ภาพพระนางบูเช็กเทียน (ภาพวาดยุคปัจจุบัน)
ทั้งนี้มีตำนานร่ำลือกันว่า พระพักตร์ของพระไวโรจนะนั้นสร้างโดยใช้พระพักตร์ของ พระนางบูเช็กเทียนผู้เป็นฮองเฮาของฮ่องเต้ถังเกาจงเป็นแบบ โดยในเวลาต่อมา พระนางบูเช็กเทียนนี่เองก็กลายเป็นจักรพรรดินีองค์แรกและองค์เดียวของประวัติศาสตร์จีน
ตำนานนี้จริงหรือไม่นั้น หลี่เหวินเซิง ผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำหินสลัก ได้ให้คำตอบแบบฟันธงไว้ใน หนังสือ 龙门石窟与百题问答 ว่า ..... ไม่เป็นความจริง!
ถ้ำปินหยางกลาง มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระประธาน ตัวแทนของพุทธศิลป์ยุคกลางแห่งราชวงศ์เหนือ
โดยเขาได้ให้เหตุผลประกอบไว้ 4 ประการด้วยกัน คือ
หนึ่ง การแกะสลักพระพุทธรูปให้มีพระพักตร์ที่บริสุทธิ์และอิ่มเอิบดั่งดวงจันทรา (คล้ายสตรี) นั้นเป็นกฎเกณฑ์การสลักพระพุทธรูปในสมัยถังอยู่แล้ว และถือเป็นกฎเกณฑ์ซึ่งช่างแกะสลักทุกคนในสมัยนั้นเคารพนับถือและปฏิบัติตาม
สอง การที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า หน้าผากและคางของพระพุทธรูปที่ค่อนข้างใหญ่และเหลี่ยม นั้นคล้ายคลึงกับ พระพักตร์ของพระนางบูเช็กเทียนมาก โดยคำตอบในข้อนี้ก็เช่นเดียวกับข้อแรกก็คือ พระพุทธรูปในสมัยถังส่วนใหญ่ก็จะถูกแกะสลักให้มีลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว
สาม เป็นที่ทราบกันดีว่าในสังคมจีนดั้งเดิม วัฒนธรรม-ประเพณี ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าและผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลังนั้นเคร่งครัดมาก การที่ฮ่องเต้ถังเกาจงจะยอมให้พระนางบูเช็กเทียน พระมเหสีไปเป็นแบบเพื่อแกะสลักพระพุทธรูปนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ประการสุดท้าย แม้ในเวลาต่อมาเมื่อฮ่องเต้ถังเกาจงจะสวรรคตไปแล้ว และพระนางบูเช็กเทียนจะกุมอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศต่อ แต่วัดเฟิ่งเซียน และการแกะสลักพระพุทธรูปองค์นี้ก็เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี ค.ศ.675 ก่อนที่พระนางบูเช็กเทียนจะเปลี่ยนชื่อราชวงศ์จากถัง เป็น โจว (周) ใน ปี ค.ศ.690 ถึง 15 ปี*****
ถ้ำพระพุทธรูปหมื่นองค์ (万佛洞)
|