|
7 วันอันตรายปีใหม่ 4 วันตายรวม 227 เจ็บ 2,163 ราย (ไอเอ็นเอ็น)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ปภ. แถลง 7 วันอันตรายช่วงปีใหม่ 4 วัน เกิดอุบัติเหตุรวม 2,104 ครั้ง เสียชีวิตรวม 227 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,163 คน เชียงใหม่แชมป์จำนวนผู้เสียชีวิต, อุบัติเหตุ และผู้บาดเจ็บ
วันที่ 3 มกราคม 2558 พล.อ. สุทัศน์ กาญจนานนท์สกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าวศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 โดยสรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 36.51 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 19.35 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.41 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 66.76 บนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 39.51 บนถนนสายรองหมู่บ้าน ร้อยละ 37.33 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 - 20.00 น. ร้อยละ 25.61 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 51.20
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,277 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 66,154 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 620,509 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 87,353 ราย โดยมีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 26,638 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 25,004 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 22 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 4 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 22 คน
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 4 วัน (30 ธ.ค. 57 - 2 ม.ค. 58) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,104 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 227 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,163 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 7 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครพนม พัทลุง สิงห์บุรี ยโสธร แม่ฮ่องสอน และนราธิวาส จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 93 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 12 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 91 คน
พล.อ. สุทัศน์ กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาชนได้เริ่มทยอยเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและแหล่งท่องเที่ยวแต่ละจังหวัดจึงได้ปรับแผนรองรับการเดินทางกลับของประชาชน พร้อมแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับปริมาณการจราจร ขาเข้ากรุงเทพมหานคร โดยเพิ่มความเข้มข้นในการแก้ไขปัญาพร้อมปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจ จุดบริการให้สอดคล้องกับช่วงเวลาและสภาพการจราจรเน้นถนนสายหลักที่เป็นเส้นทางตรงระยะทางไกลเป็นพิเศษ รวมถึงได้กำชับจุดตรวจให้บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด และเพิ่มการกวดขันรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง รถตู้โดยสาร รถกระบะบรรทุกผู้โดยสาร และคุมเข้มตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับขี่ซึ่งระดับแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์
|
|