ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3185
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

‘เสี่ยอู๊ด’ นักสร้างพระคนดัง ตายแล้ว!! ดับคาโรงแรม-เขียนจดหมายสั่งเสีย

[คัดลอกลิงก์]
วันที่ 30 ตุลาคม  พ.ศ. 2558 เวลา 11:59 น.

  เสี่ยอู๊ดนักสร้างพระชื่อดังกลายเป็นศพในโรงแรม จ.พิษณุโลก เปิดห้องพัก 9 วัน เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน ก่อนเพื่อนเปิดห้องเจอศพ แจ้งตำรวจ พบจดหมายสั่งเสียลาตายทิ้งไว้ เผยกินยานอนหลับจำนวนมาก สั่งน้องชายให้เผาเลย ไม่ต้องมีพิธีบำเพ็ญกุศล

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ต.ค. ร.ต.ท.อำนาจ อ่อนปาน ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีชายนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 209 ชั้นสอง ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ถ.พระลือ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 6 นพ.ณัฐสิทธิ์ เจริญสันติ แพทย์เวรนิติเวช รพ.พุทธชินราช และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมกู้ภัยข่าวภาพพิษณุโลก  










ที่เกิดเหตุเป็นห้องพักชั้น 2 พบผู้เสียชีวิตเป็นชายสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ลักษณะสภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ เสี่ยอู๊ด หรือ นายสิทธิกร บุญฉิม อายุ 44 ปี นักสร้างพระชื่อดัง ภูมิลำเนาอยู่ แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-10-30 14:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ติดตามอ่านข่าวเพิ่มเติม..


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1446181188
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-10-31 07:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
[url=][/url]





‘เสี่ยอู๊ด’ไลน์ลาโลก‘11ต้นเหตุปิดฉากชีวิต’                                        ‘เสี่ยอู๊ด’ไลน์ลาโลก‘11ต้นเหตุปิดฉากชีวิต’                                                                
            การเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายของ “สิทธิกร บุญฉิม” หรือ “เสี่ยอู๊ด” นักสร้างพระชื่อได้ทิ้งข้อสงสัยไว้มากมาย แต่ถ้าดูเนื้อความในจดหมายที่เสี่ยอู๊ดทิ้งไว้ในห้องพักก่อนจบชีวิตจะพบว่า ทุกเรื่องมาจากความ “น้อยเนื้อต่ำใจ” จากการกระทำที่ผ่านมาเป็นเหตุผลใหญ่
            จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เมื่อช่วงเช้าตรู่วันที่ 22 ตุลาคม เวลา 07.41 น. เสี่ยอู๊ดส่งข้อความผ่านทางไลน์ถึง “ไตรเทพ ไกรงู” ผู้สื่อข่าว “คม ชัด ลึก” เพื่อนสนิทคนหนึ่ง โดยระบุเป็น “คำคมข้อคิด จากบัณฑิต ม.3 ผู้ให้ทำชั่ว ไม่มี..ผู้รับทำดี ไม่มีชั่ว”

            จากข้อความดังกล่าว “เสี่ยอู๊ด” เลือกที่จะสื่อความหมายโดยเจาะจงว่า “11 เรื่องจริงอุทาหรณ์สอนใจ!!” จากนั้นได้พร่ำพูดถึงความในใจเพื่อบ่งบอกอะไรบางอย่าง

            การจะหาคนดีที่ไหนก็ไม่มีแน่ ถ้าตัวเราไม่ดีแท้ในสายตาเขา สำหรับปุถุชนคนทั่วไปที่ยังยึดติดลาภ ยศ สุข สรรเสริญ วันใดเราหมดสิ้นหรือไม่ให้ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ บุคคลเหล่านั้นก็ใช่จะเห็นเราว่าเป็นคนดี ถ้าหวังให้ใครดีกับเราตลอด เราก็ต้องคิดดี พูดดี และทำดี ให้กับเขาตลอดไป แม้เราจะเคยทำดี เคยช่วยเหลือ เคยให้เขามามากมาย ยิ่งใหญ่ และยาวนานขนาดไหน แต่ถ้าวันใดเราขัดใจไม่ดีกับเขาแม้เพียงครั้ง เขาก็จะเห็นเราไม่ใช่คนดีทันที

            “ผมเชื่อ ไม่ว่าใครๆ ในโลกก็อยากให้ อยากช่วย หรืออยากทำดี กับคนที่เป็นคนดีจริงๆ แต่ในความเป็นจริง คนที่จะดีจริง ดีตลอดไป กลับไม่มี เพราะถ้าเขาไม่ได้รับสิ่งที่ดีจากเราตลอดไป การกระทำก็จะปรับเปลี่ยนไปตลอดกาล เหตุการณ์ที่ผมจะกล่าวข้างล่างต่อไปนี้ ผมมิได้ว่าใครไม่ดี หรือจะว่าใครชั่ว ก็หาไม่ หากแต่การกระทำของทุกท่าน เป็นธรรมชาติความจริงของมนุษย์ครับ”

            ขอยกอุทาหรณ์ดังนี้...
            ทั้งนี้ใน 11 อุทาหรณ์ เสี่ยอู๊ดพูดถึงความน้อยเนื้อต่ำใจในสิ่งที่เคยกระทำร่วมกับบุคคล และสถานที่ต่างๆ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยสงฆ์ชื่อดัง วิทยาลัยสงฆ์ชื่อดัง สภาสังคมสงเคราะห์แห่งหนึ่ง มูลนิธิ วัดชื่อดังอีก 3 แห่ง โรงพยาบาล นักเรียนทุน พระชื่อดัง และดาราคนหนึ่ง โดยสรุปเนื้อหาดังนี้
            “ผมเคยมอบเงิน 186 ล้านบาท สร้างศูนย์กลางมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และมอบเงินกว่า 100 ล้านให้สถานสงเคราะห์ดังกล่าว สมัยนั้นทุกคนยกย่องผมเป็นประธาน แต่เมื่อผมติดคุก ตกเป็นข่าวเสื่อมเสีย ทุกคนต่างไม่อยากเกี่ยวข้องกับผม รังเกียจสถานภาพนักโทษของผม ไม่ต้อนรับ และไม่รับผิดชอบต่อสัญญาที่เคยทำไว้กับผม เหตุเพราะเขาเห็นผมเป็นคนชั่วไปแล้ว”
                        นอกจากนี้ เสี่ยอู๊ดยังพูดถึงบรรดามูลนิธิ และโรงพยาบาลบางแห่งว่า เคยอุปถัมภ์เงิน 132 ล้านบาท แต่หลังจากต้องคดีความติดคุกเสื่อมเสียสถานภาพ นับแต่บัดนั้น คนเหล่านี้ไม่เห็นความสำคัญเหมือนครั้งแรกๆ จากที่เคยเอาอกเอาใจ ตอนนี้ทั้งทีมก็เปลี่ยนไปทันที
            ส่วนมูลนิธิแห่งหนึ่งเคยให้ทุนครบ 100 ล้านบาท สมัยนั้นมูลนิธิทำโล่มามอบให้ แต่พอเกิดเรื่อง ประธานมูลนิธิพูดกับดีเอสไอว่า “สิทธิกร บุญฉิม ทำให้มูลนิธิเสื่อมเสียชื่อเสียง" ทุกคนรังเกียจ ทุกคนว่าผมชั่ว
            เสี่ยอู๊ดยังพูดถึงการสร้างสาธารณประโยชน์ให้กับบ้านเกิดใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ว่า เคยสร้างสาธารณประโยชน์ให้วัด และโรงเรียนในบ้านเกิด แต่เมื่อติดคุกเสื่อมเสียชื่อเสียง เลยไม่มีชื่อติดอาคารให้เห็น
            ขณะเดียวกัน เสี่ยอู๊ดยังพูดถึงการหาเงินทองให้วัดชื่อดังหลายแห่ง แต่เมื่อเกิดเรื่องร้ายแรงในชีวิตทุกสิ่งกลับตาลปัตร พระชื่อดังที่เคยสนิทด้วยไม่ยอมต้อนรับ โดยเสี่ยอู๊ดใช้คำว่า “สรุปพระทั้งวัดเห็นผมเป็นคนไม่ดีไปแล้ว” ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เจ้าอาวาสเอาใจทุกอย่าง แต่หลังจากที่เข้าคุกอาคารเรียนที่สร้างเสร็จปรากฏจารึกชื่อผู้เกี่ยวข้องมากมาย ยกเว้นชื่อนักโทษ ทั่วทั้งวัด ไม่มีสิ่งใดที่จะทำยกย่องนักโทษคนนี้
            ส่วนนักเรียนทุนที่เคยอุปการะผู้คนเล่าเรียนจำนวนมากรวมเกือบร้อยคน แจกทุนทั่วไปมีเป็นพันๆ คน สมัยนั้นนักเรียนทุกคนเวลาคุยกันจะนั่งกับพื้น หลังติดคุกนักเรียนทุนส่วนใหญ่กลับไม่ยอมพบหน้า โดยเฉพาะนักเรียนทุน 57 คน ที่จบการศึกษาไปแล้ว แต่กลับไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่รับพระราชทานปริญญาแล้วจะใส่ครุยพร้อมนำปริญญาบัตรมาขอถ่ายรูปด้วย และไม่มีนักเรียนทุนคนใดจะกล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนในเฟซบุ๊ก, ไทม์ไลน์, อินสตาแกรม ว่า สำเร็จการศึกษาจากการเคยรับเงินทุนจากนักโทษในคุก!!! อดีตนักเรียนทุนทั้งหลายที่ทำเช่นนี้กับผมเพราะต่างเห็นพี่สิทธิกร บุญฉิม เป็นคนชั่ว ไม่น่าเคารพนับถือไปแล้ว เมื่อผมติดคุกกลับมีพ่อแม่และนักเรียนทุน(หลายคน)ตำหนิกล่าวว่า นักเรียน นิสิต นักศึกษา ก็ทยอยหายไปจากชีวิต แม้แต่นิสิตแพทย์จุฬาฯ นักเรียนนายร้อย จปร. ที่เคยเขียนจดหมายพรรณนาว่าอยากเจอ ถึงวันนี้ 8 ปีที่ไม่เคยได้พบหน้ากัน
            สุดท้ายเสี่ยพระชื่อดังได้เจาะจงถึง “ดาราคนหนึ่ง” โดยระบุว่า เคยช่วย เคยให้ แก่ครอบครัวของดาราคนหนึ่ง สมัยนั้นครอบครับดาราดีกับตนอย่างมาก ต่อมาเมื่อเกิดเรื่องดาราคนนี้ไปบอกสื่อว่า ไปแอบอ้างว่ารู้จักเขา จึงต้องตำหนิเขา นับแต่บัดนั้นดาราคนนี้และครอบครัวว่าผมเป็นคนไม่ดี ต่อมาติดคุก 5 ปี พวกเขาไม่เคยไปเยี่ยมเลย ล่าสุดผมออกจากคุกเขาให้ข่าวว่า “ขอเตือนเหล่าดารา ระวังจะถูกผมหลอกลวง” วันนี้ผมเป็นคนชั่วร้าย เขาจึงกล่าวเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ยังอาศัยอยู่ในตึกที่ผมประมูลจากแบงก์เอากลับมาให้ฟรีๆ นอกจากเขาจะเห็นผมเป็นคนชั่วแล้ว พ่อแม่เขาก็ไม่คบและไม่ยอมพบหน้าผมนับตั้งแต่ได้บ้านไป อีกเลย...
            นี่คือข้อความที่เสี่ยอู๊ดเลือกใช้คำว่า “อุทาหรณ์สอนใจ” โดยสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทราบว่า สาเหตุทำให้นักสร้างพระคนดังตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยวัยเพียง 44 ปี เกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจจากบุคคลที่รักใคร่ สนิทชิดเชื้อกันมายาวนาน แต่มาวันหนึ่งเมื่อเสี่ยคนดังก้าวสู่จุดตกต่ำของชีวิตกลับไม่เคยมีใครเหลียวแลหรือให้โอกาสจนต้องใช้ความตายเป็นที่พึ่งสุดท้าย

- See more at: http://www.komchadluek.net/detai ... thash.LKoFhiuj.dpuf
กระจกมีหลายด้าน คนเราทุกวันนี้ มองเห็นแต่ภาพเบื้องหน้าเพียงด้านเดียว
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-11-2 06:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2015-11-2 06:51




เมื่อมั่งมี มากมาย มิตรหมายมอง
เมื่อมัวหมอง มิตรมองเหมือนหมูหมา
เมื่อไม่มี มิตรเมิน ไม่มองมา
เมื่อมอด ม้วยหมูหมา ไม่มามอง





6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-11-2 06:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

แฉชีวิต 'เสี่ยอู๊ด' เงินติดตัว200


ตกอับสุดในชีวิตแต่ชาวบ้านยังรักร่วมงานศพแน่น

งานศพ “เสี่ยอู๊ด” ยังไร้เงานักร้องนักแสดงอดีตเพื่อนชายคนสนิท ในขณะที่บรรยากาศงานศพ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านไปร่วมงานแน่นวัด ครูนักเรียนนำภาพถ่ายอดีตนักสร้างพระติดแสดงผลงานเมื่อครั้งแจกทุนการศึกษาให้กับนักเรียน ญาติเผยเมื่อครั้งมีชีวิตทุ่มบริจาคให้กับวัดและโรงเรียน รวมทั้งยกที่ดินมรดกมูลค่านับร้อยล้านบาทให้กับวัดด้วย แต่ระยะหลังชีวิตตกอับจากอดีตเคยมีเงินทองนั่งรถหรูราคาแพงกลับมานั่ง จยย.รับจ้าง ขนาดวันตายมีเงินติดตัวแค่ 200 บาท


กรณีพบศพนายสิทธิกร บุญฉิม หรือ “เสี่ยอู๊ด” อายุ 44 ปี อดีตนักสร้างพระชื่อดัง เสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักหมายเลข 209 ชั้น 2 โรงแรมบ้านสังข์ทอง เลขที่ 319 ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ในสภาพขึ้นอืด เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน ในที่เกิดเหตุพบจดหมายลาตายและแผงยากลุ่มออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง สำหรับรักษาอาการวิตกกังวลและช่วยให้นอนหลับ เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่านายสิทธิกรกินยาดังกล่าวฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาชีวิต ในขณะที่ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตายพร้อมรับศพกลับไปตั้งสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดสุวรรณรังสรรค์ หรือวัดยายร้า ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง







เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 พ.ย. ที่วัดสุวรรณรังสรรค์ หรือวัดยายร้า ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง คืนที่ 2 ของงานสวดพระอภิธรรมศพนายสิทธิกร บุญฉิม หรือ “เสี่ยอู๊ด” นักสร้างพระชื่อดัง บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีนายสุรินทร์ เปาอินทร์ ส.อบจ.ระยอง เขต อ.บ้านฉาง และนายอติเทพ จริยเวชช์วัฒนา อดีตนายกเทศบาลเมืองบ้านฉาง ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ มีญาติพี่น้องและชาวบ้านในพื้นที่ไปร่วมงานกันจำนวนมาก เนื่องจากเมื่อครั้งยังมีชีวิตนายสิทธิกรได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับสาธารณะไว้มากมาย โดยเฉพาะการศึกษาของเด็กนักเรียนในพื้นที่ แต่ก็ยังไร้เงาดารานักแสดงไปร่วมงาน


โดยก่อนหน้าในช่วงเย็นของวันเดียวกัน พระราชสิทธินายก เจ้าคณะจังหวัดระยอง เดินทางไปงานศพ พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆว่า “น่าเสียดายคนดี” นอกจากนี้ ยังมีผู้ใหญ่ในจังหวัดส่งพวงหรีดไปเคารพศพหลายคน อาทิ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ภายในงานศพทางคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลยังได้ร่วมกันนำภาพของนายสิทธิกรเมื่อครั้งยังมีชีวิตขณะทำคุณประโยชน์ให้กับทางวัดและโรงเรียนมาติดบอร์ดขนาดใหญ่เพื่อแสดงให้กับผู้ไปร่วมงานได้ชมด้วย
นายยศกร สุขเจริญ น้าเขยของนายสิทธิกร เผยว่า จากการประชุมหารือญาติพี่น้อง มีมติว่าจะเผาศพนายสิทธิกรในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ส่วนกระดูกจะเก็บไว้ 100 วัน หลังทำบุญแล้วนำไปลอยอังคาร โดยนายสุรินทร์ เปาอินทร์ ส.อบจ.ระยอง เขต อ.บ้านฉาง รับเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพทุกคืน นอกจากนี้ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่ รวมทั้ง รพ.ศูนย์มะเร็งลพบุรี โรงเรียนปริยัติธรรม โรงเรียนชุมชนศูนย์เด็กเล็กของวัดสุวรรณรังสรรค์ โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุล แสดงเจตจำนงร่วมเป็นเจ้าภาพด้วย ส่วนเรื่องมรดกหรือทรัพย์สิน ยังไม่มีการพูดถึง เพราะไม่มีใครทราบว่านายสิทธิกรมีทรัพย์สินอะไรไว้ที่ไหนบ้าง เท่าที่ทราบเงินส่วนใหญ่เขาให้กับการกุศลไปหมด
นายเชาวลิต บุญฉิม อายุ 50 ปี พี่ชายคนโตของนายสิทธิกร เผยด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า น้องชายไม่ใช่เซียนพระ แต่เป็นนักสร้างพระ ในอดีตน้องชายเป็นคนมีฐานะดี นั่งรถหรูราคาแพง แต่ระยะหลังทราบว่าน้องชายตกอับถึงขนาดต้องนั่งรถ จยย.รับจ้าง นับเป็นเรื่องแปลกในรอบ 20 ปีที่น้องชายต้องนั่ง จยย. วันตายมีเงินติดตัวแค่ 200 บาท ตอนมีชีวิตน้องชายได้สร้างคุณงามความดีมากมาย เงินทองที่หามาได้บริจาคให้กับวัด โรงเรียนและสร้างสาธารณประโยชน์ คนระยองทราบดี แม้กระทั่งมรดกเป็นที่ดินที่ตกทอดจากพ่อแม่ประมาณ 6 ไร่ มูลค่าปัจจุบันนับร้อยล้านบาท น้องชายยังบริจาคให้กับวัดสุวรรณรังสรรค์และสร้างโรงเรียนปริยัติธรรม
นายเชาวลิตเผยอีกว่า ที่ผ่านมาญาติพี่น้องไม่ค่อยรู้เรื่องการใช้ชีวิตของน้องชายมากนัก น้องชายกลับบ้านมาแต่ละครั้งก็จะเอาเงินไปทำบุญ แจกทุนการศึกษาเป็นส่วนใหญ่ หยิบยื่นให้พี่น้องใช้บ้างก็แค่ครั้งละ 1-2 พันบาท ส่วนใหญ่เขาจะสอนให้รู้จักทำมาหากินมากกว่าการให้เงิน พี่น้องส่วนใหญ่จึงไม่ทราบว่าน้องชายมีบ้านหรือมีทรัพย์สมบัติเก็บไว้ที่ไหนบ้าง ช่วงที่น้องชายยังมีชีวิตทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์น้องชายจะขนเอาดารานักแสดงมาร่วมงานจำนวนมาก จนกลายเป็นที่รักใคร่ของคนในพื้นที่ เมื่อถามว่าอดีตนักร้องนักแสดงเพื่อนชายคนสนิทของนายสิทธิกรติดต่อมาร่วมงานศพบ้างหรือไม่ นายเชาวลิตกล่าวว่า ไม่มีและเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องราวในอดีตของน้องชาย


วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องชื่อดัง ที่เคยรู้จักและมีข่าวพัวพันกับนายสิทธิกร เสี่ยอู๊ด ระหว่างไปร่วมงานมหกรรมบันเทิง ช่อง 8 พบเพื่อน ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ถึงความรู้สึกที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของเสี่ยอู๊ด โดยฟิล์มเผยว่า เมื่อทราบข่าวก็ตกใจ ตนไม่ได้คุยหรือติดต่อเขาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เมื่อถามถึงวินาทีที่ได้ยินว่าเสี่ยอู๊ดเสียชีวิตรู้สึกอย่างไร ฟิล์มตอบว่า ตนไม่ได้ยินเอง พี่ๆนักข่าวโทร.มาถามกันเต็มไปหมด ประหนึ่งว่าเป็นญาติ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ก็บอกเขาไปว่าผมไม่ได้เป็นญาติ แล้วก็ไม่รู้เรื่อง แต่ก็แสดงความเสียใจกับทางญาติเขาด้วย
เมื่อถามว่า จะไปรดน้ำศพหรือร่วมพิธีสวดหรือไม่ ฟิล์มตอบว่า คงไม่มี เดี๋ยววันนี้ก็บินไปอเมริกาแล้ว ติดงานด่วน เมื่อถามว่า จะมีการไปทำบุญให้เสี่ยอู๊ดหรือไม่ ฟิล์มตอบว่า ไม่รู้มันไม่เกี่ยวอะไรกับตน ถามตนทำไม ก็งงที่มีแต่คนมาถาม ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีข่าวว่าเสี่ยอู๊ดได้เขียนพ็อกเกตบุ๊กทิ้งไว้ตัดพ้อดาราคนหนึ่งในทำนองว่าหลังจากได้บ้านแล้วก็ไม่เคยมาเหลียวแลเขาทั้งแม่ทั้งลูก คนก็ตีความว่าเป็นฟิล์ม นักร้องดังเผยว่า ถ้ามองจากเหตุผลและความถูกต้องก็ไม่น่าใช่ตน เอาเป็นว่าไม่เกี่ยวกับตนดีกว่า


http://www.thairath.co.th/content/536401



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้