ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1679
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

รถไฟไทย—จีน รัฐบาลเริ่มตาสว่าง

[คัดลอกลิงก์]
รถไฟไทย—จีน รัฐบาลเริ่มตาสว่าง




เมื่อคะแนนนิยมเริ่มแผ่ว วันนี้ รัฐบาล ก็เริ่มหันมา ฟังเสียงประชาชนที่รักชาติหวังดีต่อชาติบ้านเมืองมากขึ้น


ทั้งเรื่อง การยกเลิกกฎหมายจีเอ็มโอ และ โครงการรถไฟไทย—จีน 5 แสนล้านบาท ที่ไทยเสียเปรียบจีนมากมาย ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ผู้เห็นต่างจากรัฐบาลในเรื่องการบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นผู้หวังดีต่อชาติบ้านเมือง หวังดีกับรัฐบาล อยากให้รัฐบาลบริหารประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่เสียหายเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ท่าทีที่เปลี่ยนไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่อง รถไฟไทย—จีน จากการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร ถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร
นายกฯ บอกว่า ตนได้ให้แนวทาง รองนายกฯ (ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ในการหารือด้าน ความร่วมมือรถไฟไทย—จีน กับ รองนายกฯจีน (แต่จากข้อมูลของรัฐบาลในพิธีเริ่มต้นรถไฟไทยจีนที่เชียงรากน้อยวันพรุ่งนี้ระบุว่า รองนายกฯจีน ที่พูดถึงคือ นายหวังหย่งมนตรีแห่งรัฐจีน) ใน 3 ระดับ คือ เรื่องระบบราง ระบบการเดินรถ และ ผลประโยชน์ข้างทาง แล้วมาร่วมลงทุนกัน ผลประโยชน์จะตกลงกันกี่เปอร์เซ็นต์ เรื่องการลงทุนไม่ใช่ไทยออกข้างเดียว ส่วนผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะมาชดเชยเงินลงทุนในโครงการ ก็ต้องแบ่งผลประโยชน์กัน

ที่ผ่านมาไม่เข้าใจกัน ทำให้โครงการล่าช้า แล้วสังคมก็ไม่เข้าใจไปอีก มันเลยไปไม่สำเร็จ

มันต้องเริ่มจากหลักการว่า จะต้องเริ่มลงทุนกันอย่างไรในแต่ละโครงการ เป็นโครงการเท่าไหร่ ต้นทุนของเราคือที่ดิน รางรถไฟตีค่า
เท่าไหร่ อย่างอื่นก็ไปปันกันมาในกติกาที่มีร่วมกัน เขาต้องใช้อุตสาหกรรมในประเทศเราด้วย ใช้แรงงานในประเทศไทยด้วย ส่วนเราก็เอาเทคโนโลยีด้านรถไฟเขามา เพราะเป็นลิขสิทธิ์เขา และต้องเตรียมบริษัทประมูลการก่อสร้าง เป็นเรื่องการลงทุนต่างๆ หลายบริษัทรับไป แต่ต้องเป็นคนไทย เป็นการสร้างงานในไทย ไม่ใช่ทุกอย่างเขาหมด เอาแรงงานเข้ามาสร้าง ผมเจรจาโง่ๆแบบนี้ได้เหรอ ดูถูกหรือเปล่า

สิ่งที่นายกฯพูดครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา สังคมก็ดีใจที่เห็นนายกฯเข้าใจถูก ที่ผ่านมาสังคมก็ไม่ได้เข้าใจผิด ได้ทักท้วงรัฐบาลมาตลอด แต่รัฐบาลไม่ค่อยพอใจ
โครงการนี้แปลกตั้งแต่แรก เป็นโครงการที่จีนทำทั้งหมด ตั้งแต่ ริเริ่มโครงการศึกษาข้อมูลต่างๆ วงเงินลงทุน เงินกู้ ดอกเบี้ย ระบบราง ระบบเดินรถ ขบวนรถ การก่อสร้าง จากวงเงิน เริ่มต้นไม่ถึง 4 แสนล้านบาท เพิ่มเป็น 5 แสนล้านบาท ระยะทางแค่ 873 กม. เฉลี่ย กม.ละ 600 ล้านบาท ไทยต้องลงทุนทั้งที่ดิน เงินลงทุนอีก 60% ต้องซื้อทุกอย่างจากจีน จีนได้ประโยชน์มหาศาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมจีนทางบก แต่ลงทุนน้อย แถมยังได้ขายของให้โครงการอีกหลายแสนล้านบาท คืนทั้งต้นทุนและกำไร

ยิ่งเปิดเข้าไปดู ผลการศึกษาเบื้องต้นโครงการรถไฟไทย—จีน ที่จีน ส่งให้ไทย ก็ยิ่งสะอึก เพราะใช้เงินลงทุนสูงถึง 530,000 ล้านบาท ไม่นับดอกเบี้ยและค่าที่ดินของไทย รายละเอียดบางอย่าง เช่น ค่าแรงคนงานก่อสร้าง ค่าแรงขั้นต่ำคนงานจีนเฉลี่ยวันละ 160 หยวน หรือ 916.80 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวนต่อ 5.73 บาท) แต่ ค่าแรงขั้นต่ำ คนงานไทย 300 บาทต่อวัน เป็นต้น อุปกรณ์ก่อสร้างต่างๆก็ต้องนำเข้าจากจีน รวมทั้งระบบราง ระบบเดินรถ ขบวนรถ อีกหลายแสนล้านบาท
ไทยไม่ใช่ประเทศรวย การลงทุนในโครงการที่ต้องใช้เงินสูงถึง 530,000 ล้านบาท พร้อมหนี้และดอกเบี้ยอีกก้อนโต โดยคนไทยและประเทศไทยได้ประโยชน์นิดเดียว จึงต้องคิดทบทวนให้จงหนัก เพราะคนที่ต้องจ่ายหนี้ในอนาคต ไม่ใช่คนในรัฐบาลนี้ แต่เป็นลูกหลานของเรา

วันพรุ่งนี้ 15.10 น. นายหวัง เสี่ยวเทา รอง ผอ.คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน นายหวังหย่ง มนตรีแห่งรัฐจีน จะร่วมกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ทำพิธีเริ่มต้นโครงการรถไฟไทย—จีน ที่สถานีรถไฟเชียงรากน้อย ผมก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลไม่รีบร้อนลงทุนโครงนี้ โดยไม่มีการศึกษาให้รอบคอบเสียก่อน.


“ลม เปลี่ยนทิศ”


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้