัว
.
แต่อย่างไรก็ตาม ปลาซีลาแคนธ์ได้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชี CITES อีกทั้งสมาคมนักอนุรักษ์ทั้งหลาย ก็พยายามอนุรักษ์
ปลาดึกดำบรรพ์นี้ โดยขอร้องให้รัฐบาล Comoranออกกฎหมาย ห้ามชาวประมงจับปลาน้ำลึกและให้ธนาคารโลก สนับสนุนโครงการติดตั้งอุปกรณ์ถ่ายภาพใต้น้ำระยะไกลเพื่อจับภาพตามถ้ำที่ปลาซีลาแคนธ์อาศัยอยู่เป็นวีดีโอสดๆให้นักท่องเที่ยวและนักวิทยาศาสตร์ได้ชมกันแทนที่จะไปดำดูตัวเป็นๆ !?
.
แต่ถึงแม้ จะได้รับความคุ้มครองเพียงใดซีลาแคนธ์ นั้น ก็ลดจำนวนเหลือน้อยลง ไปทุกทีสาเหตุเพราะ การลักลอบฆ่ามัน เพื่อแลกกับเงิน 10,000-50,000 บาท ในขณะที่รายได้ต่อปีของประชากรชาว Comoranเพียง 10,000 บาทต่อปีเท่านั้นและการที่ชาวเกาะ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็ทำให้การลักลอบจับซีลาแคนธ์มีมากขึ้นตามไปด้วย
.
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปลาซีลาแคนธ์คงจะดำเนินชีวิตอยู่ในท้องทะเลไปอีกนานแสนนานน่ะ…
ขอบคุณข้อมูลจาก ThoughtCo www.thoughtco.com

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้