ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
วีถีพราน (โป่งนายสอ)
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 3270
ตอบกลับ: 3
วีถีพราน (โป่งนายสอ)
[คัดลอกลิงก์]
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-10-4 17:09
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
‘วิถีพราน’ โดย สิญจน์ สวรรค์เสก
นายสอปีนขึ้นห้างบนต้นไม้กลางโป่งอย่างคล่องแคล่ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามานั่งห้างที่โป่งนี้ ทีแรกเขาคิดว่าจะขัดห้างใหม่ตรงง่ามไม้ใหญ่ที่ต่ำกว่าเดิม แต่ประสบการณ์อันช่ำชองบอกเขาว่า ต่ำเกินไป เพราะหากมีลมโชยมาอาจทำให้สัตว์ป่าที่ซุ่มอยู่ริมโป่งได้กลิ่นคน แล้วไม่ยอมลงโป่ง ซึ่งมันไม่คุ้มที่จะแลกกับความสบายเลย
เมื่อขึ้นไปถึงห้างซึ่งอยู่เกือบจะถึงยอดไม้ นายสอก็มองสำรวจบริเวณโป่ง โป่งแห่งนี้เป็นโป่งใหญ่ที่สุดในป่าห้วยขาแข้ง กินอาณาบริเวณเกือบหนึ่งไร่ มีน้ำขังกลางโป่งเป็นปลักๆ และมีรอยควายป่าลงไปนอนทุกปลัก รอบโป่งยืนล้อมด้วยป่าทึบ ในโป่งไม่มีต้นไม้อื่นอีกเลย มีเพียงต้นไม้สองต้นบนเนินดินกลางโป่ง หนึ่งในนั้นเป็นต้นที่เขาขึ้นนั่งห้างนี้เอง
ช่วงบ่ายตอนเดินทางมาถึงที่นี่ นายสอได้เดินสำรวจป่าแถบนี้ เขาเห็นรอยเท้าช้าง เสือ กระทิง ควายป่าและสัตว์ต่างๆ มากมาย อันแสดงว่าช่วงนี้สัตว์ลงโป่งเยอะ การมองแล้วจำแนกรอยเท้าสัตว์ของนายสอชำนาญพอๆ กับการแยกแยะผักสวนครัวของแม่บ้าน
ตามวิถีพรานผู้เจนไพรในการล่า นายสอจะเดินเข้าโป่งตรงป่าทึบ หลีกเลี่ยงการเดินตามทางของพวกสัตว์ เพราะกลัวว่าจะทิ้งกลิ่นเอาไว้ ถ้าหากสัตว์เกิดผิดกลิ่นจะไม่ยอมลงกินโป่ง โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ยิ่งมีจมูกที่ไวต่อการดมกลิ่น มันเป็นสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของสัตว์ป่า แต่ไม่ลึกซึ้งแหลมคมเท่าเลศเล่ห์ในการล่าของนายสอ
ในชีวิตพรานนี้ นายสอจะล้มเฉพาะสัตว์ใหญ่จำพวกกวาง กระทิง ควายป่าและช้างที่มีงางามๆ แม้เสือโคร่งเขาก็เคยยิงมาแล้วหลายตัว ไม่ใช่เอาเนื้อหากแต่ถลกเอาหนังกับหัวของมันเท่านั้น
ความที่เป็นพรานมือฉกาจและชอบล่าสัตว์คนเดียว ทำให้กิตติศัพท์ของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่ว ไม่เฉพาะหมู่บ้านริมป่าแถวสุพรรณบุรี แม้นายพรานแถวอุทัยธานีก็รู้จักเขา พรานหนุ่มๆ ต่างยกย่องชื่นชมในความกล้า แต่พรานอาวุโสต่างรู้สึกกลัว เกรงว่านายสอจะพลาดท่าเสียทีให้พงไพร ซึ่งมันไม่ใช่เฉพาะแค่สัตว์ร้ายแต่รวมถึงอาถรรพ์ของป่าดิบด้วย
ในเรื่องอาถรรพ์ของป่าดิบนี้ เคยมีพรานหลายคนที่พลาดท่าในขณะมานั่งโป่ง บางคนว่ามีเพื่อนมาเรียกให้ลงไปเพราะเมียท้องแก่ที่บ้านจะคลอดลูก พอไต่ลงถึงดินเพื่อนคนนั้นกลับกลายเป็นเสือลายพาดกลอน แล้วตะปบกินนายพรานคนนั้น บางคนก็เห็นเป็นงูเลื้อยเข้ามาจะฉกจึงคว้ามีดฟัน แต่กลายเป็นว่าฟันเชือกที่มัดนั่งร้านตกมาตาย
แม้จะได้รับคำเตือนอยู่ตลอดแต่นายสอก็ไม่ฟัง กลับคุยข่มเสียอีกว่า...
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-10-4 17:10
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตนเคยมานั่งห้างที่นี่หลายครั้งแล้ว ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว หนำซ้ำยังล่าสัตว์ใหญ่ได้ทุกครั้ง และอีกอย่างตนก็มีคาถาอาคมพอที่จะเอาตัวรอดได้ก่อนค่ำ นายสอล้วงข้าวห่อใบตองออกมากิน เสียงสายลมรูดระนาดใบไม้เป็นระรอก ผสานกับเสียงกระแสน้ำเชี่ยวชนแก่งมาจากห้วย ประดุจดั่งดุริยางค์ธรรมชาติขับกล่อมให้เจริญอาหาร ห่างไปไม่ไกลนักมีนกยูงคู่หนึ่งกรีดร้องขณะโผบินขึ้นเกาะคอนบนยอดตะเคียน นายสอเปิบข้าวเข้าปากพลางมองดูมัน เขาไม่ยิงนกชนิดนี้แม้มันจะตัวใหญ่ และมีเนื้ออันไม่ด้อยกว่าสัตว์ปีกชนิดใด เหตุผลเพราะมันมีขนสวยช่วยสร้างสีสันให้ป่าดิบ เขาเคยยิงมันครั้งหนึ่งด้วยความคะนองปาก แล้วรสชาติจากเนื้อของมันก็ไม่ทำให้ลิ้นของเขาผิดหวัง
พอกินข้าวเสร็จเขามวนยาฉุนด้วยใบตองแห้ง บรรจงจุดดูดอย่างสบายอารมณ์ สำหรับชีวิตพรานป่าแล้ว ยาฉุนเป็นอะไรได้หลายอย่าง เป็นยาห้ามเลือดหากเกิดแผล ใช้ชุบน้ำหมาดๆ ทาขาขณะเดินฝ่าดงทาก ปลิงบกพวกนี้เกลียดกลิ่นยาฉุนพอๆ กับผีกลัวใบหนาด และประการสุดท้าย ยาฉุนมันช่วยให้การนั่งรอสัตว์ลงกินดินโป่งของเขา ผ่านไปแบบไม่เปลี่ยวเหงาและเหน็บหนาวเกินไปนัก
ตกดึก สายลมอ่อนโยกห้างบนยอดไม้เบาๆ นายสอนั่งรอในความเงียบ มันเงียบมากเสียจนได้ยินเสียงความดีกับความเลวในตัวเองทะเลาะกัน
ความดีพร่ำบอกนายสอว่า “การที่เราทำแบบนี้มันเป็นบาป เราควรเลิกชีวิตนายพรานเสีย จะได้อยู่บ้านกับลูกเมียไม่ต้องมานั่งทรมานทั้งคืนอย่างนี้”
ความเลวกลับบอกว่า “การล่าสัตว์เช่นนี้นั้นถูกต้องดีแล้ว เพราะชีวิตป่าจะอยู่ได้ด้วยการล่า ทั้งสัตว์ฆ่าสัตว์เองและคนฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร”
“แต่เราล่าสัตว์เพื่อขายนี่ ไม่ใช่ล่าแค่เพื่อกิน” เสียงความดีสวนกลับ
“ก็เรามีทั้งลูกและเมียที่ต้องดูแลเรื่องปากท้องและความเป็นอยู่ มันเป็นความจำเป็นที่ต้องทำ การมีชีวิตในป่าแบบนี้ นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการหาเงิน เพราะการขายงาช้างสักคู่หรือหัวกวางสวยๆ สักหัว นั่นหมายถึงเงินก้อนใหญ่สำหรับใช้ในครอบครัว” ด้านมืดภายในใจก็เถียงไม่ถอย
เสียงโครมครามแหวกป่าลงโป่งทางทิศตะวันตกดึงวิญญาณพรานของนายสอกลับมา เขารัดไฟส่องสัตว์ใส่หน้าผาก แหงนหน้าขึ้นฟ้าก่อนเปิดสวิตซ์ไฟฉาย แล้วค่อยๆ ลากแสงไฟต่ำลงมาตรงบริเวณเสียงดังเมื่อครู่ วิธีฉายไฟเช่นนี้จะไม่ทำให้สัตว์ตกใจ เป็นหนึ่งในศาสตร์ของนายพรานซึ่งเขาเรียนรู้มาจากพ่อตั้งแต่เด็ก
สัตว์ที่ลงมาคือหมูป่าฝูงใหญ่ที่ทยอยเดินลงมาทีละตัวจนกระทั่งตัวสุดท้ายซึ่งดูเหมือนจะเป็นจ่าฝูง ตัวมันใหญ่มากและมีเขี้ยวยาวโค้ง มันเดินอย่างสุขุมและเคลื่อนไหวอย่างเจนจัดเหมือนจะคอยระวังภัยให้ตัวมันเองและลูกฝูงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดี มันจึงปลีกตัวไปยืนกินดินโป่งอยู่ตัวเดียว ถัดจากนั้นไปมีสมเสร็จตัวหนึ่งก้มกินน้ำอย่างกระหาย
“กินให้สบายเถอะข้าไม่ยิงพวกเอ็งหรอก” นายสอพูดกับสัตว์เหล่านั้นเบาๆ ไม่ใช่เพราะสงสารพวกมันแต่เนื้อมันน้อยและราคาถูก ไม่คุ้มที่จะยิงต่างหาก
หมูฝูงนั้นแทะดินโป่งอยู่นานแล้วทยอยเดินขึ้นจากโป่งไปจนหมด
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-10-4 17:10
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2014-10-4 17:11
ยิ่งดึกสายลมอ่อนยิ่งทวีความคม มันหอบเอาความเหน็บหนาวอันบางเบามากรีดทะลุเสื้อผ้า ชำแรกลงในผิวกาย กระทั่งคว้านใจให้สั่นสะท้าน
“เอ นี่ก็ดึกมากแล้วนี่นา ทำไมไอ้พวกตัวใหญ่ๆ ยังไม่ลงมาอีก” นายสอหล่นลงในห้วงคำนึงขณะแหงนดูดาวโจรที่เริ่มโผล่พ้นยอดไม้ทางทิศตะวันตก ดาวชนิดนี้จะขึ้นประมาณตี 2 อันเป็นเวลาที่เงียบสงัดที่สุดในค่ำคืน และเป็นเวลาที่สัตว์ใหญ่มักลงกินดินโป่ง แต่รอบบริเวณโป่งยังเงียบเชียบเหมือนเดิม มีแต่เสียงหยดน้ำค้างทะเลาะกับใบไม้ดังเปาะแปะเท่านั้น
พลันนั้นนายสอได้ยินเสียงดุนดินดังมาจากริมโป่งทางทิศใต้ เสียงมันเบาเกินไปไม่สามารถจุดความสนใจให้เขาได้ แต่เสียงนั้นยังดังอยู่ไม่หยุด ด้วยความรำคาญปนความสงสัยเขาจึงสาดแสงไฟลงไปดู เขาเห็นตาสัตว์สีแดงสองดวงก้มกินดินโป่งอยู่ คำนวณจากความห่างของดวงตาแสดงว่าต้องเป็นสัตว์ใหญ่ เมื่อเพ่งมองดีๆ จึงรู้ว่าเป็นกระทิงโทน
“กูว่าแล้วไม่ควายป่าก็กระทิง” นายสอพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะปลดปืนแก๊ปคู่ชีพออกจากไหล่ ภายในบรรจุดินปืนเต็มอัตราพร้อมที่จะถีบลูกตะกั่วเม็ดเท่านิ้วมือออกมาทุกเมื่อ อัตราแรงขับของดินปืนและหัวกระสุนขนาดนี้อย่าว่าแต่กระทิงเลย แม้แต่ช้างก็ล้มได้สบาย
พอกระทิงตัวนั้นเข้าทางปืน นายสอง้างนกปืนบรรจุแก๊ป แล้วบรรจงเหนี่ยวไกในโกร่งปืนอย่างใจเย็น
ประกายไฟวาบจากปากกระบอกปืนพร้อมกับเสียงกัมปนาทก้องขุนเขาดังสะท้านสะเทือนป่า กระทิงเถื่อนตัวนั้นทรุดลงทันที มันไม่ตายเสียทีเดียว เพราะนายสอไม่ได้ยิงแสกหน้ามัน เพราะจากหากตัดหัวของมันขายในสภาพสมบูรณ์จะได้ราคาดี เขาจึงเล็งยิงเจาะเข้าซอกคอหมายตัดขั้วหัวใจแทน
แต่…เขาพลาด!
นายสอบรรจุกระสุนใส่รังเพลิงใหม่หมายยิงซ้ำ ครั้นเห็นมันแน่นิ่งไปเหลือเพียงลมหายใจอันรวยรินจึงไม่ยิง เขาให้รางวัลตัวเองด้วยยาฉุนมวนใบตองแห้งกับแหงนดูเดือนเสี้ยวที่เกี่ยวอยู่ริมฟ้า แล้วจินตนาการวางแผนชำแหละกระทิงตัวนั้น
รุ่งเช้า เขาปีนลงจากห้างแล้วเดินตรงไปดูกระทิงตัวนั้น มันนอนจมกองเลือดลืมตาโพลงเหมือนไม่ยอมรับความตายแบบไม่รู้ตัวที่นายสอยัดเยียดให้
หรือนี่ก็คือชีวิต มันคงมีความรู้สึกไม่ต่างจากคนเราเหมือนกัน
นายสอสังเกตเห็นว่ามันยังไม่ตายดี แต่ประสบการณ์อันเชี่ยวชาญบอกว่าไม่จำเป็นต้องยิงซ้ำให้เปลืองกระสุน ใช้แค่มีดอีเหน็บจัดการกับมันก็พอ
พลัน! วินาทีแห่งความหฤหรรษ์ก็พลิกผันเป็นความหฤโหด เมื่อกระทิงตัวนั้นรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายพุ่งขึ้นมาจากกองเลือด ใช้เขาอันแหลมคมขวิดเข้าท้องของนายสออย่างจัง นายสอสะดุ้งเฮือกถอยหลังตาเหลือกถลนดูไส้ที่ทะลักออกมา มันคงเป็นภาพสุดท้ายที่เขาบันทึกลงในวิญญาณ ก่อนเดินทางไปสู่ที่ชอบในนรก
เหมือนยังไม่สมแค้น กระทิงตัวนั้นพยายามกระเสือกกระสนคลานเข้ามาหมายขวิดซ้ำ แต่ก็ล้าเรี่ยวแรงเต็มทน จึงฟุบตายคาร่างนายสอตรงนั้นเอง เป็นการปิดฉากชีวิตพรานผู้เจนไพรด้วยเขากระทิงโทน
ว่าไปแล้วมันเป็นกติกาป่าในการล่า เพราะฝ่ายที่ถูกล่าก็มีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวเหมือนกัน บ่อยครั้งที่นายพรานผู้ล่าต้องมาจบชีวิตด้วยปลายเขาหรือคมเขี้ยวของผู้ถูกล่า ซึ่งล้วนเกิดขึ้นจากความประมาทของการดำเนินชีวิต
การใช้ชีวิตนั้นจะหวังพึ่งแต่ประสบการณ์เก่าไม่ได้ เพราะสถานการณ์ใหม่พร้อมจะเกิดได้ทุกเมื่อโดยที่เราไม่ทันระวังตัว ซึ่งมันจะเป็นทั้งบทเรียนและบทลงโทษ
ทว่าบทลงโทษอย่างรุนแรงของพงไพรในครั้งนี้ ทำให้นายสอหมดโอกาสที่จะได้รับบทเรียนอีกแล้ว สิ่งที่เหลือคือทิ้งไว้แต่ชื่อคาโป่ง ซึ่งชาวบ้านเรียกจะโป่งใหญ่แห่งนี้ว่า “โป่งนายสอ” คู่กับป่าห้วยขาแข้งมาตราบเท่าทุกวันนี้
.
http://bysoul.wordpress.com
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
รามเทพ
รามเทพ
ออฟไลน์
เครดิต
8083
4
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-10-4 17:14
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โป่งนายสอ
หมูป่านอนในปลักบริเวณโป่งนายสอ
ลำห้วยขาแข้งบริเวณโป่งนายสอ
บริเวณโป่งนายสอ
ผู้เขียนบังเอิญจับภาพกวางที่ลงมากินน้ำได้
เป็นซากกวางที่เสือกัดกินแล้วทิ้งไว้
หัวกระทิง
แอ่งน้ำกว้างใต้น้ำตกห้วยขาแข้ง
ลำห้วยขาแข้ง
ซากสัตว์ป่าที่มีอยู่มากมายตลอดลำห้วยขาแข้ง
http://www.tongpa.9f.com/pntoong5.htm
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...