ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6141
ตอบกลับ: 15
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ศาลาแก้วกู่

[คัดลอกลิงก์]
sala-saeoku.blogspot.com
               
                  อาคารศาลาแก้วกู่                 ภายในจัดเก็บวัตถุโบราณ พระพุทธรูปโบราณล้ำค่า และร่างอันสงบ ไม่เปื่อยเน่า
                ของปู่เหลือ สิ้นชีวิตมาแล้วกว่า 10 ปี นักพรต ผู้ก่อตั้ง ศาลาแก้วกู่                 
              
              
                     
ศาลาแก้วกู่                       (วัดแขก) อุทยานเทวาลัย จังหวัดหนองคาย (สำนักพุทธมามกสมาคม                       จังหวัดหนองคาย) แหล่งท่องเที่ยว ห่างจากตัวเมืองหนองคายเพียง                       3 กม. ด้วยความอลังการ งานสร้างด้วยความศรัทธา ยิ่งใหญ่
                  
***                     ศาลาแก้วกู่ สร้างโดยปรารถนาให้ที่แห่งนี้เป็น เมืองอมตะแก้วกู่มหานิพพาน                     หรือดินแดนแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง เชื่อว่า ทุกศาสนาผสมผสานกันได้                     ...ตั้งอยู่ ชุมชนสามัคคี อ.เมือง จ.หนองคาย ในพื้นที่ 42 ไร่                     รูปปั้น ทั้งเล็กใหญ่แล้วว่ากันว่ามีไม่น้อยกว่าหลักพัน
                    *** ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดย “ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์”                     หรือ “ปู่เหลือ” ( พ.ศ. 2476 – 2539 ) ซึ่งมีประวัติชีวิตและผลงานอัศจรรย์                     โดยย่อ ดังนี้ นางคำปลิว สุรีรัตน์ (พี่สาวคนโตของปู่เหลือ)                     ชาวหนองคาย แต่งงานได้ระยะหนึ่ง ฝันว่ามีชีปะขาวนำ นาคมรกตมามอบให้                     แต่บอกว่าอีก 7 เดือนค่อยไปรับมาเป็นของตน ต่อมาแม่ตั้งท้องลูกคนที่เจ็ด                     ในวัยสูงอายุและหมดประจำเดือนแล้ว และคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้                     7 เดือน ทุกคนจึงเชื่อว่าเป็นไปตามนิมิตในฝัน นางคำปลิวและสามี                     จึงรับน้องชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งแต่แรกเกิด
                    
                    ....ด.ช.บุญเหลือชอบเข้าวัดมาแต่เด็ก พออายุได้หกขวบนางคำปลิวเสียชีวิตลง                     สามีนางคำปลิวมีภรรยาใหม่ ด.ช.บุญเหลือจึงกลับไปอยู่กับ พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด                     แต่มักขัดขวางห้ามปรามผู้ใหญ่ในทางบาปต่างๆ จึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง                     ครั้นอายุ 12 ปี ทนความกดดัน รอบข้างไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านรอนแรม                     ไปจนพบสำนักอาศรมแก้วกู่ในเขตแดนลาว และได้ฝากตัวศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมอยู่กับ                     พระมุนีที่นั่น จนอายุครบ 20 ปี พระมุนีจึงให้ออกจากสำนัก ไปจาริกแสวงบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล                     เมื่ออายุ 30 ปี จึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่                     ก่อนแม่สิ้นบุญในปี 2507 ได้มอบที่ดิน 8 ไร่ ณ บ้านเชียงควาน                     เมืองท่าเดื่อ เวียงจันท์ ไว้เป็นมรดก
                    
                    ...ปี พ.ศ. 2513 ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น “ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา”                     พุทธศาสนิกชนทั้งในภาคพื้นยุโรป และเอเชียเลื่อมใสมาก แต่เมื่อเกิดเหตุวิกฤตในราชอาณาจักรลาวเมื่อปี                     พ.ศ. 2518 หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมา และรวมกันจัดตั้งเป็น                     “พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย” โดยกรมการศาสนารับรองให้ในปี                     พ.ศ. 2519
                    
                    ... ปี พ.ศ. 2521 สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว 41 ไร่ ในเขตบ้านสามัคคี                     ต.หาดคำ ถวายให้เป็นที่ตั้งสำนักจวบจนปัจจุบัน ต้นปี พ.ศ.2527                     ปู่เหลือถูกใส่ความ และมีผู้ไปแจ้งตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ (ซึ่งทางสำนักขอสงวนไว้)                     ต้องอยู่ในเรือนจำจนถึง ปลายปี 2529 เมื่อออกมาแล้วก็สร้างเทวรูป                     อีกมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ และทั้งขนาดที่สูงถึง 33 เมตร เมื่อสร้างทั้งพุทธรูปและเทวรูปถึง                     209 ปางแล้ว ก็สร้างศาลาแก้วกู่หลังใหม่ โดยรื้อหลังเก่า (พ.ศ.2523                     – 2538) ที่ทรุดโทรมลง ขณะก่อสร้างศาลาหลังใหม่ ปู่เหลือก็ล้มป่วย                     และต่อมาได้เสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคม 2539 สานุศิษย์ได้นำผอบ                     (ผะ-อบ) แก้วใส่ร่างของท่านไว้ ตามความประสงค์ก่อนสิ้นชีวิต”                     
                     
                    ปู่เหลือ เป็น...นักพรต ผู้ทรงศีล ถือศีล เคร่งวิปัสสนา
                     ...สั่งสานุศิษย์ว่า เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว อย่าฉีดยา อย่าเผา อย่าฝัง                     ให้ใส่ผอบแก้วไว้ ... ด้วยอัศจรรย์ ร่างไม่ได้เปื่อยเน่า และสานุศิษย์บอกว่า                     เส้นผมของปู่เหลือ จะเป็นสีดำ และเป็นสีขาว สลับสับเปลี่ยน แบบนี้อยู่เรื่อยๆ                     (ดำก็ดำล้วน ขาวก็ขาวล้วน) ..วันที่ผมไปศาลาแก้วกู่ เป็นวันที่                     26 ต.ค. 2550 (ปู่เหลือสิ้นมาแล้ว ประมาณ 10 ปี) เส้นผมที่ได้เห็นในร่างสงบ                     ในผอบแก้ว(ไม่ใช่โรงเย็น เป็นผอบครอบแก้วธรรมดา) เป็นเส้นผมสีดำ
                    ...ร่างปู่เหลืออยู่ภายในอาคารชั้นที่ 3 ของศาลาแก้วกู่ ซึ่งในแต่ละชั้นมีพระพุทธรูป                     เก่าแก่ต่างๆ ซึ่งนำมาจากฝั่งลาว เมื่อย้ายที่มาตั้งที่หนองคาย
                    
                    ...ชั้น 3 ของอาคารศาลาแก้วกู่ ไหว้ ปู่ เหลือ นักพรตผู้บำเพ็ญเพียร                     ความดี ก่อตั้งศาลาแก้วกู่ อุทยานเทวาลัย ให้ศาสนายั่งยืน คงความศรัทธา                     เครื่องเตือนใจให้ ผู้คนสร้างคุณงาม ความดี

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-29 11:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ความดี                                


                    ...ภาพถ่าย ถ่ายจากอาคารศาลาแก้วกู่                     เห็นวิวมุมบนของ อุทยานเทวาลัย
                     

                      ...อีกมุมสวยๆ                       ในอุทยานเทวาลัย ศาลาแก้วกู่ สังเกตสุดทางเดิน สีแดงๆ เป็นเื้สื้อคน                       เปรียบเทียบให้เห็น ถึงขนาด และความอลังการ
                  
              
                     

                      ...เทวาลัย ยิ่งใหญ่สุดอลังการ                       บริเวณด้านหน้า อาคาร ศาลาแก้วกู่
                  
                     
                  
                     

                      ศาลาแก้วกู่ ยิ่งใหญ่ อลังการ                       เหมือนเมือง อีกเมืองหนึ่ง ที่ตื่นตาตื่นใจ และให้ความรู้ด้านศาสนา                       และการทำความดี มีเทวาลัยมากมาย และกำลังก่อสร้าง เพิ่ม อยู่เรื่อยๆ                       

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-29 11:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-29 11:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

                    เทวาลัยปางนี้ คือ                     พระเจ้าสิทธัตถะ ได้ เสด็จหนีทิ้งราชสมบัติเวียงวัง จนถึงแม่น้ำอโนมานะที                     พระองค์จึงทรงอธิษฐานตัดเกษพระโมลี ณ ที่ ฝั่งแม่น้ำอโนมานะที                     เสร็จแล้วพระองค์ จึงได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน เสี่ยงพระโมลีว่า ถ้าจะได้ตรัสรู้                     เป็นพระโพธิญาณ สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ขอให้ พระเกษลอยขึ้นฟ้าเบื้องบน                     เมื่อนั้นท่านท้าวสักกะเทวราช ได้ถือผะอบมารองรับพระเกษของพระองค์หน่อพุทธังกูล                     จึงได้นำไปบรรจุที่พระธาตุ เกษแก้วจุฬมะณี ณ ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์                     เมื่อเสร็จแล้ว พระองค์จึงได้ อธิษฐานบรรพชาเภท โดยมีท้าวฆะฏิการสุทธวาสพรหม                     ได้นำเครื่อง บริขาร 8 อัน เป็นธงชัยของพระอรหัตตผล มาถวาย ส่วนนายฉันนะ                     กับม้ากัณฐะกะ กลับสู่พระนคร ตามวรรณคดีของพระศาสนามาจนบัดนี้                     ...คุณบุญชู วงษ์เจริญ จ.กาฬสินธ์ ออกศรัทธาสร้างปางนี้ อุทิศให้                     พ่อจารย์ชม วงษ์เจริญ 19 เม.ย. 2521
                                


                    เทวาลัยปางนี้ คือ                     เมื่อภายหลังพระสิทธัตถะ ได้อธิฐานบรรพชาแล้ว ก็ได้เสาะแสวงหา                     สันติธรรม อันประเสริฐ เรื่อยไปในที่สุดพระองค์ ก็ได้เข้าศึกษา                     ในสำนักของพระอาฬารดาบสกาลามโคตร ผู้ได้สำเร็จอกิญจัญญายตนะญาณ                     ในไม่ช้าพระองค์ก็ได้สำเร็จ จึงได้ลาอาจารย์ ไปศึกษาสำนักอื่นอีกคือ                     สำนักของพระอุทกรามบุตรดาบส ผู้ซึ่งได้สำเร็จ เนวสัญญานา ลัญญายตนะญาณ                     พระองค์ได้ศึกษาในไม่ช้าก็สำเร็จ ต่อจากนั้นพระองค์ ได้พิจารณาเห็นว่า                     แนวทาง ของพระอาจารย์ดาบสทั้งสองนั้น ยังไม่ใช่หนทางดับทุกข์                     ดังนั้นพระองค์ จึงได้ลาอาจารย์ดาบสทั้งสอง ไปแสวงหาโมกขธรรม                     ด้วยพระองค์เอง ตามวรรณคดีของพระศาสนา มาจนบัดนี้ ... ร.ต.อ.ชุมพร                     ไวยาวัฒน์ อ.เมือง จ.หนองคาย ออกศรัทธาสร้าง 30 เม.ย. 2521

                    เทวาลัยปางนี้ คือ                     เมื่อพระสิทธัตถะได้ศึกษาในสำนักของดาบสทั้งสอง จนสิ้นภูมิธรรมของพระฤาษีแล้ว                     พระองค์จึงได้กราบลาอาจารย์ทั้งสอง เพื่อบำเพ็ญต่อไป โดยมีพระปัญจวัคคีย์คือ                     พระโกณทัณญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ พระอัสสชิ ได้ติดตามปรนนิบัติ                     อุปฐากพระองค์ และพระองค์ได้ทำความเพียรด้วยอาการต่างๆ เช่น                     กดฟันบนเพดานด้วยลิ้น กดจิตด้วยจิต ในที่สุด ก็ทรงอดอาหาร จนร่างกายซูบผอม                     ขนล่วงหลุด จากขุม เหลือเพียง หนังหุ้มกระดูกเท่านั้น ถึงแม้ว่าพระองค์                     จะทำความเพียรอย่างแรงกล้า ก็ยังไม่สำเร็จ พระองค์ได้อดอาหารทรมานร่างกาย                     อยู่นานถึง 49 วัน ดังนั้นจึงร้อนถึงองค์อินทร์ ก็คือท้าวสักกะเทวราชจอมเทพทั้งหลาย                     จึงได้เสด็จลงมาดีดพิณสามสายให้ฟัง ดังนั้นพระองค์จึงได้สติ                     ยึดมัชฉิมเดินทางสายกลาง พระองค์จึงได้เลิกทำทุกกรกิริยา กลับมาเสวยอาหาร                     เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เมื่อปัญจวัคคีย์ทั้งห้าเห็นดังนั้น                     จึงได้พากันหนีจากพระองค์ โดยสำคัญว่า พระองค์เลิกความเพียรเสียแล้ว                     ตามวรรณคดีของพระศาสนา มาจนบัดนี้ ...ศาลาแก้วกู่ ร่วมกับนักบุญที่มาเที่ยว                     เป็นผู้ออกศรัทธาสร้าง เมื่อ 20 เม.ย. 2521

                    เทวาลัยปางนี้ คือ                     พระแม่สุชาดา ถวายข้าวมธุปายาสแก่พระโพธิสัตว์ องค์สรรพพัญญูก่อนตรัสรู้                     คือหลังจากองค์พระบรมโพธิสัตว์ ได้ทรงเลิกบำเพ็ญทุกขกิริยหันมาเสวยอาหาร                     จนมีพลานามัยสมบูรณ์ดีแล้ว พระองค์จึงได้เจริญอานาปานุสติ กรรมฐาน                     เป็นที่ตั้ง จนถึงวันเพ็ญเดือน 6 (ก่อนตรัสรู้ 6 ปีพอดี) กาลครั้งนั้นได้มีพระแม่สุชาดาเศรษฐี                     ตำบลเสนานิคม ได้บนบานเทวดาอารักษ์ ต่อมา คำอธิษฐานนั้น ก็สมปรารถนาทุกประการ                     แม่พระสุชาดา จึงได้ทำพิธีหุงข้าวมธุปายาส เพื่อนำไปแก้บนแด่เทวดา                     ด้วยอุดมปุณมีดิถีฤกษ์ มหามงคลอรุณกาล ของวันเพ็ญแห่งวิสาขะมาส                     องค์พระบรมโพธิสัตว์ ได้ไปประทับพระอริยบถสำราญอยู่ที่ต้นไทร                     ซึ่งเป็นสถานที่ๆ พระแม่เจ้าสุชาดาได้บนบานเอาไว้ เมื่อได้เวลาแล้ว                     พระแม่สุชาดา พร้อมด้วยทาสีได้นำข้าวมธุปายาส ไปแก้บน ณ สถานที่นั้น                     ได้เห็น พระบรมโพธิสัตว์ คิดว่าเป็นเทวดา จึงได้นำข้าวมธุปายาส                     เข้าถวายแด่องค์พระบรมโพธิสัตว์ ตามวรรณคดีของพระศาสนา มาจนบัดนี้                     ...พ่อใหญ่จ่อง อุดมชาลี จ.ร้อยเอ็ด ออกศรัทธาสร้าง 16 พ.ค.                     2521

                    เทวาลัยปางนี้ คือ                     หนึ่งในปัญจเทวาแห่งฎีกานโมกถา ดังบาลีกล่าวว่า "อรหโตสักโกตถา"                     อรรถกถานี้ สักกะอัมรินทราธิราช ได้กล่าวสรรเสริญ สดุดี พระเกียรติ                     พระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า นับตั้งแต่วันปรมาภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ                     ภายใต้โพธิบัลลังก์ ในราตรี วันเพ็ญเดือน6 ต้นพุทธกาล พระอินทร์องค์นี้                     เป็นจอมเทพทั้งหลาย มีวิมานชื่อว่า "เวชยันต์" อยู่ในสวรรค์ดาวดึงส์                     ทรงมีพระมเหสี 4 พระองค์ คือ 1.พระแม่สุธัมมา 2.พระแม่สุนันทา                     3.พระแม่สุจิตตรา 4.พระแม่สุชาดา และยังมีช้าง "เอราวรรณ" เป็นพาหนะ                     ท้าวสักกะเทวราชองค์นี้ มีคุณประการ เป็นอันมากต่อพระศาสนา ของพระผู้มีพระภาคเจ้า                     ตามอุปถัมป์อารักขาภิบาล พระพุทธองค์เปรียบดุจ สามเณรตามรับใช้                     ภิกษุฉันใด ก็ฉันนั้น อีกประการหนึ่ง จัดว่าสำคัญยิ่ง ก่อนพุทธปรินิพพาน                     ท้าวสักกะอัมรินทราธิราช ได้ทูลอาราธนา พระศาสนาจากพุทธองค์                     1000 ปี ทั้งพระอานนท์ขอ 1000 ปี และจาตุมหาราชขอ 500 ปี รวม                     2500 ปี ศิริรวมทั้งพุทธดำริ 2500 ปี ฉะนั้นในศาสนายุกาล ของพุทธองค์ทั้งหมด                     5000 ปี นับว่าท้าวสักกะเทวราชองค์นี้ ได้มีจิตอนุเคราะห์ แก่มนุษย์และเทวดา                     อย่างมากมาย ตามวรรณคดีของพระศาสนา มาจนบัดนี้ ...เฒ่าแก่กิมอู๋                     แม่เหง้า แซ่เอีย จ.หนองคาย ออกศรัทธาสร้าง 19 ก.พ. 2522

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-29 11:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

                      เทวาลัยปางนี้ คือ พระศาสดาห้ามพระญาติ เนื่องด้วยการทะเลาะวิวาทกัน                       ระหว่าง กษัตริย์โกลิยะวงศ์ และศากยะวงศ์ ไม่สามารถตกลงกันได้                       การทะเลาะจาก ชนกลุ่มน้อย ลุกลามไปถึงชนกลุ่มใหญ่ กษัตริย์ทั้งสองนคร                       ต่างก็ยกทัพเข้าทำสงคราม พระศาสดาทรงทราบเหตุความ หายนะ มาสู่ประยูรญาติทรงจินตนาการว่า                       ถ้าตถาคตไม่ไปหมู่ญาติจักพินาศ จึงเสด็จไปโดยพระองค์เดียว                       ประทับนั่งอยู่บนรัตนบัลลังก์ กลางอากาศ หมู่ประยูรญาติเมื่อเห็น                       พระศาสดาจึงวางอาวุธถวายบังคม พระศาสดาตรัสถามว่า ทะเลาะกันเรื่องอะไรมหาบพิตร                       เมื่อสดับคำกราบทูนแล้ว เรื่องน้ำเป็นต้นเหตุแห่ง การบาดหมาง                       จึงมีพุทธฎีกาตรัสถาม น้ำกับกษัตริย์องค์หนึ่งๆ อย่างไหนมีค่ามาก                       พระญาติทูลตอบว่ากษัตริย์ดีกว่า พระเจ้าข้า ทุกอย่างก็สงบลง                       ตามวรรณคดีของพระศาสนา มาจนบัดนี้ ...คุณวินัย พุ่มจำปา(ผู้จัดการร้าน                       วินัยการยาง) จ.อุดรธานี ออกศรัทธาสร้าง 27 ก.ค. 2522 (เป็นพระประจำวันจันทร์)                       
                  
                                

เทวาลัยปางนี้                     คือ พระอินทร์ พระพรหม พระยมกาฬ ในสามโลก แห่งสวรรค์ อนันตจักรวาล                     ได้มาอัญเชิญ พระบรมโพธิสัตว์ เวสสันดรเทพบุตร (ดุสิตเทพบุตร)                     สถิตอยู่ชั้น ดุสิตสวรรค์ พระองค์ได้เสวยสุข สี่พันปีทิพย์ (เท่ากับ                     ห้าร้อยเจ็ดสิบหก ล้านปี ของเมืองมนุษย์ เมื่อหมดอายุ เทพหมื่นโลกธาตุ                     แสนโกฏิมหาจักรวาล จึงได้มีการอัญเชิญ ลงไปจุติตรัสรู้ เป็นพระโคดมพุทธเจ้า)                     ในชมพูทวีป แห่งมงคลจักรวาล เมื่อได้รับอัญเชิญนิมนต์แล้วพระองค์                     จึงพิจารณามหาปัญจโลกนะ 5 ประการ คือ 1.กาลอายุ 2.ทวีป 3.ประเทศ                     4.ตระกูล 5.พุทธบิดาพุทธมารดา แล้วทั้งสวรรค์ อนันตจักรวาล ก็จัดขบวนแห่                     พระโพธิสัตว์ลงจุติ ตามวรรณคดีของพระศาสนามาจนบัดนี้ ...คุณประสิทธิ์                     คำผอง จ.สกลนคร ออกศรัทธาสร้างเพื่ออุทิศให้พี่ชาย คือ คุณสว่าง                     คำผอง ผู้ล่วงลับไปแล้ว 15 มี.ค. 2521
                     

                      ทางเข้า เมืองกายะนคร                       สอนสัจธรรม -                       กงกรรม กงเกวียนหมุนเวียน สัตว์โลกทั้งหลายให้เป็นไปตามกรรม                       วิบากของตนสร้างเอาไว้ ... มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ                       มีทุกข์ มีสุข มีสรรเสริญ มีนินทา
                  
                     
                       

                            นี่คือ                             เทวทูต ผู้ชี้ขาดให้การเกิด กัมมุนา วัฏฏะติโลโล สัตว์โลก                             ย่อมเป็นไปตามกรรม
                          

                            มีกรรมเป็นเด็กไร้เดียงสา                             ยังไม่เห็นแสงธรรม จึงหมุนไปตามกงกรรมกงเกวียน                            

                            เทวาลัยปางนี้                             คือ พระเทวธาตุ ตามธรรมโลกธาตุบัญญัติไว้ว่า "วาโยอสุรา"                             มีอสูรพิภพ โดยองค์สัมภวะธาตุ ได้มอบให้พระพราย และพระเพยลงมา                             ตั้งธาตุลม ในขณะที่สัมถวะธาตุ หรือประชุมธาตุ ตามวรรณคดีของโลกธาตุ                             หรือเมืองกายะนคร ...เฒ่าแก่กิมอู๋ แม่เหง้า แซ่เอีย                             จ.หนองคาย ออกศรัทธาสร้าง 1 เม.ย. 2522
                           
                            ..ในเมืองกายนะ จะมีเทวลัยทั้ง 4 พระผู้สร้างทั้ง ดินน้ำลมไฟ                             เทวลัยนี้คือตัวอย่างธาตุลม)

                          

                            นี้คือพระกามเทพ                             เป็นผู้ชี้ขาด บงการสั่งงาน ให้พระยาจิตราช กระทำตามอำนาจกรรมเก่า                             กรรมใหม่ ให้ปรุงแต่งขึ้น ตามอำนาจกรรมดีกรรมชั่ว
                           
                      หน้าพระยาจิตราช                       (หน้าทั้ง 3) 1.หน้าบุญ 2.หน้าบาป 3.หน้าไม่บุญไม่บาป
                     
                  

                    เทวาลัยปางนี้คือ                     พระเจ้าย่าทวดแอไค่ (พระอุมาหรือพระสันติ) เป็นพระบรมราชินีของนาคพิภพ                     ตามวรรณคดีของอิสานกล่าวว่า ตอนพระนางแอไค่ กับขุนเทือง รักสู่กัน                     อยู่ที่อุทยานสวนดอกไม้ จากนั้นพระนาง แอไค่ได้นำขุนเทือง ออกจากอุทยานสวนดอกไม้                     ไปยังพิภพนาค ตามกฏมณเฑียรบาล ของนาคพิภพ แล้วมนุษย์กับนาคจะอยู่ร่วมกัน                     ไม่ดังนั้นพระนางแอไค่ จึงนำเอาขุนเทืองไปซ่อนไว้ในปรางปราสาท                     เขาพระสุเมรุ อันเป็นที่ตั้งของสวรรค์ ดาวดึงส์พิภพ พระนางแอไค่ได้พะเน้าพะนอสมสู่กับขุนเทืองนาน                     7 ปี 7 เดือน 7 วัน จนทำให้พระนางแอไค่ลืมเหตุแห่งกาลของตน (กาลสงกรานต์)                     ดังนั้นดินฟ้าอากาศเกิด แห้งแล้ง จึงทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่วทั้งสามโลก                     จากนั้นพระนางแอไค่จึงได้สำนึกตน รู้ว่าพระนางทำผิดกฏมณเฑียรบาล                     ของสามโลก พระนางแอไค่ได้บอกความจริงต่อขุนเทือง แล้วพระนางแอไค่จึงลงมาเล่นน้ำ                     และยังสั่งขุนเทืองไว้ว่า อย่าได้เปิดหน้าต่างหรือเปิดประตู                     ดูตอนพระนางแอไค่เล่นน้ำ พอสั่งแล้วพระนางแอไค่พร้อมบริวาร ก็ได้แหนแห่ไปเล่นน้ำปฐพีเบื้องล่าง                     เสียงดังตุ้มๆ สะเทือนทั่วแดน ขุนเทืองท้าว ได้ยินเสียง แตกต่างเลยเปิดประตูหน้าต่างมามองดู                     จึงรู้ว่าพระนางแอไค่เมียตน เป็นนาคนาโค ตามวรรณคดี ของภาคอิสาน                     มาจนทุกวันนี้ ...ชาวสำนักพุทธมามกสมาคม และท่านผู้ใจบุญที่มาเที่ยว                     เป็นผู้ออกศรัทธาสร้างปางนี้

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-29 11:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ศษ                                    


                       

                        อลังการ                         และงดงามยิ่งนัก
                    
                       

                        อลังการ                         งดงาม สุดจะบรรยาย
                    
                       
                        
                                                 เทวาลัยปางนี้ คือ ปางพุทธประสูติ ในเมื่อพระเจ้าย่าศิริมหามายา                         ราชเทวีเอกอัครมเหสี ของพระเจ้าปู่ศิริสุทโททนะ ซึ่งครองกรุง                         กบิลพัสดุ์ แห่งประเทศอินเดีย ได้ทรงพระครรภ์ ใกล้ประสูตรแล้ว                         จึงได้ไปประสูตร ที่กรุงเทวทะหะ ครั้งเดินทางไปถึงอุทยานลุมพินีวัน                         ก็เลยประสูติพระโอรส ณ ที่นั้น เมื่อพระกุมารเสด็จ จากพระครรภ์ของมารดาแล้ว                         ก็เกิดบุญญาอิทธิปาฏิหาริย์ เสด็จเดิน 7 ก้าวโดย มีดอกบัวผุดขึ้นรองรับพระบาททุกก้าวเดิน                         และได้เปล่งพระคาถาเป็นที่อัศจรรย์ แก่มนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย                         ตามวรรณคดีของพระศาสนามาจนบัดนี้ ...เฒ่าแก่กิมอู๋ แม่เหง้า                         แซ่เอีย ออกศรัทธาสร้าง 2 เม.ย. 2521
                    
                       

                        เทวาลัยปางนี้                         คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสวยวิมุติสุข ภายใต้ต้นมุจรินทร์                         ในคราวนั้นมีเมฆก้อนใหญ่ นอกฤดูกาลตั้งขึ้น มีฝนพรำเจือด้วยลมหนาว                         อยู่ตลอด 7 วัน 7 คืน มีพญามุจรินทร์นาคราช ได้ออกจากพิภพของตน                         มาวงขนดหาง รอบพระวรกาย พระผู้มีพระภาค แล้วแผ่พังพานอยู่เบื้องบน                         พระเศียรด้วยคิดว่า ป้องกันอันตรายต่างๆ แม้ลมฝนมิให้ถูกต้อง                         พระวรกาย พระผู้มีพระภาคได้เลย เมื่อสิ้น 7 วัน แล้วพญานาคมุจ์รินทร์                         จึงคลาย ขนดหางจำแลงกายเป็นมานพหนุ่มน้อย ยืนประนมมือ อยู่ตรงพระพักตร์                         ผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้เปล่งอุทานขึ้นในเวลานั้นว่า ความสงัด                         เป็นสุขของผู้ยินดี เป็นต้นฯ แล้วพระองค์ จึงเสด็จไปประทับเสวย                         วิมุติสุขแห่งใหม่ ตามวรรณคดีของพระศาสนามาจนบัดนี้ ...เฒ่าแก่                         กิมอู๋ แม่เหง้า แซ่เอีย เป็นผู้ออกศรัทธาสร้าง 9 มิ.ย.                         2521 (พระประจำวันเสาร์)
                    

                      เทวาลัยปางนี้                       คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จโปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 พระอัญญาโกณทัญญะ                       พระวัปปะ พระภัททิยะ พรมหานามะ และพระอัสสชิ ที่อุทยานอิสิปตน                       มฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี ตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 พระองค์ได้ประทานปฐมเทศนา                       ด้วยธรรมจักกัปปวัตตนะสูตร โปรด ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 และเทวดาหมื่นโลกธาตุแสนโกฏิ                       มหาจักรวาล ในราตรี วันเพ็ญเดือน 8 นั้น เมื่อพระองค์แสดงธรรมจบแล้ว                       ได้มีพระอัญญา โกณทัญญะ และเทวดา 18 โกฏิ ได้สำเร็จธรรมจักษุต่อมา                       วัน 1 ค่ำ มีพระวัปปะ ได้ธรรมจักษุ วันแรม 2 ค่ำ พระภัททิยะได้ธรรม                       วัน 3 ค่ำ พระ มหานามะได้ธรรม จักษุ วันแรม 4 ค่ำ พระอิสชิ                       จนถึงวันแรม 5 ค่ำ พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ประชุมพระปัญจวัคคีทั้ง                       5 แล้วทรงสั่งสอนด้วย อนัตตลักษณะสูตร ยังผลส่งให้พระปัญจวัคคีย์                       สำเร็จอรหันต์ ด้วยกัน ทุกพระองค์ ตามวรรณคดีของพระศาสนา มาจนบัดนี้                       ...พ่อสมชาย แม่นวย พันธ์ซ้าย บ.เคือซูด จ.มหาสารคาม ศรัทธาสร้าง                       9 มิ.ย. 2521 บูรณะ 8 มี.ค. 47

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-6-29 11:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
                                    


                      เทวาลัยปางนี้                       คือ พระศาสดา ทรงโปรดองคุลีมาลโจร ดังมีเหตุกล่าวว่าเดิมองคุลีมาลชื่อ                       "อหิงสะกะ" บิดา มารดา ชื่อ คัคคะปุโรหิต แห่งโกศลราช และ                       นางมันตานี ได้ศึกษาศิลปที่สำนักทิศาปาโมก เป็นที่รักของอาจารย์ยิ่ง                       ในที่สุดอาจารย์ เป็นคนหูเบา เชื่อคำยุแหย่ของศิษย์ทั้งหลาย                       จึงได้ออกอุบาย ฆ่าอหิงสะกะ โดยทางอ้อมว่า ถ้าสามารถหานิ้วมือได้                       1000 นิ้ว และร้อยให้เป็นพวงมาลัย อาจารย์จะสอนมนต์ขั้นสุดท้ายให้                       ฉะนั้นด้วยความทะเยอทะยาน อหิงสะกะ จึงเป็นมหาโจร ฆ่าคนเอานิ้วมือได้ทั้งหมด                       999 นิ้ว แต่ยังขาดนิ้วหนึ่งจะถึง จึงคิดจะฆ่ามารดา เพื่อต้องการนิ้วสุดท้าย                       แต่ด้วยนิสัยอดีตเคยทำมา จึงข้องในข้ายญาณของพระองค์ จึงได้สะกดองคุลีมาล                       ไม่ให้ทำบาปอันมหันต์กรรมมาตุฆาต จึงทรมานโดนวิธีต่างๆ จนสิ้นพยศ                       ก็เกิดศรัทธา ขอบวชในพระทธศาสนา จนสำเร็จพระอรหันต์ ตามวรรณคดีของพระศาสนา                       มาจนบัดนี้ ... แม่ใหญ่ถัน ชาวทรายโขง จ.หนองคาย ออกศรัทธาสร้าง                       
                       

                        เทวาลัยปางนี้ คือ องค์พระแม่กวนอิม                         เป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา เจ้าแม่เป็นกุลสตรี ที่มีศรัทธาเปี่ยมล้น                         ในพระพุทธศาสนา เป็นสตรีที่รักโพธิญาณยิ่งกว่าชีวิต สามารถสละดวงเนตรและมือ                         เป็นทานเพื่อไถ่ถอนชีวิต ของบิดาให้หายจากอาพาธ เป็นที่เคารพสักการะของชาวจีน                         ชาวญวญ และชาวญี่ปุ่น ตามวรรณคดีสืบมา ...เฒ่าแก่กิมอู๋                         แม่เหง้า แซ่เอีย อ.เมือง จ.หนองคาย ออกศรัทธาสร้าง 9 ก.ย.                         2521
                    
                       

                        เทวาลัยปางนี้                         คือ องค์แก้วกู่ฤษีอะฮามา(พนัสวารี) มีอาศรมอยู่นอกฟ้าป่าหิมะพาน                         หรือดงเกษียร สมุทรสุดสาคร ใต้สะดือทะเล ซึ่งมีอายุขัย 25                         พุทธันดร นับแต่พุทธันดรองค์พระทีปังกรพุทธเจ้า เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้                         ตามวรรณคดีของแก้วกู่ สร้างเพื่อ รอรับทายาทของแก้วกู่ ...คณะศิษย์ศาลาแก้วกู่                         เป็นผู้สร้าง 30 ก.ย. 2521
                    
                       

                        เทวาลัยปางนี้                         คือ หนุมานทหารเอกของพระราม เป็นลูกของพระพาย มารดาคือ องค์พระแม่อสวาหะ                         จุติลงมาเพื่อช่วย พระรามปราบ อธรรม เมื่อครั้งทศกัณฑ์ เจ้ากรุงลงกา                         เชื้อสายองค์พระธาดาพรหม ซึ่งก่อกวนทำความเดือดร้อน ให้แก่มวลมนุษย์                         และเทวดาทั้งหลาย ตามวรรณพระรามเกีนรติ์ มาจนบัดนี้ ..เฒ่าแก่กิมอู๋                         แม่เหง้า แซ่เอีย ออกศรัทธาสร้าง 28 ต.ค. 2521
                    
                       

                        เทวาลัยปางนี้                         คือ พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ สถิตอยู่เขาไกรลาศ                         เป็นเทพที่มีสติปัญญา ล้ำเลิศมีวิทยาการ ศิลปมาก สามารถแก้ไข                         ความขัดข้อง ได้เป็นเยี่ยม กว่าเทพทั้งปวง และเป็นเทพที่ประสาน                         ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ และเทวดา ด้วยกลอุบาย อันชาญฉลาด                         สามารถเกลี้ยกล่อม พระเจ้าไชยวิราช ให้มีพระทัยตกลง ยอมให้นำศิวลึงค์                         ลงมาประดิษฐานในเมือง มนุษย์ได้ ตามวรรณคดีของโลกธาตุ ...เฒ่าแก่กิมอู๋                         แม่เหง้า แซ่เอีย ออกศรัทธาสร้าง จ.หนองคาย 25 ต.ค. 2521                        
                    

                      เทวาลัยปางนี้                       คือ พระศิวะ พระศิวะทรงเป็นมหาเทพ ผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล พระองค์จะทรงประทาน                       พรวิเศษให้แก่คนผู้หมั่น กระทำความดี และยึดมั่นในศีลธรรมเท่านั้น                       หากผู้ใดประพฤต ิเพื่ออุทิศถวาย แก่พระองค์แล้วปรารถนา สิ่งวิเศษใด                       ๆ ก็ให้พรนั้น พระศิวะจะประทาน สิ่งวิเศษให้ในไม่ช้า แต่เมื่อได้พรสมปรารถนาแล้ว                       วันหน้าหากกระทำผิด ไปจากความดีงาม คนผู้นั้นจะเกิดวิบัติในชีวิต                       พระศิวะเทพผู้จะกลายเป็น เทพผู้ทำลายทันที มีความเชื่อกันว่าพระศิวะนั้น                       สามารถช่วยปัดเป่ารักษาเยียวยา อาการเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆ ได้อย่างมหัศจรรย์นัก                       หากผู้ใดที่เจ็บป่วยหรือต้องการขอพร ให้คนในครอบครัว หายเจ็บไข้ได้ป่วย                       หากบวงสรวงบูชา และขอพรจากพระศิวะ ก็มักปรากฏว่า ความเจ็บไข้ได้ป่วย                       นั้นจะถูกปัดเป่าให้หายไป ได้โดยสิ้นในเร็ววัน ผู้ที่มีความทุกข์                       ไม่ว่าจะเป็นในทางใด หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพร                       ให้ผู้นั้นได้พ้นจาก ห้วงแห่งความทุกข์ ได้เช่นกัน
                       

                        เทวาลัย บริเวณทางเข้าศาลาแก้วกู่                       
                    
                       

                        พระยาจิตราช                         ภายในบริเวณ กายะนคร
                    
                       

                        เทวาลัย พระกัจจายนะ                         สร้างได้ยิ่งใหญ่ อลังการ
                    
                       

                        
อีกมุมในศาลาแก้วกู่                         สวยๆ อย่างอลังการ                        
                    
                       

                        ทุกอย่าง ด้วยศรัทธาจึงเกิดขึ้น                         ให้ศาสนา คงอยู่ตลอดไป ยังหลักความดีสู่รุ่นลูก หลาน ให้มีหลักปฏิบัติอันงดงาม                       
                    
                       

                        บริเวณด้านข้าง                         อาคารศาลาแก้วกู่

ยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวชมเลยครับ
เคยไปมาแล้ว  สวยงามยิ่งใหญ่มากน่าเที่ยวชม
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้