แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-5-20 10:06
ขุนแผนส่องกระจก
ขุนแผนเมื่อรู้เรื่องนางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์พระไวยแล้ว ก็สั่งให้นางลาวทองอยู่เฝ้าเรือน แล้วตนกับนางแก้วกิริยา ออกเดินทางเข้ากรุง พอดีพระพิจิตรกับนางบุษบามาถึง จึงถามไถ่กันได้ความแล้ว จึงพากันไปเรือนพระไวย นางศรีมาลารู้ว่าพ่อแม่มา ก็ออกจากห้องมาพบกราบเท้าพ่อแม่ แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทั้งสองคนได้ฟังแล้วก็สงสารนางศรีมาลายิ่งนัก จึงได้ออกปากต่อว่าพระไวย พระไวยได้ฟังคำต่อว่าก็โกรธ กล่าวตอบว่า ตนมีเมียสองย่อมมีเรื่องก้ำเกินกันเป็นธรรมดา
...อันมีเมียสองก็ต้องห้าม | ตามคำโบราณท่านย่อมว่า | มันเกาะแกะเกินก้ำเป็นธรรมดา | ใช่ว่าจะไม่เลี้ยงให้เที่ยงธรรม | ศรีมาลาข้าก็ให้เป็นเมียหลวง | ข้าไททั้งปวงไม่เกินก้ำ | ถึงสร้อยฟ้าหล่อนก็ว่าอยู่ในคำ | ทั้งให้ถือน้ำทุกปีมา | เงินทองข้าวของเท่าใดใด | ก็มอบไว้ให้หมดทั้งเคหา... |
ขุนแผนทำกระจกมนตร์
ขุนแผนได้ฟังก็ให้สติว่า เหมือนนิทานเรื่องท้าวยศวิมล ที่มีมเหสีสองคน ที่เป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน แต่ยังทำกันได้ โดยนางจันทาทำเสน่ห์ จนนางจันท์เทวีถูกขับไล่ ตนเห็นหน้าพระไวยเป็นฝ้าเหมือนทาคราม ก็รู้ว่าพระไวยถูกทำเสน่ห์ยาแฝด ถ้าไม่เชื่อตนจะเสียคน นางสร้อยฟ้าได้ยินดังนั้นก็ร้อนตัว จึงพูดท้าว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ขอให้จับคนทำเสน่ห์มา ขุนแผนได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงให้ไปเอากระจกที่พระไวยส่องมา แล้วทำกระจกมนตร์
...ขุนแผนผินรับจับกระจก | พลางหยิบยกกระดานชะนวนใหญ่ | มาขีดเขียนเลขยันต์ในทันใด | แล้วลบผงลงใส่กระจกพลัน | โอมอ่านมนตร์ครบจบศีรษะ | ขอเดชะพระเวทวิเศษขยัน | ถ้าใครทำมนตร์ยาใจอาธรรม์ | จงปรากฏเห็นกันให้ทันตา | ก็เกิดเป็นรูปนิมิตติดกระจก | อกต่ออกอิงแอบเข้าแนบหน้า | ใบรักรัดกระสันกันสองรา | ขุนแผนฮาดังลั่นนั้นเป็นไร... |
พระไวยเห็นแล้วยังไม่ยอมเชื่อ แล้วยังพูดลำเลิกบุญคุณ ที่ตนได้ทำให้ตอนพ้นโทษ ขุนแผนได้ฟังก็โกรธยิ่งนัก เข้าไล่ตีพระไวย นางทองประศรีออกมาเข้าข้างพระไวย หาว่าขุนแผนเล่นกลให้ดู
...ทำไมกับเล่นกลให้คนดู | อ้ายแขกตรังกานูก็เล่นได้ | มันโยนลูกทองคลีเป็นสี่ใบ | อมฟืนอมไฟได้แดงแดง ฯ |
พระพิจิตรกับนางบุษบาก็ออกมาห้าม แล้วนางบุษบา ก็บอกพระไวย ขอพานางศรีมาลาไปอยู่สักหนึ่งปี เมื่อคลอดลูกแล้ว จึงค่อยกลับมา พระไวยก็พูดประชด ให้รีบขนของไปทันที ต่อเมื่อออกลูกมาได้ห้าคนจึงค่อยกลับ นางบุษบาได้ฟังก็ไม่พอใจ จึงว่าลูกสาวกระทบพระไวย พระไวยก็พูดแดกดันกลับมา ขุนแผนฟังอยู่ก็โกรธพระไวย ที่ไม่เคารพผู้ใหญ่
...เอ๊ะอ้ายไวยกระไรกล้าต่อหน้ากู | ข่มขู่ขยี้เล่นเป็นผักยำ | ชี้ข้ามหัวพ่อเป็นตอไม้ | แคะไค้ว่าเล่นไม่เป็นส่ำ | นับมึงไม่ได้อ้ายใจดำ | ถ้อยคำหยาบช้าสามานย์... |
ว่าแล้วก็จะเข้าทำร้ายพระไวยอีก นางทองประศรีก็เข้าห้าม และพูดเข้าข้างพระไวย พระไวยก็พูดทำนอง ท้าทายว่าไม่กลัวใครทั้งนั้น ขุนแผนโกรธมาก ประกาศตัดพ่อตัดลูกกัน
...คุณย่ายิ่งตามใจยิ่งได้ที่ | ตั้งแต่นี้ขาดกันจนวันตาย | ถ้ากูบรรลัยอย่าไปเผา | ถึงชีวิตออเจ้าจะสูญหาย | ผีมึงกูก็ไม่ไปกล้ำกราย | หมายแต่จะเอาชีวิตกัน... |
แล้วขุนแผนก็ทวงดาบฟ้าพื้นคืน แล้วพากันออกมาจากบ้านพระไวย พระพิจิตรกับนางบุษบาก็ฝากฝังนางศรีมาลาแก่ขุนแผน ขุนแผนก็รับรองแข็งขันว่าจะดูแลแก้ไขให้ ทั้งสองปลอบลูกแล้วจึงลงเรือกลับไปเมืองพิจิตร เมื่อทั้งสองคนกลับไปแล้ว ขุนแผนก็กลับขึ้นไปบ้านพระไวยอีก ท้าพระไวยให้มาสู้กัน แต่พระไวยหลบอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมา นางแก้วกิริยาปลอบขุนแผนให้คลายลง แล้วพากันออกจากบ้านพระไวยโดยมีศรีมาลาตามมาด้วย ขุนแผนก็ปลอบนางศรีมาลา พร้อมทั้งให้นางพรายทั้งสองอยู่รักษาป้องกันภัยให้ แล้วจึงเดินทางกลับเมืองกาญจนบุรี
|