|
ประวัติปลาอานนท์(ฉบับพุทธ)จากชาดก
บทความนี้จัดทำขึ้นเพราะเราถูกครอบตามๆกันมาให้เชื่อตามลัทธิพราหมณ์ว่าปลาอานนท์นอนหนุนโลก ซึ่งเรื่องนี้พราหมณ์บิดเบือนจนเละเทะงมงายมานานเกินพอแล้ว
(ที่มาจากนิทานซ้อนเรื่องที่๑ในมหาสุตโสมชาดก)
อดีตกาลล่วงมาแล้วมีปลาใหญ่(ยักษ์)๖ตัวอยู่ในมหาสมุทร คือ ปลาอานนท์ ปลาอุปนนท์ ปลาอัชโชหาละทั้ง๓นี้กายยาวตัวละ ๕๐๐โยชน์(๑,๕๐๐กิโลเมตร) อีก ๓ ตัวคือ ปลาติมิงคละปลาติมิระมิงคละ ปลามหาติมิระมิงคละ ทั้ง๓นี้กายยาวตัวละ๑,๐๐๐โยชน์(๑๖,๐๐๐กิโลเมตร) ปลาทั้ง๖กินหิน(ช่วยย่อย?)และสาหร่ายปลาอานนท์อยู่ในจุดหนึ่งของมหาสมุทร มีพวกปลาเข้าไปหาเป็นอันมาก
วันหนึ่งปลาทั้งหลายจึงคิดกันว่า"พวกสัตว์๒เท้า๔เท้าทุกเหล่าย่อมมีราชา(๒เท้าคือ นก มีราชาคือหงส์ทองธตรัฐที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ๔เท้า คือสัตว์บกทั่วไปมีพวกมฤคเป็นต้น มีราชาคือไกรสรราชสีห์)แต่พวกเราไม่มีราชาจึงควรยกปลาอานนท์ขึ้นเป็นราชา" เมื่อคิดและมีความคิดเป็นมติเอกฉันท์แล้วจึงยกปลาอานนท์ขึ้นเป็นพญาแล้วพากันไปเฝ้าทุกเวลาเช้าเย็น
วันหนึ่งปลาอานนท์กินก้อนหินและสาหร่ายอยู่ในภูเขา(ก้นทะเล)แห่งหนึ่งมีปลาตัวหนึ่งหลุดเข้าไปในปาก รู้สึกมีรสอร่อยมากจึงคายออกมาดูก็รู้ว่าเป็นเนื้อปลา จึงคิดว่า"เราอยู่มาตั้งนานไม่รู้จักกินของอร่อยเราควรหาอุบายกินปลาต่อไป" ตั้งแต่นั้นมาจึงจับปลากินวันละ๒ตัว เช้า-เย็นจนคิดว่าถ้าพวกปลารู้เข้าจะแตกหนีหมด จึงทำอย่างระมัดระวังจักกินปลาตัวที่ย่อคำนับแล้วกลับทีหลังปลาอื่นจากนั้นจึงทำตามที่คิดนั้นจนปลาทั้งหลายหมดไปโดยลำดับฝูงปลาเริ่มเกิดสงสัยไต่ถามกันไปมาว่าพวกเราหายไปไหนหนอจึงน้อยลงๆเช่นนี้
มีปลาฉลาดตัวหนึ่งเกิดสงสัยปลาอานนท์จึงไปแอบอยู่ที่หูพญาปลาอานนท์ เมื่อเห็นหมู่ปลาที่ไปเฝ้าคำนับกลับแล้วเห็นปลาอานนท์จับปลาตัวหลังสุดกินเสียปลาฉลาดนั้นจึงไปบอกฝูงปลาทั้งหลายๆจึงพากันแตกหนีไปสิ้นเมื่อปลาอานนท์ไม่พบฝูงปลาก็เที่ยวตามหาจนไปพบภูเขาลูกหนึ่งจึงคิดว่าพวกปลาคงมาอาศัยอยู่ในภูเขานี้"เราจักโอบภูเขานี้"แล้วจึงโอบภูเขาเข้าด้วยหางและศีรษะ(พราหมณ์เอ๋ยพราหมณ์ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียดโดยแท้)แต่พอเห็นหางตัวเองก็โกรธคิดว่าพวกปลาหลอกตน (ที่แกล้งโผล่หางมายั่วโทสะ?)จึงฮุบหางตัวเองไปซะ๕๐โยชน์แล้วเกิดทุกขเวทนามีเลือดนองไปตามมหาสมุทรถึงแก่ความตายในที่สุด
ปลาทั้งหลายจึงไปประชุมกันกินซากปลาอานนท์ตลอดถึงศีรษะกระดูกปลาอานนท์นั้นกองเหมือนภูเขาใหญ่มีดาบสปริพาชกผู้สำเร็จฌานสมาบัติเหาะไปพบเข้าจึงนำมาเล่าให้พวกมนุษย์ในชมพูทวีปฟังว่า"ข้าแต่มหาราช ปลาอานนท์เป็นผู้ติดรสของปลาทั้งหลายเมื่อไม่มีปลาที่จะกินจึงกินตนเองเข้าไปถึงแก่ความตาย"
เรื่องนี้เล่าถวายพระเจ้าพรหมทัตผู้โปรดการกินเนื้อคน!
และจากประโยคนี้ คือ
จริงอยู่ คนคุยโตย่อมเป็นเหมือนปลาอานนท์. เล่ากันว่า ปลาอานนท์ (ชอบ) เอาหางอวดปลา (พวกอื่นและ) เอาศีรษะอวดงู ให้ (ปลาและงูเหล่านั้น) รู้ว่าเราเป็นเช่นกับพวกท่าน. บุคคลผู้คุยโตก็เช่นนั้นเหมือนกัน เข้าไปหานักพระสูตร หรือนักพระอภิธรรมใดๆ ย่อมกล่าวกะท่านนั้นๆ อย่างนี้ว่า ผมประพฤติประโยชน์เพื่อท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายต้องอนุเคราะห์ผม ผมจะไม่ทิ้งพวกท่านหรอกดังนี้.
ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า ปลาอานนท์นั้น มีศีรษะเหมือนงู และมีหางเหมือนปลา เพราะทำให้ปลาและงูเห็นว่า เราเป็นเช่นกับพวกท่านได้(คือเหมือนปลาและงู)
ส่วนตำนานการหนุนโลกนั้น คาดว่า พราหมณ์เอาภาพขณะที่ปลาอานนท์กำลังลัดภูเขากัดหางตนเองไปเป็นแบบแน่นอน และทางพราหมณ์ไม่เคบกล่าวถึงลักษณะทางกายภาพของปลาอานนท์เลย จึงเป็นไปได้สูงว่า พราหมณ์รับความรู้เรื่องปลาอานนท์ไปจากพุทธ
https://www.facebook.com/notes/นาคเฝ้าคัมภีร์-ปิโลตินาคา/ประวัติปลาอานนท์ฉบับพุทธจากชาดก/327773024018513
|
|