ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
ผีไม่เผา...เงาไม่เหยียบ
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 2715
ตอบกลับ: 3
ผีไม่เผา...เงาไม่เหยียบ
[คัดลอกลิงก์]
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8069
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-1-22 15:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
ผีไม่เผา...เงาไม่เหยียบ
กาลนั้น สองพี่น้อง ทัพ กับ ทิวได้รับมรดกที่ดินจากตาทอง ผู้พ่อ ผู้ซึ่งจากไปด้วยโรคชรา
หากแต่ว่า ทัพ ผู้พี่ได้ที่ดินที่บังเอิญโชคดี ที่ถนนกำลังจะตัดผ่าน ส่วนทิวนั้นฤาได้ที่ดิน
แต่เสมือนกับที่ตาบอด หากแต่พ่อผู้ซึ่งล่วงลับ มิได้สนใจคิดในการขายที่กิน
เพราะเป็นที่ซื้อขายจับจองแต่ครั้งปะสังปู่ย่านู่น เอาไว้สำหรับปลูกข้าวปลูกอ้อยและเลี้ยงปลาเลี้ยงหมูเลี้ยงชีพยังตน
จำเนียนกลาผ่านพ้น ราคาที่ดินพุ่งสูงยังกับยอดตาล แม้เพียงกระผีกวาเดียว เจ้าของก็มิใยรู้สึกว่ามันมีค่าดั่งทองคำ
ทิวผู้น้องให้ข่อนใจหนัก หลังจากที่ทิวได้ไปคุยกับทัพผู้พี่ ถึงเรื่องขอที่สำหรับทำทางออก
เพื่อที่ของเขาจะได้มีทางออกไปสู่ถนน หากแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ "ไม่ได้"
หากสาเหตุจะว่าเกิดจากความโลภของทัพ ผู้พี่ก็หาไม่ แต่มาจากนังอ้อย พี่สะใภ้นั่นมากกว่า
คุยกันด้วยดีไม่รู้เรื่องยิ่งนานวันไปยิ่งกลายเป็นเกลียด สองพี่น้องที่เคยแก้ผ้าเล่นน้ำฝน
กินขาวหม้อเดียวกัน บัดนี้ ผิดไปจากวันนู้นอย่างสิ้นเชิง
"ไอ้ทิว มึงเที่ยวไปโพทนากับชาวบ้าน ว่ากูโกงมึงหรือ"
"อ้าวอ้ายหมาทัพ กูไม่เห็นรู้เรื่องอะไรด้วย...."
"ไอ้สัตว์กะหมาทิว มึงเรียกูไอ้หมาทัพ เทียวรึ"
"อ้อ อ้ายทิวมึงก็หมาจริงอย่างว่ากระมังถึงได้โกรธแบบนี้...."
"ไอ้..............................................."
มิใช่ครั้งแรกที่พี่น้องคู่นี้ลงไม้ลงมือต่อสู้กันหากแต่เริ่มจะถี่ขึ้นๆจากหมัดเป็นไม้ จากไม้เป็นมีด
ภาพเด็กสองคนพี่น้องที่เคยวิ่งเล่นอยู่ริมบ่อน้ำ เมื่อคราครั้งกระนู้น บัดนี้กลับกลายเปลี่ยนเป็น
ต่อสู้กันด้วยเรื่องที่ทางเพียงเท่านั้น
"ไอ้หมาทิว วันนี้มึงกับกูคงจะเหลือชื่ออยู่เพียงหนึ่งเท่านั้น...."
"ได้กันไอ้หมาทัพ ดูซิว่ามึงกะกูใครจะยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย..."
มิใยที่ชาวบ้านและเมียของแต่ละคนจะทัดทานเอาไว้ หากแต่สองพี่น้องไม่สามารถคุมสติเอาไว้ได้
ราคาที่ดินที่พุ่งพรวดพราดในที่แปลงข้างๆมันยิ่งทำให้ความโลภมันบังตา มีดในมือของ ทัพและทิว
ขนาดไม่ต่างกัน คม เงาแปลบปลาบอย่างเกล็ดปลาตะเพียงยามต้องแสงแดดเช้า
ทิวผู้น้องเสือกมีดซุยประจำตัว หมายลิ้นปี่ของทัพ ผู้พี่ หากแต่อีกฝ่ายระวังตัวอยู่แล้ว ฉากออกทางขวาเพียงเล็กน้อย
และง้างมีดพร้าในมือ ฟันลงไปสุดแรง มีดที่ถูกลับทุกวัน ฟันขาดแม้กระทั่งกิ่งสะเดาป่าขนาดข้อแขน
หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้น มีดต้องลงไปที่ผิวหนัง กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับกระเด็นออกไปตามแรงมีดที่ฟันลงมา
คนที่ถูกฟังได้สติ ก็จ้วงมีดย้ำเข้าที่หมายอีกที คราวนี้ไม่มีพลาด มีซุยขนาดเหมาะมือ ปักลงกลางลิ้นปี่ ด้วยแรง
เสียงดังจนคนที่ยืนดูได้ยินกันถ้วนทั่ว
"ปึ๊ก"
หากแต่เพียงมีดนั้น
หยุดอยู่เพียงผิวหนังของผู้ที่ถูกแทง สองมือมีด ผละออกจากกัน
ชาวบ้านที่มามุงดู ต่างร้องหวีด เพราะความหวาดเสียว ผู้ใหญ่บางคนพยายามจะเข้ามาห้ามศึกสองพี่น้อง
หากแต่ก็กลัวเกรงในคนมีด จึงทำได้เพียงก่นร้องบอกพูดถึงเรื่องราวครั้งที่พ่อแม่ของทั้งสองยังอยู่
ทั้งสองยังคงฟาดฟันกันด้วยมีดประจำกายของทั้งสอง หากแต่ก็เพียงสร้างความเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย
เพราะมีดไม่สามารถจะเถือผ่านร่างของสองพี่น้องไปได้
จนเวลาล่วงมาสักพักใหญ่..
เสียงหอบดังๆของพี่น้องทั้งสอง จากความเหน็ดเหนื่อย ต่างแนยกย้ายออกมาอยู่ในมุมจองแต่ละคน
ทั่งร่างกายมีร่องรองแดงๆเป็นทาง ยาวบ้างสั้นบ้าง แต่ไม่มีแม้เลือดสักหยด
พอคลายตระหนก ผู้คนก็ต่างเข้าไปช่วยกันจับพี่น้องทั้งสองเอาไว้
ด้วยว่าเหนื่อยอ่อนมากแล้ว ทั้งสองจึงแยกย้ายกลับไปบ้านของตน แต่ก็ยังมิวายที่จะท้ายกัน
"แน่จริงมึงคายเหรียญอาจารย์ออกมาซิวะ ไอ้ทัพ.."
"ชะช้าอ้ายทิว..มึงก็คายเหรียญออกจากปากมึงด้วย แล้วมาเถือกับกูให้รู้ไป..."
ชาวบ้านต่างทราบดี พี่น้องสองคน
อมเหรียญ "หมูขวาง" ของหลวงพ่อสุรินทร์ แห่งวัดลาดบัวขาวเอาไว้ในปาก
หากไม่อย่างนั้นสองพี่น้องคงดับดิ้นสิ้นชื่อไปแล้วทั้งคู่ ด้วยมือของทั่งสองคนนั่นเอง
หลังจากวันนั้น สองพี่น้อง ก็ต่างคนต่างอยู่ หากแต่ไม่ได้พบปะพูดคุยเฉกเช่นพี่น้องอื่นๆ ถึงขนาดประกาศว่า
"ผีกูไม่ต้องมาเผา เงากูไม่ต้องมาเหยียบ"
กันเลยทีเดียว หลังจากวันนั้นได้สิบสองปี
ทัพคนพี่ก็เสียชีวิตลงเนื่องจากป่วย แต่ยังดีที่ก่อนตาย พี่น้องได้มีโอกาศพูดคุยและอโหสิให้กันอีกครั้ง
และฝากฝังให้ดูและที่ดินและครอบครัวแทนอีกด้วย ทิวผู้น้องรับปากและมอบที่ดินเป็นสาธารณประโยชน์ในกาลต่อมา
จนบัดนี้....
ทิวเมื่อวันนู้น กลายมาเป็นลุงทิวในวันนี้แล้ว เหรียญหลวงพ่อสุรินทร์ วัดลาดบัวขาวของแกและพี่ชาย
ก็ได้มอบให้กับลูกๆของแกเอาไว้
ขอบคุณข้อมูล คุณเอก วัดมาร
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
matmee2550
matmee2550
ออฟไลน์
เครดิต
2489
2
#
โพสต์ 2014-1-30 18:30
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เยี่ยมๆๆๆๆ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
sritoy
sritoy
ออฟไลน์
เครดิต
3631
3
#
โพสต์ 2014-1-30 20:47
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอบคุณครับ...
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
4
#
โพสต์ 2016-6-1 08:22
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...