|
พระมหาเถราจารย์แห่งแดนอิสาน ถิ่นเมืองร้อยเอ็ด
นามเดิมชื่อ โส เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2405 ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 วันพฤหัสบดี บิดาชื่อแย้ม มารดาชื่อตู้
หลวงปู่โสเป็นคนแรก มีน้อง 3 คน เป็นผู้หญิงหมด ชีวิตแต่ยังเยาว์ชอบชก ชอบต่อยกับเพื่อนฝูงอยู่เสมอ เมื่ออายุ
ได้ 16-17 ปีท่านได้ขออนุญาติพ่อ-แม่ไปเรียนเวทมนตร์คงกระพันคาดแก้วทุกแขนงจากพระอาจารย์เหม ซึ้งอยู่ใน
เขตจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อกลับมาจากพระอาจารย์เหม ก็เริ่มออกตัวเป็นนักเลง เก่งกาจไม่กลัวใคร และไม่กลัว
อะไรทั้งสิ้นจะเป็นปืน มีด หอก ประเภทอาวุธท่านไม่กลัวทั้งนั้น เมื่อถึงฤดูการว่างงาน ท่านก็เที่ยวเตร่ไปบุญบ้าน
นั้นบ้านนี้ อยู่อย่างนั้นเสมอทำตัวเองเป็นนักเลงกับพวกหนุ่มๆด้วยกัน เมื่อไปเที่ยวบุญบางวันก็เห็นกลับบางวันก็ไม่
เห็นกลับเป็นอย่างนี้อยู่ประจำถึงพ่อแม่แนะนำในทางที่ดีกว่านั้นก็ไม่เคยได้ผลเท่าที่ควร เมื่ออายุจวนจะครบ 20 ปี
ท่านเองได้ยินกิติศัพท์มาว่าพระอาจารย์สนเป็นผู้เก่งกาจในด้านเวทมนตร์เหมือนกับพระอาจารย์เหม แต่พระ
อาจารย์สนธิ์นั้นท่านอยู่ทางจังหวัดมหาสารคาม อำเภอโกสุมพิพิสัย เมื่อท่านรู้ชัดอย่างนั้นแล้ว ท่านก็มุ่งหน้าไป
ทางเมืองโกสุมพิสัย เมื่อไปถึงพระอาจารย์สนธิ์แล้ว ท่านก็ขอเรียนเวทมนตร์ คาถาอาคม แต่อาจารย์สนธิ์ไม่ให้
เรียน เมื่อจะเรียนต้องบวชก่อนจึงจะได้เรียน เมื่อจะบวชก็ต้องไปขออนุญาติพ่อ-แม่ก่อนท่านจึงจะบวชให้เมื่อบวช
แล้วท่านจึงจะสอนคาถาอาคมให้ พระอาจารย์สนธิ์นั้นท่านแนะนำไปในด้านศิลและธรรมด้วยเมื่อได้ฟังเช่นนั้น
ท่านก็สนใจเป็นพิเศษจึงกลับมาขออนุญาติจาดพ่อและแม่ พ่อและแม่ก็อนุญาตให้ตามความประสงค์ แล้วท่านก็ได้
กลับไปหาพระอาจารย์สนธิ์ และเล่าความเป็นจริงให้พระอาจารย์สนฟังพระอาจารย์สนนั้นท่านก็เป็นพระอุปัชฌาย์
อยู่แล้วท่านจึงจัดหาเครื่องอัฎฐบริขารบวชให้ในปี พ.ศ. 2425เมื่อบวชแล้วก็ได้ร่ำเรียนเจ็ดตำนาน และเรียนคาถา
อาคมควบกันไปด้วย เมื่อเรียนจบเจ็ดตำนานแล้วก็เรียนสิบสองตำนานต่อไปจนจบและได้จำพรรษาอยู่กับพระ
อาจารย์สนธิ์ 3 ปี ต่อ
มาท่านก็หวนรำลึกถึงพระอาจารย์เหม เมื่อมาถึงพระอาจารย์เหมแล้วท่านก็แนะนำให้ไปเรียนมูลกัจจายน์ในสำนัก
พระอาจารย์นิ่ว ชึ่งอยู่ที่บ้านไผ่สร้างช้าง อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเรียนมูลกัจจายน์จบก็ได้เรียน
พระคำภีร์ทั้ง 5 ก้จบเช่นเดียวกัน จากนั้นมาท่านได้กราบลาพระอาจารย์นิ่วเพื่อจะมาอยู่จำพรรษาที่บ้านฟ้าเลื่อม
เพราะนานหลายปีนับตั้งแต่วันที่ท่านได้ออกจากบ้านไปเมื่อมาถึงยโสธรชาวเมืองยโสธรก็ขอนิมนต์อยู่จำพรรษา
อยู่ที่วัดสร้างโศรก 1 ปี ในระยะนั้นในระยะนั้นทางบ้านฟ้าเลื่อมก็ไม่มีพระอยู่จำพรรษาจึงได้พร้อมใจกันไปนิมนต์
ท่านมาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านฟ้าเลื่อม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2435 เป็นต้นมา ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก
และเป็นพระที่ถือคันถธุระเป็นส่วนใหญ่ เป็นผู้มีความรู้และวิชาอาคมเวทมนต์เก่งกาจมาก จำพวกไสยศาสตร์นั้น
เป็นอันว่าท่านไม่หวาดกลัวอะไร หรือจำพวกปืนผาหน้าไม้ หอก ดาบ ท่านไม่หวั่นเสียเลย ปู่ ย่า ตา ยาย เคยเล่าให้
ฟังว่าท่านปัสสาวะใส่ตอไม้ไว้ แล้วบอกให้คนเอาปืนไปยิง ปืนนั้นก็ไม่ติดไม่ออกเสียงเลย อีกประการหนึ่งมีความ
ว่า ท่านเอามีดดาบ ยาวประมาณ 1 เมตร เอามือพับให้เหลือแค่ 1 ฟุต เมื่อท่างจะให้ดาบตรงเช่นเดิมก็เอาปากคาบ
ตัวดาบแล้วเอามือดึงด้ามดาบแล้วดาบนั้นก็จะเหยียดตรงเหมือนเดิม นี้ก็เป็นความเก่งกาจของท่านตามที่ปู่ยาตา
ยายเล่าให้ฟังส่วนด้นตำแหน่งในคณะสงฆ์นั้น ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อปี พ.ศ. 2445ท้ายสุดท่านก็
ได้พาญาติโยมิสร้างกุฎิสามมุข และศาลาแบหลังคา 3 ชั้น ไว้เป็นการศร้างวัถุครั้งสุดท้าย และท่านได้สร้างสะพาน
ข้ามห้วยใส้ไก่ ระหว่างบ้านฟ้าเลื่อมไปบ้านจ้อก้อ ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร (ปัจจุบันชำรุดแล้ว) เมื่อปี พ.ศ. 2465
ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์มีพระราชทินนามว่า " พระธัมมโสภติ (หลวงปู่โส ธมฺมปาโล ) และท่านเป็นผู้มีลูกศิษย์
ลูกหามากมาย
นอกจากการก่อสร้างแล้วท่านยังเป็นผู้ที่ได้จารหนังสือ หรือเขียนหนังสือ พระคัมภีร์ และวรรณคดีต่างๆ และตำรา
ต่างๆอีกหลายอย่าง ด้วยตัวอักษรขอมบ้าง , อักษรลาวบ้าง , ไทยน้อยบ้าง , ไทยสือบ้าง และท่านมีลูกศิษย์ผู้ทรง
คุณวิทยาคุณอยู่ 4 องค์ คือ
1. พระครูนิเทศธัมวินัย (หลวงปู่ชม)
2 พระครูรังษิสุทธิคุณ (หลวงพ่อพระอุปัชฌาย์จำปา)
ซึ่งต่อมาตำรงตำแหน่งทางคณะสงฆ์เป็น (อดีตเจ้าคณะตำบลหน่อม) เจ้าคณะอำเภออาจสามารถ จังหวัด
ร้อยเอ็ด
3.พระครูกุลณไพศาล (หลวงพ่อทองดำ)
ซึ่งดำรงตำแหน่งทางคณะสงฆ์ (อดีตเป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่) จังหวัดขอนแก่น
4.พระครูธีรสารสุนทร (หลวงปู่ธีร์ เขมจารี พระเกจิดังภูเวียง) อดีตดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอภูเวียง จังหวัด
ขอนแก่น ท่านได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา 24.00 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2549 ณ โรงพยาบาล
ศูนย์ขอนแก่น หลังเข้ารับการรักษาอาการโรคปอดติดเชื้อ มาตั้งแต่ช่วงกลางปี พ.ศ.2549
พระครูบูรพาภิวัวัฒน์ หลวงปู่สุข ยโสธโร วัดบูรพา จ.ร้อยเอ็ด (ศิษย์ผู้พี่หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่)
ท่านได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2548 เวลา 19.30 น. อายุ 69 พรรษา
หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ฯลฯ
|
|