ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2165
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่คำคะนิง" ปะทะ "หลวงพ่อปาน" ใช้อิทธิฤทธิ์เสก งูใหญ่ นกอินทรีย์ และอีกหลายอย่างเข้าโรมรัน ..แล้วหัวเราะด้วยความชอบใจ.

[คัดลอกลิงก์]
หลวงปู่คำคะนิงประลองฤทธิ์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค


ย้อนไปสักยี่สิบกว่าปีที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี มีพระหลวงปู่รูปหนึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน ท่านมีนามว่า " คำคะนิง จุลมณี " แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์
หลวงปู่คำคะนิงนั้น ท่านเป็นพระที่ไม่เหมือนใคร กล่าวคือท่านเคยผ่านการเป็นฤษีชีไพรมาก่อนถึง ๑๕ ปีก่อนที่จะค่อยบวชเป็นพระ เมื่อบวชเป็นพระแล้วก็มักแสวงหาธรรมอันแปลก ๆ ด้วยการธุดงค์ไปตามที่ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยุ่ตามป่าเขานั่นเอง
และแล้วครั้งหนึ่งที่เมืองเชียงตุง....
หลวงพ่อปานแห่งวัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้พาคณะศิษย์ท่องธุดงค์ในเขตป่าของเมืองแห่งนี้และได้มาปะทะหน้ากับชีปะขาวคำคะนิง หลวงพ่อปานเห็นสารรูปของคนผู้นี้แล้ว ถึงกับตะลึงเลยทีเดียว
เพราะตอนนั้นหลวงปู่คำคะนิงมีผมยาวถึงเอว หนวดเครารกรุงรัง ห่มผ้าขาดวิ่น มองไม่ออกว่าเป็นสีอะไร
หลวงพ่อปานท่านได้กล่าวขึ้นลอย ๆ ว่า " เออ...นี่ พระหรือคนเนี่ย "
หลวงปู่คำคะนิง



2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-8-27 21:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่คำคะนิงในเพศชีปะขาวได้ยินเกิดอยากลองภูมิกับหลวงพ่อปานดู จึงถามกลับออกไปว่า " ไอ้พระนั่นมันอยู่ที่ไหนล่ะ "
" ก็เห็นผมยาว เสื้อผ้าขาดปุปะมองไม่ออกว่าเป็นสีอะไร แล้วใครเขาจะรู้ล่ะว่าพระหรือคน " หลวงพ่อปานโต้กลับ
หลวงปู่คำคะนิงตั้งคำถามใหม่ " พระมันอยู่ที่ผมหรือไง "
" ไม่ใช่ "
" พระมันอยู่ที่ผ้านุ่งหรือเปล่า "
" ไม่ใช่ "
" อ้าว แล้วพระมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ " หลวงปู่คำคะนิงใช้คำถามจี้
หลวงพ่อปานตอบฉับพลันทันที " พระน่ะอยู่ที่ใจสะอาด "
หลวงปู่คำคะนิงยิ้มเยาะก่อนบอกออกไป " แล้วมาถามทำไมว่าพระหรือคน "
" เห็นผมเผ้ายาวรุงรัง ใครจะไปรู้ว่าพระหรือคนกันแน่ " หลวงพ่อปานก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
" พระบ้านพระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี เห็นทีต้องเห็นดีกัน "
หลวงพ่อปาน

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-8-27 21:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่คำคะนิงกล่าวเสร็จก็คว้าหวายยาวร่วมวาเห็นจะได้ ขว้างไปเบื้องหน้าหลวงพ่อปาน จากหวายมันก็กลายเป็นงูใหญ่ท่าทางดุร้ายเตรียมฉกกัด หลวงพ่อปานเห็นเช่นนั้น ท่านก็ทำจิตเป็นสมาธิแล้วหยิบใบไม้ขว้างขึ้นสู่อากาศ กลายเป็นนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ โฉบเฉี่ยวเอางูขึ้นไปสะบัดฟัดเหวี่ยงบนอากาศอยู่พักใหญ่
ในที่สุด งูก็พลัดตกลงดินกลายเป็นช้างตัวมหึมากำลังตกมัน ส่วนนกอินทรีย์ก็ถลาลงสู่พื้นดิน กลายเป็นเสือโคร่งใหญ่มีความดุร้ายไม่แพ้กัน สัตว์ทั้งสองชนิดเข้าโรมรันพันตูจนฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่แล้วจู่ ๆ สัตว์ทั้งสองกลับสลายหายไป ฝ่ายหนึ่งกลายเป็นลูกไฟเข้าเผาผลาญ ในขณะที่อีกฝ่ายกลายเป็นพายุฝนเข้าแก้ทางกัน
ทั้งหลวงพ่อปานและชีปะขาวคำคะนิงต่างหัวเราะด้วยความชอบใจในอิทธิอภิญญาของกันและกัน ต่างฝ่ายชมกันและกันและถ่อมตนใส่กัน แต่ศิษย์ของหลวงพ่อปานที่ร่วมธุดงค์มาด้วย รู้ดีว่าท่านทั้งสองต่างก็มีอภิญญาด้วยกันทั้งคู่....
ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้
เพื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์

เรียบเรียงโดย
ศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-8-27 21:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้