ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1637
ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ภิกษุนอนจงกรม (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)

[คัดลอกลิงก์]


ภิกษุนอนจงกรม

พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
วัดถ้ำผาปล่อง ต.บ้านถ้ำ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่



ดูพระสาวกในครั้งพุทธกาลท่านทำจริง ท่านเดินจงกรมอย่างเดียว เอาจนได้สำเร็จมรรคผล เห็นแจ้งพระนิพพาน ท่านทำอย่างไร คำว่า จริง ที่นี้ท่านนั่งภาวนา มันก็ง่วงเหงาหาวนอน เหมือนเราท่านทั้งหลายนี่แหละ ท่านก็ไม่ยอมนั่ง ถ้านั่งมันสัปหงก ท่านไม่นั่ง ท่านเดินจงกรม

คำว่า เดินจงกรม ก็คือว่าเดินก้าวไปก้าวมาในทางในเส้นทางจงกรม ที่ท่านปัดกวาดไว้นั้น ไม่ยอมหยุดไม่ยอมนั่ง ถ้านั่งมันคอยหลับ หลับตาก็ยิ่งร้ายใหญ่ เดินเอาอย่างเดียว เดินจนไม่รู้ว่ามันนานเท่าไหร่ล่ะ เดินจนหนังเท้าแตก เลือดไหลเดินไม่ได้ แล้วเราท่านทั้งหลายผู้นั่งภาวนาอยู่นี่ เดินจนเท้าแตก เลือดไหลเดินไม่ได้มีหรือ ไม่เห็นมี ไปทางไหนก็สวมรองเท้ากลัวตีนแตก เจ็บนิดๆ หน่อยๆ ก็เอาไม่ไหวแล้ว ตายแล้ว ทำไมไม่ตายตั้งแต่ยังไม่เกิดล่ะ นั่นแหละคือว่า ใจท้อถอย ใจเกียจคร้าน ไม่ได้ดูพระแต่ก่อน ท่านเดินจนกระทั่งว่าหนังเท้าแตกเดินไม่ได้ เมื่อเดินไม่ได้ท่านก็ยังไม่ถอยความเพียร

ถ้าเราสมัยนี้ถ้าถึงขนาดนั้นละก็นอนแผ่เท่านั้นแหละ ไม่เดินอีกต่อไป ไม่ภาวนาอีกต่อไป แต่ท่านไม่ยอม เมื่อเดินไม่ได้ เข่ายังมี มือยังมี คลานเอา ท่านว่าอย่างนั้น ทีนี้ก็คลานเดินจงกรมไป กลับไปกลับมา ไม่รู้ว่ากี่หนแหละ เข่าแตก หนังเข่าแตกไป ช่างมัน ไม่ใช่เข่าเรา เข่าของกิเลส มือแตกก็แตกช่างมัน เดินไม่ได้มันเจ็บ แตกเลือดไหล เราได้คลานภาวนาจนเข่าแตกเลือดออกมีไหม ไม่มี มีแต่นอนห่มผ้าให้มันตลอด มันจะได้สำเร็จมรรคผลอะไร ก็ได้แต่กรรมฐานขี้ไก่เท่านั้นเองแหละ กรรมฐานขี้ไก่ กรรมฐานขี้หมู ไม่ลุกขึ้นภาวนาเหมือนพระแต่ก่อน

พระแต่ก่อนท่านเดินไม่ได้ ท่านคลานเอา ทีนี้คลานไม่ได้ท่านทำอย่างไร ท่านก็ไม่ต้องนอนกันล่ะ แต่ท่านนอนขวางทางจงกรม แล้วไม่ใช่นอนนิ่งๆ ให้มันหลับ พลิกเหมือนกับเดินจงกรมในทางนั่นเองแหละ เหยียดยาวลงตั้งแต่หัวถึงตีน ทีนี้มันก็ไม่มีที่ตรงไหนแตกแล้วทีนี้ กลิ้งไป พลิกไป จนสุดทางจงกรม กลิ้งกลับมาอีก เอาอยู่อย่างนั้น ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน นับไม่ถ้วน ท่านตั้งใจลงไป ท่านไม่ยอมให้มันหลับมันไหล ไม่ให้มันฟุ้งซ่านไปที่อื่น เท้ามันเจ็บก็ไม่ให้ไปยึดไปถือ เข่ามันแตกก็ไม่ให้ไปยึดไปถือ มือแตกก็ช่างมือ มือผีหลอก มันหลอกให้หลง เข่าผีหลอก เท้าผีหลอก ท่านไม่ย่อท้อ ใจไม่ย่อท้อ อันนั้นนั่นแหละเรียกว่า ความเพียร ไม่ใช่คำ “เพียร” พูดปลายลิ้นเท่านี้ ท่านมีความเพียรจริงๆ ไม่ยอมให้มันนิ่ง ถ้านิ่งมันก็หลับ พลิกกลิ้งกลมไปเรื่อย มันจะตายก็ช่างสิ

ได้ภาวนา ทำความเพียรละกิเลส เป็นสิ่งสำคัญ ความตั้งใจองค์นั้น เมื่อถึงขั้นนอนเหยียดตามแผ่นดินแล้วกลิ้งไปเถิด มันไม่แตกละทีนี้ มันไม่มีที่ไหนหนัก ถ้ายืนมันก็ไปลงหนักที่เท้าที่ตีน ถ้าคลานมันก็ไปที่เข่าที่มือ มันไปหนักที่นั้น ถ้าเหยียดยาวละก็ไม่มีที่ไหนจะไปหนัก มันเท่ากันหมด แต่ไม่ใช่ท่านนอนหลับเหมือนพวกเรา ไม่ใช่นอนภาวนา นอนกลิ้งไม่ยอมให้มันหลับ ไม่ยอมให้มันนิ่ง เรียกว่า สติสัมปชัญญะ สมาธิท่านตั้งมั่นลงไป องค์นี้เรียกว่ามีความเพียรที่สุดในพุทธศาสนา ไม่มีองค์ใดที่จะได้สำเร็จแบบนี้ มีองค์เดียวเท่านั้น เพราะว่าท่านทำจริง

เราทุกคน ทุกดวงใจ ถ้ามีความเพียรขนาดนั้นล่ะคิดดูสิ ไม่ต้องไปถามหามรรคผลนิพพานล่ะ (ต้องได้แน่) ท่านเอาจนสำเร็จ แม้เราทุกคนก็เอาให้มันขนาดนั้น มันจะไปเหลือวิสัยได้หรือ มันยังไม่ถึงขั้นนั้น มันไปถอยเสียก่อน หยุดเสียก่อน มันกลัวตายน่ะ มันจึงได้มาเกิดมาตายอยู่ไม่จบไม่สิ้น มานอนอยู่ในท้องแม่นับภพนับชาติไม่ถ้วน ก็เพราะจิตอันนี้ไม่มีความเพียร ไม่สมกับพุทธภาษิตที่ว่า วิริเยนะ ทุกขะ มัจเจติ บุคคลจะล่วงความทุกข์ได้ด้วยความเพียร ให้เตือนใจของเราว่า “เราได้ทำความเพียรเหมือนพระอรหันต์องค์นั้นหรือไม่ ถ้ายังไม่ถึงก็เอาให้มันถึง ไม่ถึงให้มันตายเสียดีกว่า มารอกินข้าวสุกทุกวัน ใจขี้เกียจ ใจขี้คร้าน ใจขี้หลับขี้นอน ใช้ไม่ได้ ให้ตื่นขึ้นลุกขึ้น...”


                                                                                        ...................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=40363

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้