ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1593
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนานของเหล็กน้ำพี้

[คัดลอกลิงก์]
เริ่มด้วยประวัติกันเลยเจาะไปถึงตำนานก่อน
หากเอ่ยถึง “เหล็ก” แน่นอนว่า หลายท่านคงนึกถึง มีด ดาบ ท่อนเหล็ก และอื่นๆ อีกมากมายที่ทำจากเหล็กแต่จะมีซักกี่คนที่นึกถึงที่มาของเหล็ก และแหล่งชั้นดี เช่นเดียวกัน หลายท่านอาจจะนึกไม่ถึง ว่าที่เมืองไทยของเรานั้นมีแร่เหล็กชั้นดีเป็นที่เลื่องลือ ไปทั่วโลก นั่นก็คือ “เหล็กน้ำพี้” ณ บ้านน้ำพี้ ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์
ตำนานของเหล็กน้ำพี้ ที่เล่าขานกันมา ปากต่อปาก เป็นนิทานปรัมปรามาจนถึงทุกวันนี้ มีอยู่ว่า เมื่อครั้งสมัยก่อนผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว มีชายหนุ่มสองคนพี่น้อง มีอาชีพทำไร่ ทำนา และมีที่พักอาศัยอยู่กลางป่า ใกล้ๆบริเวณบ่อเหล็กน้ำพี้ อยู่มาวันหนึ่งพระราชาเสด็จประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์ (พระราชาองค์นี้เชื่อกันว่า ในครั้งนั้นครองเมืองอยู่บริเวณทุ่งกะโล่ที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน เนื่องจากมีการขุดค้นพบโบราณวัตถุได้หลายชิ้น) และได้เกิดพลัดหลงกับเสนาอำมาตย์ผู้ติดตาม จนกระทั่งได้มาพบกระท่อมของชายหนุ่มทั้งสอง และได้ขอพักอาศัยค้างคืนด้วย ชายหนุ่มทั้งสองได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยอัธยาศัยไมตรีดียิ่งทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบมาก่อนเลยว่าชายผู้นั้นคือพระราชา ยังผลทำให้พระราชาพอพระทัยมาก วันรุ่งขึ้นก่อนเสด็จกลับพระราชาจึงได้บอกความจริงว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ และถ้ามีโอกาสก็ให้สองคนพี่น้องไปเยี่ยมเยือนบ้างวันหนึ่งขณะที่ชายผู้พี่ที่กำลังทำงานอยู่ในไร่ มีวัวตัวหนึ่งบุกรุกเข้ามากินพืชไร่ของตน ด้วยความโมโหจึงหยิบเอาก้อนหินบริเวณนั้นขว้างไปยังวัวตัวนั้นเพื่อขับไล่ปรากฏว่าก้อนหินที่ขว้างไปนั้นถูกหัววัวแตกเลือดไหลไม่หยุดจนถึงแก่ความตาย ทำให้เขาประหลาดใจมาก จึงได้หยิบก้อนหิน นั้นขึ้นมาพิจารณา ดูก็พบว่ามีน้ำหนักมากกว่าหินทั่วไปทั้งมีสีสันแปลก คือค่อนข้างดำคล้ำและมีสีคล้ายสนิมมีด เขาจึงเอาก้อนหินนั้นกลับบ้านด้วย แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้น้องชายฟัง น้องชายคิดว่าน่าจะลองนำมาหลอมให้เป็นเหล็กดูจึงตัดสินใจช่วยกันหลอมแล้วเข่นออกมาเป็นมีดอีโต้เล่มหนึ่งเมื่อมีโอกาสเข้าไปในเมืองได้นำมีดอีโต้ไปด้วย เพื่อถวายแด่พระราชา เมื่อไปถึงพระราชวัง มหาดเล็กไม่ยอมให้เข้าเฝ้าแต่ชายผู้พี่ดื้อจะเข้าเฝ้าให้ได้ เมื่อพระราชาได้ทอดพระเนตรก็ทรงจำได้และให้การต้อนรับอย่างดี ก่อนกลับชายผู้พี่ได้ถวายมีดอีโต้ที่เตรียมมา แต่พระราชาไม่ยอมรับขอให้นำกลับไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในอาชีพของตน ทำให้ชายผู้พี่เกิดความน้อยใจมาก คิดว่าพระราชาไม่รับมีดเพราะรังเกียจ ที่ตนไม่นำของดีๆมาถวาย จึงรีบกราบบังคมทูลลากลับและลากมีดอีโต้กลับออกมาด้วยความเสียใจจนคมมีดกรีดโดนท้องพระโรง ปรากฎว่า พื้นท้องพระโรงที่แข็งแกร่งด้วยศิลาอย่างดีก็พลันแตกแยกออกตามรอยคมมีด พระราชาเสด็จฯ ตามออกมาเห็นพื้นท้องพระโรงแตกแยกด้วยรอยมีดอีโต้ เช่นนั้น ก็ประหลาดใจเป็นอันมากให้มหาดเล็กรีบไปตามชายผู้พี่กลับมาแต่ก็ไม่ทันเพราะชายผู้พี่เสียใจมากเขาได้โยนมีดอีโต้ทิ้งลงไปในหนองน้ำด้วยความน้อยใจเสียแล้ว พระราชาจึงสั่งให้ทหารช่วยกันงมหามีดอีโต้เล่มนั้น กว่าจะได้ ก็สูญเสียชีวิตทหารไปถึงสามพันคน หนองน้ำแห่งนั้นจึงมีชื่อเรียกว่า “วังสามพัน” หรือ “บึงสามพัน” จนทุกวันนี้มื่อได้มีดอีโต้มาแล้ว พระราชาทรงมีรับสั่งให้ช่างตีเหล็กนำไปทำเป็นพระแสงและทรงชักชวนให้ชายผู้พี่อยู่รับราชการด้วย แต่เขาปฎิเสธเพราะไม่มีความรู้ พระองค์ได้พระราชทานเงินทองและปูนบำเหน็จเป็นการตอบแทนแก่ชายทั้งสองคนพี่น้องได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามอัตถภาพจนสิ้นชีวิต ความศักดิ์สิทธิ์ของดวงวิญญาณ ชายผู้พี่ได้สิงสถิตในบริเวณบ่อเหล็กน้ำพี้แห่งนั้น ชาวบ้านต่างก็ให้ความเคารพนับถือกันมาก พากันขนามนามท่านว่า “เจ้าพ่อเหล็กน้ำพี้” หรือ “เจ้าพ่อพระแสง” และพร้อมใจกันสร้างศาลเพื่อเป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณในเวลาต่อมา


อยากได้พระขรรค์เหล็กน้ำพี้เกรดดีๆ ซะเล่มจริงๆ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้