ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 21388
ตอบกลับ: 25
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ธนสิทธิ์

[คัดลอกลิงก์]
ในบรรดานักเดินป่าฝ่าดงหรือพรานป่าต่างมีของที่แสวงหามาคุ้มตัว ที่มีกันส่วนมากก็จะเป็นคดทองแดงของสัตว์หรือพืช
และเขี้ยวหมูตัน แต่ที่น้อยคนจะมีคือ งาช้างกำจัด เขี้ยวเสือโคร่งโปร่งฟ้า เขี้ยวเสือไฟ ลูกดอกนาคา 9ล9
จำพวกนี้จะมีคุณพิเศษที่ต่างกันไปผมจะนำมาให้เพื่่อนๆได้รู้จักกันนะครับ

ขอเริ่มจากเขี้ยวเสือไฟที่ผมมีอยู่ก็แล้วกันนะครับ

เสือไฟเป็นเสือขนาดเล็กตัวใหญ่สุดก็ประมาณหมาอันเซเชี่ยน
แต่เป็นเสือที่หายากและถึงหาเจอก็ยากที่จะยิงมันตายได้
ยากที่จะฆ่ามันได้ครับ โบราณเชื่อกันว่า เสือไฟเป็นเสือที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาเสือด้วยกัน
เสือไฟเป็นเสือที่มีตบะแก่กล้า ป่าที่ใดมีเสือไฟอาศัยที่นั่นจะมีสัตว์ป่ามากกว่าปกติ
ว่ากันว่ามันสามารถล่องหนหายตัวได้ คนธรรมดาหรือคนที่ไม่ได้ใส่พระดีจริงไม่สามารถหามันพบได้
เป็นเสือเล็กที่เกรียวกราด แต่สุขุมเยือกเย็นฉลาดหลักแหลม
แต่มันก็ไม่ได้ร้ายอย่างเดียว มันยังช่วยคุ้มครองป่าแทนสัตว์อื่น
ใช้หัวใจอ่อนเย็นของมันปันเผื่อไม่ข่มเหงสัตว์อื่น สัตว์อื่นก็สละหัวใจให้เสือไฟควักกินเป็นอาหาร
เขี้ยวเสือไฟนั้นหากนำมาปลุกเสกคล้องคอบูชา จะมีอำนาจมากนัก
มากถึงขนาดผีป่านางไม้รวมถึงสัตว์มีพิษต่างๆก็ไม่อาจเข้าใกล้ ไม่อาจทำอันตรายใดๆได้เลย
มีพลังมนต์ในการสะกดใจ เป็นเมตตามหาเสน่ห์ และเป็นมหาปราบที่กำราบสิ่งชั่วร้ายได้สิ้น
ปัจจุบันจะหาเกจิอาจารย์เก่งๆมาปลุกเสกเขี้ยวเสือไฟให้มีฤทธิ์สมดั่งโบราณว่าไว้นั้นก็ยาก


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-10 21:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ลูกดอกนาคา ในตำนานเป็นลูกธนูของนักรบวังบาดาล หรือพญานาค หรือที่เรียกกันว่านักรบนาคา
เป็นลูกดอกพิษพญานาค ซึ่งมีพิษแรงกว่างูเห่างูจงอางมากนัก สามารถฆ่าได้ทุกสิ่ง
ในสมัยโบราณพรานป่ามักใช้พิษนาคาในการล้มเสือขนาดใหญ่หรือหมูป่าจำพวกเขี้ยวตันที่ดุร้าย
พิษพญานาคในวรรณคดีกล่าวไว้ว่ารุ่นแรงถึงขนาดล้มยักษ์ได้ภายใน10นาที
และเนื่องจากไม่ได้มีอาวุธล้ำสมัยเหมือนกับในปุจจุบัน
ลูกดอกพิษนาคาจึงนับว่าเป็นของวิเศษที่หายากยิ่ง
สูตรผสมพิษลูกดอกนาคาจะสืบทอดกันรุ่นสู่รุ่นของพรานป่าเท่านั้น
และก่อนจะถ่ายทอดเคล็ดลับและส่วนผสมพิษนาคา
จะมีการดื่มเหล้าแช่ง ซึ่งเป็นเหล้าที่เปรียบเสมือน ยาสั่งสาบานตน
ถ้าผิดกฏที่สาบานรับถ่ายทอดการผสมพิษนาคา ก็จะมีอันเป็นไปตามเหล้าแช่งที่ดื่มเข้าไป



3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-10 21:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เขี้ยวเสือโคร่งโปร่งฟ้า

นับเป็นเครื่องรางของขลังที่หายากมาก เสือ 100 ตัว จะมีเพียง 2-3 ตัวที่มีเขียวโปร่งฟ้า
คือในตัวเขี้ยวจะกลวงไปจนถึงปลายเขี้ยว เรียกว่าโปร่งฟ้า
โบราณกล่าวไว้ว่า เสือตัวใดที่มีเขี้ยวโปร่งฟ้า เสือตัวนั้นจะมีเทพารักษ์คุ้มครองตัวมัน
เมื่อเสือตัวนั้นตายไป จะกลายมาเป็นวิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาคอยดูแลรักษาป่า
ซึ่งจะต่างกับเสือไฟ ที่โบราณกล่าวไว้ว่าเป็นเทวดามาเกิดในร่างเสือคอยดูแลป่าเพื่อสะสมตบะเดชะ

หากจะเปรียบพุทธคุณของเขี้ยวเสือทั้งสองแล้วละก็

เขี้ยวเสือไฟจะเป็นของร้อน เป็นเมตตามหาเสน่ห์อันล้ำเลิศ ทำให้ผู้ครอบครองมีเสน่ห์มาก ผู้คนนิยมชมชอบ
มีพลังอำนาจจิตที่กล้าแข็งสามารถสะกดป่า สะกดใจคนและสัตว์ได้
ทำให้สัตว์ร้ายหรือสัตว์มีพิษต่างๆมิอาจทำอันตรายใดๆได้เลย
และยังเป็นมหาปราบ กำราบภูติผีปีศาจผีตายโหงและสิ่งชั่วร้ายได้สิ้น
เพิ่มพูนตบะเดชะอำนาจบารมีให้แก่ผู้ครอบครอง ให้ได้เป็นใหญ่เป็นโต มียศถาบรรดาศักดิ์
เพราะเขี้ยวเสือไฟเป็นของร้อน ผู้ครองครองจึงจะต้องมีสัจจะวาจา มีเมตตา มีคุณธรรมสูงพอตัวเลยทีเดียว

ส่วนเขี้ยวเสือโคร่งโปร่งฟ้านั้นจะเป็นของเย็น
เป็นเมตตามหานิยม เป็นโชคลาภส่งเสริมสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง
หนุนดวงทำให้ผู้ครอบครองร่ำรวย เป็นมหาเศรษฐีกันมามากต่อมาก
และยังเป็นสุดยอดของเครื่องรางมหาอุต คงกระพันชาตรีอันล้ำเลิศยากจะหาสิ่งใดเทียบเคียงได้
เป็นแก้วสารพัดนึก ใช้ได้ทั้ง 108 ประการ
ปกป้องคุ้มครองให้เแคล้วคลาดปลอดภัยจากศาสตราวุธทั้งปวงได้
ไม่เว้นแม้แต่คุณไสยมนต์ดำ หรือสัตว์ร้ายต่างๆ ก็มิอาจทำอันตรายใดๆได้เลย


โบราณว่าไว้
ในเสือ 100 ตัว จะมีเพียง 2-3 ตัวที่มีเขี้ยวโปร่งฟ้า
และในป่า 100 ป่า จะมีเพียงไม่กี่ป่าที่มีเสือไฟอาศัย หรือบางทีอาจไม่มีเลย

เขี้ยวเสือทั้งสองแบบจึงนับเป็นเครื่องรางของขลัง ของทนสิทธิ์ ที่ยากจะหามาครอบครอง

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-10 21:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ช้องหมูป่า คืออมตะเครื่องรางของพญาหมูป่า







ชั่วชีวิตของพรานป่าบางคนอาจไม่เคยพบเจอ หายากจิงอะไรจิง
เป็นเครื่องของอาถรรพณ์ ทนสิทธิ์ ประเภทเดียวกับงาช้างกำจัด
พุทธคุณของช้องหมูป่า จะเด่นมากในเรื่องคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า หนังเหนียว ป้องกันอาถรรพ์ป่าต่างๆได้
หากมีข่าวว่าพบหมูป่าที่น่าจะมีช้องอาถรรพ์นี้ติดตัวอยู่
ชาวป่าพรายป่าทั้งหลายก็จะติดตามค้นหากันอย่างเอาจริงเอาจัง

หมูนี้จะให้ได้เห็นได้ให้ได้พบกับปรากฏการณ์อาถรรพณ์ เมื่อพรานที่หมายจะฆ่ามันด้วยปืนหรืออาวุธใดๆ
จะมีอันต้องผิดหวังทุกรายไป
เพราะกระสุนด้านบ้าง ยิงถูกตัวแตไม่ระคายผิวบ้าง ต่างๆนาๆ

ช้องหมูป่าเกิดจากการที่หมูป่าที่มีตบะแก่กล้าอายุมากๆ ทำการถอนขนเพชรหรือขนที่รวบรวมตบะ
บนร่างกายมาอมไว้ในปาก โดยการค่อยๆรวบรวม ทีละเส้นๆ ไว้ในปากจนขมวดเป็นวงคล้ายกำไล
เมื่อหมูป่าที่มีช้องที่ว่านี้
อมอยู่ในปากก็จะไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายมันได้เลย สุดยอดมากๆครับ

แต่ในเมื่อช้องหมูป่าศักดิ์สิทธิ์จริงแล้ว พรานป่าจะฆ่ามันแล้วเอาช้องมันมาได้อย่างไร ?
คำตอบก็คือ พรานจะรอจังหวะที่หมูที่มีช้องที่ว่านี้กินอาหารครับ
โดยมันจะต้องคายช้องออกมาก่อนจะกินอาหาร
จังหวะนี้แหละคือนาทีมรณะของมันนั่นเอง

หมูป่าที่มีตบะแก่กล้าพวกนี้มักจะอาศัยอยู่ตัวเดียวโดดๆ โดยมันจะเป็นหมูจำพวกพญาหมูป่า
หรืออาจเป็นจ่าฝูง มันจะสร้างคูของมันเองเป็นวงกลม ไม่อยู่ร่วมกับตัวอื่น
และมักจะอยู่ริมแม่น้ำที่มีน้ำไหลเข้ามาในคู แต่ไม่ท่วมคูที่มันสร้าง
ซึ้งไม่ได้หากันได้ง่ายๆ อย่างที่คิดครับ

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-10 21:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เขี้ยวหมูป่า

เป็นเครื่องรางประเภทที่นิยมมาตั้งแต่โบราณ แล้ว นั้นคงหนีไม่พ้นพวกเขี้ยว พวกงา โดยเฉพาะเขี้ยวหมูตัน กับเขี้ยวเสือกรวงของขลังเหล่านี้
ในธรรมชาติถือว่าเป็นของที่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเขี้ยวหมูป่าแล้วนั้น ส่วนมากที่เห็นจะกลวงข้างใน จะ ต้องตันตั้งแต่โคนจนถึงปลาย
จับต้องดูจะรู้สึกว่ามีน้ำหนัก บริเวณรูที่ตัน จะแข็งดุจหินและจะมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งอัน
จะเกิดกับหมูป่าตัวผู้ซึ่งเป็นจ่าฝูงหรือพญาหมูป่า โดยมันจะออกหากินเฉพาะเวลาตอนกลางคืนเท่านั้น
อุปนิสัยดุไม่เกรงกลัวผู้ใด แข็งแรงและว่องไวมาก เป็นที่สนใจของพวกพรานล่าสัตว์มากเพราะปืนยิงไม่ออก เล่ากันว่าวันดีคืนดีเขี้ยวของหมูตัวนั้นจะเรืองแสงออก มาเป็นสีเขียว
ในสมัยก่อนเมื่อดักจับตัวมันได้แล้วจะนำไปเลี้ยงไว้จนมันแก่ตายจึงพลีเอา เขี้ยวของมันออกมาใช้ เป็นของดีติดตัวไว้ป้องกันภัยอันตราย
นานๆจะพบเขี้ยวหมูตันแท้ๆสักอัน จึงเป็นที่หายาก ส่วนมากหมูป่าที่มีเขี้ยวตันจะเป็นพวกหมูโทน ที่พวกนายพรานชอบเรียกหากันว่า "หมูโทนไข่ทองแดง"
คือพวกหมูป่าที่ออกหากินตามลำพังมีลักษณะเขี้ยวตัน ลูกอัณฑะมีเม็ดเดียว พวกนี้ถือว่ามีของดีในตัว
เขี้ยวหมูตันนั้นจะอยู่ยงคงกระพันด้วยตัวเอง ท่านเกจิอาจารย์ทั้งหลายจึงเอาเขี้ยวหมูตันมาลงอักขระยันต์ มอบให้แก่ศิษย์ได้มาติดตัวเป็นเครื่องรางประเภทหนึ่ง

อานุภาพของเขี้ยวหมูตันจะสุดยอดทางมหาอุดหยุดลูกปืน คงกระพัน ป้องกันภัยได้สารพัด สำหรับผู้ที่นิยมเล่นหาอยู่นั้น ผู้เขียนขอเตือนเอาไว้หน่อยว่าของปลอมมีมากหลายฝีมือจะเช่าหาก็ระมัดระวัง กันสักหน่อย................

เครดิตคุณ KEO จากคลิปแมสครับ

เพิ่มเติม เขี้ยวหมูตันจะมีพลังมากเหลือคณานับตามความยาวของเขี้ยวครับ
ยิ่งเขี้ยวยาวมากก็แสดงว่าสะสมตบะมามาก จะพบได้ในหมูป่าที่อายุมากๆแล้วครับ

เครดิตรูปภาพจาก ล้านนาแกลอรี่ครับ

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-10 21:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย โพไซดอน เมื่อ 2013-5-10 21:13

งากำจัด

คืองาช้างที่แตกหักออกมาในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่... ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดได้ยาก โบราณท่านจึงถือว่าเป็นของทนสิทธ์
จะพบเห็นได้เมื่อช้างตกมันไล่อาละวาด.... แล้วเอางาแทงกับต้นไม้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวขณะตกมัน
แล้วงาจะหักคาอยู่กับต้นไม้.. ซึ่งแต่ละชิ้นก็ไม่ใหญ่มากนัก... เพราะอย่างดีก็หักแค่ปลายงาเท่านั้น


งากำจาย เรียกอีกอย่างว่า งากระเด็น คือ งาของช้างสองเชื่อกที่เข้าต่อสู้กันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ (จ่าโขลง) หรือแย่งตัวเมียแล้วต่อสู้กัน จนอาจมีปลายงาหัก แตกกระจาย
แล้วตกหล่นอยู่กับพื้นดินตามป่า ซึ่งในกรณีนี้ พรานป่าที่มีโอกาสเห็นช้างต่อสู้กัน มักจะคอยเฝ้าดูเพื่อคอยเก็บปลายหรือเศษงาที่อาจมีหล่นมาบูชาติดตัว
แต่ก็คงไม่ทุกครั้งไปที่งาจะหัก


ความแตกต่างของงากำจัด , งากำจาย กับ งาตาย


งากำจัด , งากำจาย ทั้งสองชนิดจะเรียกว่า งาเป็น...
เมื่อผ่านการพกพาติดตัวหรือโดนเหงื่อไคล เนื้อจะฉ่ำใสเหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยง คล้ายกับสีน้ำผึ้ง
ซึ่งจะอ่อนแก่ไม่เท่ากัน เพราะงานั้นหักในขณะที่เจ้าของงานั้นยังมีชีวิตอยู่ บางคนอาจเรียกว่ายังมีน้ำเลี้ยงแห่งชีวิตอยู่
ต่างจาก งาตาย ( งาจากช้างที่ล้มแล้วเลื่อยออกมา ) ที่เห็นวางขายกันอยู่ตามร้านเครื่องประดับทั่วไป งาจะขาวซีด ดูไม่มีชีวิตชีวา
แม้บางครั้งเป็นงาแก่ ที่ผ่านการใช้มายาวนาน โดนเหงื่อไคลผู้พกพาติดตัว การเหลืองฉ่ำถึงแม้เกิดขึ้น ก็จะไม่เป็นสีน้ำผึ้ง

เครดิตคุณ ฉัฏฐะ

พุทธคุณของ งากำจัด งากำจาย ซึ่งถือว่าเป็นของทนสิทธิ์ที่หาได้ยากยิ่งอีกชนิดหนึ่งนั้น แม้จะไม่ผ่านการปลุกเสก ว่ากันว่าเมื่อพกพาติดตัวจะเป็นเสน่ห์และมหาอำนาจอย่างมาก
แต่เมื่อผ่านพิธีกรรมมาแล้ว สรรพคุณย่อมเพิ่มเป็นทวีคูณ
โดยจะสามารถเพิ่มตบะเดชะ เพิ่มบุญบารมี เพิ่มวาสนา ต่อชะตาชีวิตให้แก่ผู้ครอบครองบูชา
ทำให้เกิดความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีความเจริญรุ่งเรือง มีสุขในทุกๆด้าน
เป็นเครื่องรางอาถรรพ์ หนุนดวงชะตาคนดวงตกได้เป็นอย่างดี ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้




ที่มาhttp://www.luangpukahlong.com/board.php?b=showb&Category=knowledge&No=8491
โพไซดอน ตอบกลับเมื่อ 2013-5-10 21:06

เป็นอีกสิ่งนึงยังไม่เคยเห็นของจริงซักที
อยากเห็นขวานฟ้า
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-5-12 08:31
อยากเห็นขวานฟ้า

Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-10-30 08:23

ปะแล้ว...หน้าดำซ่ะด้วย
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้