ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2700
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระพุทธไสยาสน์ วัดถ้ำคูหา จ.สุราษฎร์ธานี

[คัดลอกลิงก์]


พระพุทธไสยาสน์
พระประธานในคูหาวิหาร วัดถ้ำคูหา
ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี


เขาคูหา เขาหินปูนที่มีโพรงถ้ำเสมือนพระวิหารในพระพุทธศาสนา มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า มีพรานป่ากลุ่มหนึ่งได้ไล่ติดตามฝูงโคป่าฝูงหนึ่ง จนฝูงโคกระเจิดกระเจิงไป มีโคตัวหนึ่งได้หนีหายเข้าไปในถ้ำบริเวณนั้น แต่เมื่อนายพรานติดตามเข้าไปค้นหาก็ไม่พบ พยายามเท่าไรก็ไม่เป็นผล จึงบนบานให้เทวดาดลบันดาลให้พบกับโคป่าตัวนั้น หลังจากนั้นได้ช่วยกันค้นหาอีก ก็พบโคตัวหนึ่งกำลังยืนนิ่ง ส่วนหัวจมอยู่ในหินเมื่อเข้าไปใกล้ก็จมลงไปจนเหลือเพียงท่อนหางเท่านั้น พวกพรานเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเทพเจ้าบันดาลให้เป็นไปเช่นนั้น จึงละจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และพร้อมใจกันสร้างวัดไว้ทางทิศตะวันออกของถ้ำ เนื่องจากถ้ำนี้เป็นถ้ำที่โคหายเข้าไปในถ้ำ จึงมีผู้เรียกว่า "ถ้ำโคหาย" แต่ต่อมาอาจจะด้วยสำเนียงพูดของคนท้องถิ่น จึงกลายมาเป็น "โคหา" จนเพี้ยนมาเป็น "คูหา" ในที่สุด

ตัวถ้ำและวัดถ้ำคูหาอยู่ทางทิศเหนือของภูเขา ห้องโถงใหญ่ของถ้ำคูหามีขนาดถ้ำยาวประมาณ 17 เมตร กว้าง 8 เมตร ปากถ้ำหันไปทางทิศตะวันออก ภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งมีทั้งพระพุทธรูปปูนปั้น พระพุทธรูปศิลาทราย และพระพุทธรูปดินดิบ ในปางต่างๆกัน พระพุทธรูปปางมารวิชัยและปางสมาธิประดิษฐานเรียงราย เป็นแถวชิดผนังถ้ำด้านทิศเหนือและทิศใต้ มีประมาณ 50 องค์ โดยมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางไสยยาสน์ ยาวประมาณ 8 เมตร ประดิษฐานไว้สุดผนังด้านในฝั่งตรงข้ามปากทางเข้าถ้ำ มีพระพุทธรูปดินดิบ เป็นพระพุทธรูปดินปั้นนูนสูง ประกอบด้วยภาพพระพุทธเจ้า และภาพเล่าเรื่องตามคัมภีร์ สัทธรรมปุณฑริกสูตรในพุทธศาสนามหายาน ปั้นปะติดบนผนังและเพดานถ้ำ เดิมมีผู้เล่าว่าภาพดินปั้นเหล่านี้มีเต็มตลอดเพดานถ้ำ แต่ได้หลุดร่วงไปเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเหลือภาพดินปั้นอยู่สองตำแหน่ง ได้แก่ บริเวณผนังและเพดานตรงปากทางเข้าถ้ำและบริเวณมุมซอกเพดานด้านตะวันออกเฉียงใต้ กรมศิลปกรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อ 3 มกราคม 2480

ถ้ำคูหานับได้ว่าเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องกันมานับพันปี ในระยะแรกคงเป็นพุทธสถานศาสนาลัทธิมหายาน โดยดูจากพระพุทธรูปดินดิบที่ปั้นประดับอยู่บนผนังและเพดานถ้ำด้านบน กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีชุมชนโบราณตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยในบริเวณลุ่มน้ำคลองท่าทองมาตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์ตอนต้นและคงมีการติดต่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับชุมชนภายนอก ในย่านชายฝั่งทะเลตั้งแต่อ่าวบ้านดอนไปถึงแหลมญวน อันเป็นอารยธรรมที่รุ่งเรืองในพื้นถิ่นลุ่มน้ำสำคัญต่างๆของไทยไล่ไปตั้งแต่ลุ่มน้ำหลวง ลุ่มเจ้าพระยา ไปจนถึงลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะเห็นได้จากศิลปกรรมของพระพุทธรูปดินดิบที่ถ้ำคูหาได้รับอิทธิพลศิลปจาม ในประเทศเวียดนาม ผสมผสานกับอิทธิพลศิลปทวารวดี ที่แผ่ขยายอยู่ในแถบตอนกลางของไทย ส่วนภาพปูนปั้นรูปซุ้มพญานาคและพระพุทธรูปนาคปรกปางมารวิชัย เป็นศิลปขอมมีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 17-18  ยังมีพระพุทธรูปปูนปั้นและพระพุทธรูปศิลาทรายที่สร้างตามศิลปกรรมแบบอยุธยา ที่บอกถึงเวลาสร้างว่าเป็นช่วงศตวรรษที่ 20 และก็พัฒนาต่อมาเป็นอารามตามสมัยปัจจุบัน

รูปเคารพในพุทธศาสนาที่ปรากฏในวัดถ้ำคูหา นอกจากมีความสำคัญในเชิงศิลปกรรมทางศาสนาแล้ว ยังเป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญให้ชนรุ่นหลังได้สืบค้นย้อนกาลเวลา เพื่อรู้จักรกรากชนพื้นถิ่นบรรพบุรุษของชาวกาญจนดิษฐ์ ที่เรารู้ว่าเป็นชุมชนโบราณที่มีวิวัฒนาการในย่านลุ่มน้ำคลองท่าทอง และมีอดีตยาวนานมาเป็นพันปี ร่วมสมัยกับแหล่งอารยธรรมอื่นในคาบสมุทรแห่งนี้ ที่มีการใช้ถ้ำเป็นศาสนสถาน ซึ่งจะเห็นได้จากพระพุทธไสยาสน์วัดคูหาแห่งนี้ คล้ายคลึงกับพระพุทธไสยาสน์ วัดคูหาภิมุข ที่จังหวัดยะลาเป็นวัดสมัยทวารวดีคาบเกี่ยวกับศรีวิชัยเช่นกัน

วัดถ้ำคูหามีเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ ตั้งอยู่ในท้องที่ หมู่ที่ 1 บ้านหนองยอ ตำบลช้างขวา อำเภอกาญจนดิษฐ์  จังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากที่ว่าการอำเภอกาญจนดิษฐ์ประมาณ 3 กิโลเมตร จากบ้านดอนประมาณ 15 กิโลเมตรตามทางสาย 401 ตรงสามแยกไฟแดงกาญจนดิษฐ์ มีทางแยกทางขวาไปวัดถ้ำคูหาประมาณ 1 กิโลเมตร หรือถ้าตรงไปที่สี่แยกไฟแดงถัดไป เลี้ยวขวาไปแระมาณ ครึ่งกิโลเมตร มีทางแยกขวา ไปทางนี้ตรงไปถึงหน้าวัดเลย
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-8 06:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


พระพุทธไสยาสน์ พระประธานในคูหาวิหาร
วัดถ้ำคูหา จ.สุราษฎร์ธานี




พระพุทธไสยาสน์ และพระพุทธรูปปางต่างๆ
ซึ่งสร้างขึ้นมาต่างยุคต่างสมัยประมาณ ๕๑ องค์

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-8 06:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


เขาหินปูนขนาดย่อมที่มีโพรงถ้ำเป็นเสมือนคูหาวิหาร



ด้านหน้าวัดถ้ำคูหา จ.สุราษฎร์ธานี

ขอขอบคุณที่มาของเนื้อหาและรูปภาพ :
http://www.siamfreestyle.com/travel-tip ... B%E0%B8%B2
http://www.suratphotoclub.net/forum/ind ... wtopic=312
http://www.siamfreestyle.com/travel-att ... B8%B2.html
https://www.facebook.com/media/set/?set ... 790&type=3

นอนอย่างไรจึงเรียก “สีหไสยาสน์” : มหานาลันทา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=28581                                                                                       
.............................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=47611

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้