ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3110
ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

คงกระพัน กับ เมตตา แบบไหนเสกยากกว่ากัน ?

[คัดลอกลิงก์]
การพุทธาภิเษกวัตถุมงคลแบบเมตตามหานิยม



ถาม : พุทธาภิเษกวัตถุมงคลแบบเมตตามหานิยม ?

ตอบ : ทำยากที่สุดเลย อย่างอื่นง่าย แต่เมตตายาก เพราะว่าตัวเมตตานี่ต้องออกจากใจของเราจริงๆ ถ้ากำลังใจเราเมตตาไม่ถึง ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จหรอก

ถาม : คำว่าเมตตาถึง ?

ตอบ : ต้องเคยปฏิบัติเกี่ยวกับพรหมวิหาร ๔ มาจนคล่องตัว ถ้าเป็นอย่างอื่นไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด ใช้แค่อุปจารสมาธิ ขนลุกก็ใช้ได้แล้ว

ถาม : พระที่เสกวัตถุมงคลทางด้านเมตตา โยมควรตั้งกำลังใจอย่างไรถึงได้อานุภาพสูงสุดครับ ?

ตอบ : ตั้งว่ากูจะทำชั่วให้ได้..! ถ้าเราตั้งใจชั่วขนาดนั้นแล้ว อานุภาพพระยังรักษาให้คนเขาเมตตาเราได้ ก็แสดงว่ามีอานุภาพสูงสุด ตูว่าตูอธิบายชัดที่สุดแล้วนะ

ตำรานี้เขาเรียกว่าถามแบบมักง่าย คงได้รับการครอบครูมาจากบ้านสบายใจ ไอ้ถามทำนองนี้คือไม่ยอมใช้สมองคิด..!

ถาม : ก็ผมโง่นี่ครับ ?

ตอบ : ไม่ใช่โง่..แต่ฉลาดเกินไป จนไม่ยอมคิดเอง พวกโง่ๆ เขาต้องหัดคิดเอง วันนี้ทำไมโดนหลายยกแท้วะ ? อยู่ ๆ ก็ยื่นหัวมาให้ตี..!


เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๗
โดย พระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สฺธมฺมปญฺโญ),ดร.


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-4-18 16:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านเอ่ยว่า..

“รู้ไหมว่า  การเสกเมตตานั้นยากที่สุด คงกระพันแค่ขนลุกก็ขลังแล้ว”


สมัยเมื่อผมยังไม่ประสานักบนถนนสายขลังแห่งนี้ เวลาปรากฎคำชี้นำถึงแหล่งที่อยู่พระเครื่องรางชั้นยอดอย่างที่ได้พยายามเสาะหากันมาตลอด
ประโยคหนึ่งที่คุ้นหูมากก็คือ
“ของหลวงปู่วัดนั้นขลังมากนะ เขาลองกันมาเยอะแล้ว ถึงกับยิงไม่ออก”

จิตผมก็ต้องวูบไหวตาม... อยู่ไกลแค่ไหนต้องดั้นด้นไปจนได้

ทำไมล่ะ...
ก็เพราะมันเป็นประโยคที่เปล่งออกมาแล้วกระชากใจซะเหลือเกิน แลดูคล้ายกับว่าเป็นเครื่องการันตีชั้นยอดถึงความเก่งกาจในวิชาอาคมของหลวงพ่อหลวงปู่องค์นั้นอย่างจริงๆจังๆ

ประมาณว่าถ้ายังเสกของให้กันปืนไม่ได้ยังไม่ถือว่าเก่ง ว่างั้นเถอะ!!

ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ...ในตอนนั้น

เมื่อโอกาสชักนำให้ได้มายืนดูการทดลองขลังที่เชิงเขาวัดเก่าแห่งหนึ่งในปลายปี
ผมเห็นผู้นิยมขลังกำลังตั้งท่าจะลองปืนกับวัตถุมงคลกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด โดยมีตะกรุดดอกหนึ่งพร้อมชื่อเสียงหลวงปู่ผู้เสกเป็นเดิมพัน

ผลปรากฎว่า... กระจายไม่มีเหลือ!!

ผู้ที่เป็นคนลองก็ถือปืนอย่างย่ามใจ ส่วนผู้เป็นเจ้าของนั้นเล่า ก็ได้แต่หน้าถอดสี ทั้งเสียหน้า เสียใจ และเสียของรัก...

เมื่อทุกฝ่ายแยกย้ายกันไปหมด ผมได้เดินเลียบๆเคียงๆไปเก็บเศษตะกรุดนั้นขึ้นมาพิจารณา

พลัน.. ความรู้สึกอย่างหนึ่งก็ประเดประดังเข้ามาอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่หันหลังเดินกลับออกมาอย่างคนอกหัก

ทำไมเป็นงั้น...
ก็ตะกรุดที่ผมคลี่ออกมาดูนั้น เป็นยันต์เมตตาล้วนๆ ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะบ่งบอกว่าลงคาถามหาอุดหรือคงกระพันชาตรีให้เป็นที่ชื่นใจ

ก็แล้วจะให้ท่านสำแดงฤทธิ์อุดปืนได้อย่างไรกันเล่า...

ท่านลงเมตตาให้ ก็เอาไปลองปืน
ท่านลงกันฟ้ากันไฟให้ ก็เอาไปลองปืน
ท่านลงมหาเศรษฐีให้ ก็จะเอาไปลองปืนอีก


พุทโธ่เอ๋ย ถ้าชาวพุทธผู้นิยมขลังจะเอาแต่ความขลังด้านกันปืนกันท่าเดียวแบบไม่ลืมหูลืมตา ทั้งๆที่บางคนตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีทีท่าว่าจะมีใครเอาปืนมาเล็งใส่ อย่าว่าแต่ยิงปืนเข้าใส่เลย ผมก็ว่าในอนาคตอันใกล้นี้วิชาอื่นๆของบูรพาจารย์นั้นคงจะค่อยๆเลือนหายไปจนหมดสิ้น!!

หายไปจากความศรัทธา ไม่ได้หายไปเพราะความเสื่อมขลัง!


ตราบจนได้มานั่งสงบเสงี่ยมอยู่ตรงหน้าพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันนี้วัตถุมงคลของท่านมีค่านิยมสูงมาก บางรุ่นบางเนื้อมีค่าเกือบล้านบาท...
สูงค่าเพราะวัตรปฎิบัติ สูงค่าเพราะคุณธรรมของท่าน ที่ถ่ายทอดปลูกฝังศิษย์ให้เป็นคนดี มิได้สูงค่าด้วยการเอาปืนมาลองแต่อย่างใด






ท่านเอ่ยว่า “รู้ไหมว่า การเสกเมตตานั้นยากที่สุด คงกระพันแค่ขนลุกก็ขลังแล้ว”

เมื่อท่านสร้างก็ทำแบบยากที่สุดให้ ท่านไม่เคยเอ่ยเรื่องมหาอุดให้ผมได้ยินได้ฟัง แต่ถ้าเรื่องนำพระเครื่องของท่านมาทำกรรมฐานช่วยให้จิตนิ่ง ท่านจะบอกย้ำอยู่เสมอว่าท่านทำมาปราถนาให้เป็นเช่นนั้น
นั่นก็หมายความว่า ถ้าผมอยากพิสูจน์ว่าของท่านขลังจริงหรือไม่ ก็ต้องลองนำพระของท่านมาทำกรรมฐานดู มิใช่เอาปืนมาลองยิงเล่น!!

มิเช่นนั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับการกินยาโดยไม่อ่านฉลาก
ยาแก้ปวดหัว จะเอามากินเพื่อแก้ท้องเสียได้อย่างไรกันเล่า!!


ก็ในเมื่อท่านลงซอฟแวร์เอาไว้อย่างนั้น จะคิดผิดครูถืออุตริเอาปืนไปลองยิง ก็คงจะได้ชื่อว่าเขลาเบาปัญญามากไปหน่อย...

ด้วยว่าความขลังไม่จำเป็นต้องวัดกับปืนเสมอไป ถ้าผมริอ่านเอา “เหรียญเศรษฐี” ของท่านมาลองยิง ผมคงจะได้ชื่อว่า “ศิษย์นอกครู” สมควรแล้วที่จะเป็นยาจกต่อไป...

ในฐานะชาวพุทธที่ดีปัญญาต้องมาก่อนศรัทธาเสมอ

ผู้นิยมขลังทั้งหลาย ก่อนจะเอาวัตถุมงคลมาลองขลังกันด้วยปืนนั้น เคยพิจารณากันบ้างหรือไม่ว่า ท่านทำมาให้ใช้เพื่อประโยชน์อะไร เคยถามท่านผู้สร้าง ผู้เสก สักคำหรือไม่ว่า ใช้ด้านใด ใช้อย่างไรกันแน่...

ขอเสริมด้วยเครื่องวัดหนึ่งเครื่องสำหรับเรื่องนี้ ด้วยบทความที่คัดลอกบางส่วนมากจากหนังสือ : แก่นธรรมะพระอริยเจ้า (หลวงปู่บุดดา ถาวโร) โดยคุณอาตาปี

เสื่อมหรือไม่เสื่อม
แต่ละวันจะมีญาติโยมมากราบหลวงปู่ ถามธรรมะบ้างขอของแจกบ้าง วันหนึ่งมีกลุ่มชายฉกรรจ์มากราบ พร้อมกับขอเหรียญหลวงปู่ ชายคนหนึ่งก็ถามหลวงปู่ว่า

“วัตถุมงคลและของต่าง ๆ ที่หลวงปู่แจก ถ้าเก็บไว้นาน ๆ ไปของจะเสื่อมไหมครับ?”

หลวงปู่ตอบว่า

“ของไม่เสื่อมหรอก นอกจากเราจะเสื่อมศรัทธาจากของเอง”

.........
อ่านแล้วจะเชื่อหลวงปู่ท่านหรือไม่ก็ตามสะดวกใจ เพื่อนๆผู้นิยมขลังเลือกได้หนึ่งทาง
เราอุตส่าห์วางตราชั่งให้แล้ว คุณเป็นคนชั่งมันเอง

บุญรักษาครับ



(ไม่ทราบนามผู้เขียน) จึงขอกราบขอบพระคุณเจ้าของผลงานมา ณ. ที่นี้

ขอบคุณครับ
ถาม : พุทธาภิเษกวัตถุมงคลแบบเมตตามหานิยม ?




ตอบ : ทำยากที่สุดเลย อย่างอื่นง่าย แต่เมตตายาก


เพราะว่าตัวเมตตานี่ต้องออกจากใจของเราจริงๆ

ถ้ากำลังใจเราเมตตาไม่ถึง ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จหรอก




ถาม : คำว่าเมตตาถึง ?

ตอบ : ต้องเคยปฏิบัติเกี่ยวกับพรหมวิหาร ๔ มาจนคล่องตัว

ถ้าเป็นอย่างอื่นไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด

ใช้แค่อุปจารสมาธิ ขนลุกก็ใช้ได้แล้ว



ตัวเมตตานี่..

ต้องออกจากใจของเราจริงๆ

ถ้ากำลังใจเราเมตตาไม่ถึง


ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จหรอก



ท่านเอ่ยว่า..

“รู้ไหมว่า  การเสกเมตตานั้นยากที่สุด
คงกระพันแค่ขนลุกก็ขลังแล้ว”
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้