ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5614
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

สัมผัสพิเศษ

[คัดลอกลิงก์]
ประสบการณ์เร้นลับทางจิต ซึ่งเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอาจเกิดขึ้นกับผู้ที่มีสัมผัสพิเศษบางคน ผู้มีประสบการณ์ทางจิตหลายท่านเคยมีสัมผัสที่เรียกว่า "ซิกเซ้นส์" โดยไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมถึงรู้และมองเห็นอะไรล่วงหน้า ทำไมถึงสัมผัสกับคลื่นวิญญาณในต่างภพภูมิได้ เรื่องนี้ผู้รู้หลายท่านให้คำตอบตรงกันว่า เป็นเพราะบุคคลผู้นี้มี "ของเก่า" หรือของเดิม ซึ่งเป็น "ญาณทิพย์" อันเกิดจากบุญบารมีที่เคยปฏิบัติทางด้านศีล สมาธิ และภาวนามาแต่อดีตชาติ

คุณช่อแก้ว ช่วยบำรุง ผู้อำนวยการบริหารท่านหนึ่งของบริษัทพรูเด็นชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีประสบการณ์พิเศษ ในเรื่องของซิกเซ้นส์มาตั้งแต่วัยเด็ก เธอมักรู้และเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ได้ล่วงหน้า หรือได้ยินคำสนทนาของผู้อื่นทั้งๆที่อยู่ไกลกัน และที่สำคัญเธอมักสัมผัสกับ "วิญญาณ" หรือ "เห็นผี" ในรูปแบบต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่จำความได้ และยังคงต่อเนื่องจนปัจจุบัน

"คือเรื่องนี้มันมีติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆน่ะค่ะ เริ่มเห็นครั้งแรกที่จำความได้ประมาณ 4-5 ขวบ ตั้งแต่พี่เรียนชั้นประถม จำได้ว่าตอนนั้นไปเรียนหนังสือก็เห็นผีริมโรงเรียน มันเป็นโครงกระดูก มีน้ำเหลืองเฟอะๆ เละๆ เห็นครั้งแรกกลัวมาก นอนไม่หลับ เสร็จแล้วก็เห็นอะไรแปลกๆมาเรื่อยๆ ตอนนั้นคุณพ่อ คุณแม่ก็คิดว่าเราเพ้อเจ้อ และก็ตอนที่กลัวมากคือที่บ้านเนี่ยมีสวน เวลากลางคืนจะต้องมาเฝ้าทุเรียนหล่น เฝ้าค้างคาวไม่ให้กินเงาะ ก็ไปทำกระท่อมเล็กๆในสวน คอยชักกระดึงหรือที่ทางใต้เขาเรียก 'โหลกโค่ก' ตอนนอนน่ะเห็นหมดเลย เห็นวิญญาณ เห็นผีมาเดินแซ่กๆๆ ลืมตาก็ยังเห็น ปากโบ๋ๆ หนังเฟอะๆ ตาแดงเป็นไฟก็มี พวกนี้เป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แถวนั้น หรืออย่าง 'ผีกระสือ' ก็เคยเห็นนะคะ สมัยก่อน
กระสือมันไม่มีไส้นะ มันเป็นดวงไฟ พี่จำได้ว่ามียายคนนึงชื่อว่า 'ยายไพ' บ้านยายไพจะอยู่ใกล้ๆบ้านคุณปู่พี่ แล้วกลางวันแกจะหลับทั้งวันเลย พอกลางคืนแกก็จะออกมาจากร่าง เป็นดวงไฟ แล้วสมัยก่อนมันจะมีหนังตะลุง หนังกลางแปลง พี่ก็จะเห็นดวงไฟลอยออกมาจากบ้านยายไพ ดวงไฟดวงนี้มันจะกลมๆเท่าบาตรพระได้ พอเห็นก็นึกว่าหิ่งห้อย แต่แหม! ตัวใหญ่นะ ตอนนั้นก็มีพี่สาว มีเพื่อนที่ไปด้วย แล้วดวงไฟนี้มันก็ไปเลียผ้าถุงคนที่คลอดลูกใหม่ๆ เหม็นน้ำคาวปลา สมัยโบราณมันไม่มีผ้าอนามัย เขาใช้ผ้าเตี่ยว เสร็จแล้วมันก็กลับเข้าไปในบ้านยายไพ หลังจากนั้นพี่ก็เห็นอีกคือเห็นผีที่อยู่ในทุ่งนา ที่รู้เพราะแม่เคยบอกว่าผีจะไม่มีตัวตน หน้ามันจะไม่เหมือนคน หน้าตาน่ากลัว ตาโบ๋ๆ 'ผีต้นตาล' ก็เคยเห็น เห็นเป็นตัวยาวๆ มีหัวสูงเท่าต้นตาล ตอนนั้นไม่รู้ว่าคือ 'เปรต' ตอนหลังถึงรู้
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-26 22:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การมองเห็น "วิญญาณ" ด้วยตาเนื้อของคุณช่อแก้ว สร้างความประหลาดใจให้กับคนใกล้ชิดในวัยเด็กอยู่ไม่น้อย และนับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นคือรู้แม้กระทั่งว่า ใครกำลังทำอะไร ที่ไหน หรือรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
"คือสมัยก่อนนาฬิกาไม่มี เขาใช้มองชายคาเงาบ้านว่าเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ วันนึงจู่ๆพี่ก็พูดขึ้นว่า 'เดี๋ยวคืนนี้พ่อจะกลับมานะ' คือคุณพ่อพี่เป็นตำรวจชายแดน แม่ก็บอก 'รู้ได้ยังไง' แล้วคืนนั้นพ่อก็กลับมาจากชายแดนจริงๆ สิ่งที่พูดหลายๆเรื่องมันเป็นจริงหมด คนก็เริ่ม เอ๊ะ! มันยังไง แล้วยังรู้เรื่องคนจะตายด้วย รู้ล่วงหน้าว่าเอ๊ย...ลุงคนนี้เดี๋ยวจะตายนะ ก็เห็นลุงคนนี้ตายจริงๆ ที่สำคัญคือรู้เรื่องของคุณอา น้องของคุณพ่อ ขณะที่พี่อยู่ในสวนกำลังขึ้นต้นมังคุด ก็เห็นภาพของคุณอากำลังทะเลาะกับผู้หญิงที่บ้านเขา หูได้ยินตลอดแล้วรู้ว่าเดี๋ยวคุณอากินยาตายแน่เลย ก็รีบวิ่งไปเห็นจริงๆ คุณอากำลังทะเลาะกับแฟน และกำลังกินยาตายต่อหน้า ชักดิ้นน้ำลายฟูมปาก ปากคอนี่ไหม้หมดเลย ตอนนั้นโรงพยาบาลก็อยู่ไกลมากแล้วก็มีอีกเหตุการณ์นึงที่น้องเขาตกน้ำ ตอนนั้นน้ำท่วมชุมพรก็เห็นภาพว่าน้องจะตก ก็รีบวิ่งมา น้องกำลังตกน้ำจริงๆ มันเป็นภาพขึ้นมาในนิมิต เห็นจากตาเปล่า แต่ว่าตอนนั้นมันยังไม่ค่อยชัดเจนเหมือนตอนหลัง"

ปาฏิหาริย์ในเรื่องเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในวัยเด็กของคุณช่อแก้ว ส่วนหนึ่งเธอเชื่อว่าเกิดขึ้นจากวาจาศักดิ์สิทธิ์ของ "หลวงพ่อคล้าย" เกจิชื่อดังทางใต้ที่คุณแม่เคยพาไปให้ท่านเจิมยันต์ตรงหน้าผากให้ และท่านได้ให้พรให้เธอ "เป็นคนพิเศษที่ไม่เหมือนใคร" และนอกจากนี้จาก "ประสบการณ์เฉียดตาย" เมื่อครั้งยังเยาว์เหตุการณ์นั้นทำให้เธอได้พบกับ "ภพภูมิ" หนึ่งในภาวะที่จวนเจียนจะไป ซึ่งเมื่อผ่านพ้นมาได้ กลับยิ่งเพิ่มเหตุมหัศจรรย์ให้กับชีวิตคุณช่อแก้วมากยิ่งขึ้น

"สมัยนั้นพี่เรียนหนังสือที่หลังสวน จ.ชุมพร ที่วัดบางลำพู เรียนอยู่ชั้น ป.4 นักเรียนทั้งหมดมี 11 คน ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 9 คน พี่อายุประมาณ 10 ขวบ แต่ตัวเล็กกว่าเพื่อนก็ไม่ถูกกับเพื่อนที่ตัวโตกว่าที่อยู่หัวแถว ไม่รู้อาฆาตอะไรกัน บ้านก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ วันนั้นสอบเสร็จจะจบ ป.4 แล้ว เพื่อนคนนี้ก็มาชวนไปว่ายน้ำ เราก็ไปนั่งเรือเล่นที่ท่าน้ำวัดบางลำพู พอนั่งปุ๊บเพื่อนก็ผลักเรือออกไปกลางน้ำ น้ำกำลังเชี่ยวกรากมาก เป็นเดือน 12 เรือมันก็เลยคว่ำ เสร็จแล้วเขาก็ยังเอาไม้ยาวๆมาตี พี่ก็ขึ้นไม่ได้แล้วก็ว่ายน้ำไม่เก่งด้วย ก็เลยจมขึ้นจมลงตั้งหลายเที่ยวก็ยังไม่มีใครมาช่วย พี่ก็จมลงไปแต่ความรู้สึกขณะอยู่ใต้บาดาลมันเหมือนพี่เดินลงไปเฉยๆ เดินลงไปๆ พี่ได้เห็นพญานาค ที่นั่นมีถ้ำและมีวังอยู่ใต้น้ำ พญานาคที่เห็น 2 ตัว ใหญ่มากมีเกล็ด ตามลำตัว และภายในถ้ำก็มีสมบัติเป็นแก้ว แหวน เงินทองเยอะแยะ แล้วเขาชวนอยู่แต่พี่บอกว่า 'อยู่ไม่ได้หรอก ยังเป็นห่วงคุณแม่' แล้วก็บอกเขาว่าจะกลับแล้วนะ ซึ่งช่วงเวลานั้นคุณลุงมาพอดีมาช่วยพี่ตอนที่หมดสติ คุณลุงเอาตัวขึ้นมาตอนนั้น เขาบอกว่าตัวเขียวหมดแล้ว เพราะลงไปประมาณ 3 ชั่วโมง จนเขาบอกว่าตายแล้วเพราะกว่าจะไปตามคุณลุงบ้านนอกเราไม่มีจักรยาน ไม่มีโทรศัพท์ คุณลุงจับขึ้นมาก็เล็บเขียว ตัวเขียวหมด ทรายอยู่ในจมูกเต็มเลย เขาก็เอามาพาดบ่ากระแทกๆ วิ่งรอบวัดจนสำรอกน้ำและทรายออกมา พอฟื้นขึ้นมาพี่ก็จะจำเรื่องราวตรงนี้ได้จนป่านนี้ และหลังจากนั้นก็จะยิ่งเห็นอะไรแปลกๆ มากขึ้น ชัดเจนขึ้น
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-26 22:02 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"ยิ่งเวลาไปวัดหรือไปงานศพก็จะเห็นวิญญาณ แล้วจะรู้ว่าเขาจะได้ไปเกิดหรือเขาต้องทรมาน แล้วถ้าเราอยากจะรู้เรื่องเขา เราไปเพ่งที่ศพก็จะสื่อได้คือเขาจะมาบอกเล่ากับพี่เอง หรือบางงานก็จะเห็นยมทูตมารอเลย มีอยู่ศพนึงคนนี้โดนยิงตาย พี่ก็ได้เห็นยมทูตตัวใหญ่มากมารอเก็บวิญญาณคนๆนี้ในงานศพของเขา วิญญาณเขาก็ยังมาสื่อกับพี่ว่าความจริงเขายังไม่อยากตาย ยังห่วงลูก เขายังไม่อยากไป และเขายังบอกหมดว่าใครยิงเขาตาย ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน เพียงแต่เราบอกใครไม่ได้ และในเรื่องที่เห็นผี บางทีก็เห็นเป็นรูปร่าง บางทีก็เลือนราง บางทีก็ได้เห็นความทุกข์ทรมานของเขา อย่างไปที่ฝังศพของคนจีนบางคนก็ยังอยู่ตรงนั้น ทั้งร่างและวิญญาณ และก็เคยเห็นบางคนไปไหว้ฮวงซุ้ยเฉยๆ มีแต่ดินกับโครงกระดูกไม่มีวิญญาณเพราะเขาไปแล้ว ซึ่งการตายแล้วไปไหนแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะไปเกิด โดยอาจเป็นสัตว์หรือเป็นมนุษย์"


ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.yingthai-mag.com/
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-26 22:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วิธีการฝึกฝนซิกเซ้นส์ ลางสังหรณ์ของตัวเองให้แม่นยำยิ่งขึ้น / Anna
                  หวัดดีค่ะทุกๆท่าน วันนี้แอนไม่ได้มาเขียนความหมายของไพ่ใบที่ 21 หรอกนะคะ แต่แอนอยากจะมาเขียนเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนซิกเซ็นส์ ลางสังหรณ์ของตัวเองให้แม่นยำยิ่งขึ้น อยากรู้มั้ยคะว่าทำไมต้องฝึกสิ่งเหล่านี้? เพราะแอนคิดว่าการที่เรามีซิกเซ้นส์ หรือ ลางสังหรณ์ที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆในการใช้ไพ่ทาโรต์ในการทำนายเรื่องราวต่างๆ เพราะถ้าลางสังหรณ์ของเราไม่ค่อยจะดี ก็คงใช้ไพ่ทาโรต์ทำนายได้อยู่เหมือนกันล่ะค่ะ แต่อาจจะไม่ดีและแม่นยำเท่าคนที่เค้ามีเซ้นส์แรงกว่า ตรงนั้นจะทำให้เค้าได้เปรียบกว่าเรา แอนคิดว่าอย่างนั้นนะคะ แต่ของอย่างนี้เราสามารถฝึกฝนกันได้ค่ะ :)
                ในเรื่องของซิกเซ้นส์เนี่ยแอนนำมาใช้ในการอ่านไพ่มากพอสมควรเลยทีเดียว ทุกๆครั้งเลยก็ว่าได้ ตัวอย่างเช่น เวลาแอนเห็นหน้าไพ่แต่ละใบแล้วแอนรู้สึกอย่างไร พอรู้สึกแล้วแอนแปลความหมายออกมาอย่างไรในแว๊บแรก ตรงนี้ล่ะค่ะที่สำคัญ บางทีไพ่ใบหนึ่งความหมายในตำราก็จะเป็นอย่างหนึ่ง แต่พอแอนเห็นแล้วมันให้ความรู้สึกไปอีกอย่างหนึ่งที่ขัดกับตำรา ตรงนี้เลยทำให้บางทีงงๆ แต่แอนก็เลือกเชื่อความรู้สึกในแว๊บแรกของตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะความรู้สึก " พิเศษ" หรือที่แอนเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เสียงพิเศษข้างใน" ของเรานั้นมักไม่โกหกเราหรอกค่ะ มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าเราจะพยายามสัมผัสและสื่อสารกับเค้าบ้างมั้ย? เราพยายามฟังเค้าบ้างหรือเปล่า? อาจจะรู้สึกยากในการสื่อสารในตอนแรกๆ ด้วยความที่เสียงนี้เป็นเสียงที่ไม่มีคำพูด เป็นเสียงที่หูปกติของเราไม่ได้ยิน แต่เป็นเสียงที่ต้องใช้จิตสัมผัสเท่านั้น เลยต้องใช้ความพยายามในการฟังให้มากเป็นปกติ และแอนเห็นว่าเสียงพิเศษนี้เป็น "เสียงเงียบแต่มีพลัง" ฉะนั้นเวลาเราจะฟังเราก็ต้อง "เงียบ" ตามไปด้วยเพื่อให้ได้ยินเค้า  
                 บางทีแอนเห็นไพ่ใบหนึ่งรวมกับไพ่ใบอื่นๆ แล้วแอนก็รู้สึกไปอีกแบบหนึ่งซึ่งขัดแย้งไปจากที่แอนเรียนรู้มาหรือคาดการณ์เอาไว้ว่าใบนี้เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ หรือรวมกับใบนั้นจะต้องหมายความว่าอย่างนี้อย่างงั้น แต่แอนดันมารู้สึกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมันดูขัดๆกัน แต่สุดท้ายแอนก็เลือกเชื่อเซ้นส์ของตัวเองไว้ก่อน แล้วแอนก็ทายออกไปตามที่แอนรู้สึกนั่นล่ะค่ะ ผลที่ออกมาก็ค่อนข้างตรงดีนะคะ
                 ในวินาทีที่จิตของเราสัมผัสได้ถึง "เสียงพิเศษข้างใน" ตรงนี้ล่ะค่ะที่แอนคิดว่าเป็นนาทีสำคัญ เป็น" นาทีทอง" ที่เราจะได้คำตอบหรือข้อมูลที่ "แท้จริง" จากเสียงพิเศษที่พยายามจะบอกอะไรกับเรา
แต่อย่างที่แอนเกริ่นๆไว้ล่ะค่ะว่าคุณจะจับความรู้สึก "พิเศษ" นั้นได้มั้ย และเมื่อสัมผัสความรู้สึกพิเศษนั่นได้แล้ว คุณจะฟังเค้าหรือเปล่า สำหรับแอนๆเชื่อในเสียงพิเศษนี้มากๆค่ะ  ( แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่วิจารณะญานของตัวผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะว่า "จะเลือกเชื่ออย่างไร" และ " จะไช้วิธีการใดเวลาที่ต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่งในสถานะการณ์สำคัญๆ ไม่ต้องเลือกเชื่อแอนก็ได้ค่ะ เพราะมนุษย์เราแต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่ค่อนข้างแตกต่างกัน มีวิธีการจัดการ และตัดสินใจกระทำสิ่งต่างๆ ทื่หลายต่อหลายครั้งค่อนข้างแตกต่างกันอยู่แล้ว)
                 นอกจากเราจะสามารถฝึกฝนเซ้นส์ หรือ ลางสังหรณ์ของเรากับไพ่ทาโรต่แล้ว เราสามารถจะฝึกกับอย่างอื่นได้อีกหรือไม่? ได้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตัวเราตกอยู่ในสถานะการณ์สำคัญๆ และตัวเรามีความจำเป็นต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างในสถานะการณ์นั้นๆ ตรงนี้คุณก็ลองใช้วิธีเหมือนกับที่คุณฝึกกับไพ่ทาโรต์นั่นแหล่ะค่ะ คือ "ใจเย็นๆ มีสติ และทำใจให้สบายและผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด
               อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจทำอะไรลงไปในขณะที่คุณกำลังตื่นเต้น หรือรู้สึกประหม่า รอจนคุณรู้สึกว่าจิตของคุณคลายความตื่นเต้นลงไปเยอะแล้ว รู้สึกว่าจิตใจผ่อนคลายดีแล้ว จากนั้นก็ให้ลองจับความรู้สึกแว๊บแรกที่คุณสัมผัสได้ต่อสถานะการณ์ตรงหน้าให้แม่นๆว่า " เรารู้สึกอย่างไร" หรือ " เราสัมผัสอะไรได้บ้างเมื่อเรารู้สึกผ่อนคลาย" พอจิตของเรารับรู้ถึงความรู้สึกนั้นๆแล้ว เราก็มาตัดสินใจทำในสิ่งที่เราคิดจะทำตามที่สัมผัสพิเศษของเราบอก
               หลังจากนั้นเราก็มาติดตามดูผล ว่าผลลัพท์ที่ออกมานั้นตรงกับสิ่งที่เรารู้สึกในตอนแรกหรือไม่? ถ้าตรงก็ดีไป นั่นแสดงว่าคุณสามารถ "สื่อ" กับเสียงข้างในได้ถูกต้อง แต่ถ้าไม่ตรงก็มาคิดต่อไปว่ามันไม่ตรงเพราะอะไร?
                แอนขอสรุปไว้ในช่วงสุดท้ายนี้แบบย่อๆเลยก็แล้วกันค่ะว่า การฝึกฝนลางสังหรณ์ของเราให้ทำงานดีขึ้น, แม่นยำยิ่งขึ้น และมีผลทำให้เราทำนายดวงชะตาด้วยไพ่ทาโรต์ได้เกิดประโยชน์มากขึ้นนั้น  เราสามารถฝึกได้ในชีวิตประจำวันของเรากับสถานะการณ์สำคัญๆต่างๆในทุกๆช่วงของชีวิตได้ทุกวันทุกเวลาเลยล่ะค่ะ สำคัญที่ขณะนั้น "จิตคุณต้องนิ่งพอ จิตมีความสบาย ผ่อนคลาย ไม่ประหม่า ไม่ตื่นเต้นจนเกินไป" ตรงนี้จะทำให้เราได้ยิน " เสียงพิเศษ" หรือที่แอนเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเสียงจาก "นางฟ้าประจำตัว" ของเรา ว่าเค้าต้องการจะบอกอะไรให้เราได้รับรู้ จะสื่ออะไรกับเรา ขอให้โชคดีทุกๆท่านนะคะ แอนไปก่อนล่ะน้า ฟิ้ววววว :)
ป้อมฝึกอยู่ ???
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-26 23:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ป่าวครับพี่
ในตัวยังสัมผัสยังรู้ทันตัวเองไม่หมดเลย จะไปสัมผัสข้างนอกอีกคงแย่ครับ TT
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้