ท่องกรุงมุ่งสักการะ 9 รอยพระพุทธบาท

kit007

รอยพระพุทธบาทจำลอง ประดิษฐาน ณ พระมณฑปสีขาว วัดอินทรวิหาร


ท่องกรุงมุ่งสักการะ 9 รอยพระพุทธบาท

จากการที่ได้ไปเยือนไปย่างรับบุญรับมหากุศลยังวัดต่างๆ มาหลายแห่งในเมืองกรุง สิ่งหนึ่งที่สังเกตคือ บางวัดนอกจากจะมีพระวิหาร พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ ฯลฯ แล้ว ยังมี “รอยพระพุทธบาทจำลอง” ให้เราๆ ชาวพุทธได้มากราบไหว้และสักการบูชากัน
      
โดยความเชื่อที่ว่า “รอยพระพุทธบาท” หมายถึง รอยเท้าของพระพุทธเจ้า มีมาตั้งแต่สมัยอินเดียโบราณ ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่จะมีการสร้างพระพุทธรูป เมื่อภายหลังจากที่มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้น รอยพระพุทธบาทได้กลายเป็นสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงความเป็นดินแดนสิริมงคล ซึ่งก็คือดินแดนที่พระพุทธองค์ได้เสด็จดำเนินไปถึง

บางตำนานเชื่อว่า รอยพระพุทธบาท มี 4 รอย ได้แก่ ที่สะดือทะเล จ.นครศรีธรรมราช, เขาชินจุกุ, ภูเขาสุวรณบรรพต จ.สระบุรี และที่สุวัณณมาลิก แต่อีกบางตำนานก็เชื่อกันว่า รอยพระพุทธบาทมีอยู่ด้วยกัน 5 รอย ได้แก่ ที่ภูเขาสุวรณบรรพต จ.สระบุรี, เขาสุวัณณมาลิก, เขาสุมนกูฏ, เมืองโยนกบุรี และหาดทรายในลำน้ำนัมมทานที
      
ตำนานใดจะจริงเท็จอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ คือชาวพุทธต่างเคารพนับถือรอยพระพุทธบาททั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นจากตำนานใด หรือจะเป็นรอยพระพุทธบาทจริงหรือจำลองก็ตาม และสำหรับในกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรของเราก็มีรอยพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานอยู่ในหลายต่อหลายวัดด้วยกัน ส่วนวัตถุประสงค์หลักในการสร้างขึ้นมา ก็คิดว่าคงเป็นอื่นใดไปไม่ได้ นอกเสียจากว่าเพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลนั่นเอง

ในครั้งนี้แม้ ‘ผู้จัดการท่องเที่ยว’ จะมุ่งหน้าเข้าวัดเหมือนเช่นเคย แต่จุดมุ่งหมายนั้นคือการค้นหาและสักการบูชา “รอยพระพุทธบาทจำลอง” 9 วัดในกรุงเทพมหานคร (จากจำนวนมากมายหลายวัด) โดยเริ่มต้นทริปท่องเที่ยวอิ่มบุญอันเป็นสิริมงคลครั้งนี้ ด้วยการไปไหว้รอยพระพุทธบาทจำลองที่ “วัดอินทรวิหาร” พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ในย่านบางขุนพรหม
      
วัดแห่งนี้หากใครได้มีโอกาสเข้าไปจะเห็น “หลวงพ่อโต หรือ พระศรีอริยเมตไตรย” องค์ใหญ่ยักษ์ เป็นพระพุทธรูปปางยืนทรงบาตร เด่นสง่าสวยงาม ด้านหลังขององค์หลวงพ่อโตมี พระมณฑปสีขาวรอยพระพุทธบาทจำลอง ได้เดินขึ้นบันไดทางด้านวิหารพระประจำวันไป 2 ช่วงก็มาถึงมณฑปสีขาวสะอาดตาแห่งนี้ ภายในมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง สร้างด้วยหินอ่อนสวยงาม หลังจากที่ได้สักการะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จัดแจงกดชัตเตอร์เก็บรูปมาเป็นหลักฐานก่อนจะเดินทางไปยังวัดต่อไป


รอยพระพุทธบาทจำลองภายในวัดอินทรวิหาร

kit007

รอยพระพุทธบาทจำลองภายในวัดชนะสงคราม


วัดที่สองในทริปก็คือ “วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร” พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนจักรพงษ์ ในย่านบางลำพู ถือว่าเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับถนนข้าวสารมากเลยทีเดียว จากด้านหน้าของวัดก็ได้เข้าไปกราบพระประธานในพระอุโบสถ นามว่า “พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์ มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดาอนาวรญาณ” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย แล้วก็เดินเลาะพระอุโบสถไปยังด้านหลัง ก็เจอกับ รอยพระพุทธบาทจำลอง ที่ตั้งประดิษฐานอยู่ภายใต้เต็นท์ผ้าใบ สาธุชนที่มายังวัดแห่งนี้อาจจะไม่ทันได้สังเกตเท่าไรเพราะทางวัดไม่ได้สร้างพระวิหารครอบเพื่อเป็นที่ประดิษฐาน (หมายเหตุ : ปัจจุบันทางวัดได้สร้าง พระมณฑป ครอบ รอยพระพุทธบาทจำลอง ไว้แล้ว)


“รอยพระพุทธบาทจำลอง” ประดิษฐานด้านหลังพระอุโบสถ


พระประธานในพระอุโบสถวัดชนะสงคราม


พระอุโบสถวัดชนะสงคราม

kit007

รอยพระพุทธบาทจำลองภายในวัดบวรนิเวศวิหาร


ต่อจากวัดชนะสงคราม ก็ไปต่อยัง “วัดบวรนิเวศวิหาร” พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ในย่านบางลำพู ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก หากเข้าทางประตูเซี่ยวกาง ด้านหน้าจะเห็นพระอุโบสถสูงโดดเด่นเป็นสง่า ภายในประดิษฐานพระประธาน 2 องค์ต่างความงามต่างสมัยด้วยกัน โดยองค์หน้าคือ พระพุทธชินสีห์ (พระประธานสมัยหลัง) และองค์หลังคือ พระสุวรรณเขต หรือที่เรียกกันว่า “พระโต” (พระประธานสมัยแรก) ซึ่งหลังจากกราบไหว้แล้ว ก็เดินเลี้ยวไปทางด้านข้างของพระอุโบสถจะมี ศาลาพระพุทธบาท อันเป็นศาลาเล็กๆ ภายในประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งเป็นแผ่นศิลาสลักรอยพระพุทธบาทคู่

  
ศาลาพระพุทธบาท


สององค์พระประธานต่างความงามต่างสมัย ในพระอุโบสถ

kit007

รอยพระพุทธบาทจำลองภายในวัดสามปลื้ม


จากวัดบวรนิเวศวิหาร ก็เดินทางต่อไปยัง “วัดสามปลื้ม”  หรือ “วัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร” พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร วัดแห่งนี้ได้ชื่อโจษขานในเรื่องของจระเข้วัดสามปลื้ม ที่ภายในบริเวณวัดมีสระเลี้ยงจระเข้ตัวใหญ่ เยื้องหน้าพระอุโบสถ ครั้นยืนชะเงื้อชะโงกจ้องมองเจ้าจระเข้ตัวใหญ่อยู่สักพัก ก็เดินขึ้นบันไดด้านข้างไปยัง พระมณฑปรอยพระพุทธบาท อันสวยงาม ซึ่งภายในประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทจำลอง ที่มีลักษณะลึกกว่าวัดอื่นๆ

kit007

รอยพระพุทธบาทจำลองภายในวัดสุทัศน์ฯ


จากวัดสามปลื้ม ก็เดินทางมายัง “วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร” พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับเสาชิงช้าคู่บ้านคู่เมือง วัดแห่งนี้มีสถานที่สำคัญมากมายอาทิ พระวิหารหลวง ภายในมีพระประธานคือ พระศรีศากยมุณี ภาพจิตกรรมฝาผนังต่างๆ พระอุโบสถก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สำคัญและสวยงาม หากใครจะเข้าไปกราบไหว้ พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระประธานในพระอุโบสถ จะต้องผ่าน รอยพระพุทธบาทจำลอง ที่ประดิษฐานไว้ด้านหน้าทางด้านซ้ายก่อนถึงประตูเข้าสู่ภายในพระอุโบสถ


พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระประธานในพระอุโบสถ


พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง
                                                                                       

kit007

รอยพระพุทธบาทจำลองภายในวัดโพธิ์  
ณ พิพิธภัณฑ์พระพุทธรูป บริเวณพระมณฑป (หอไตรจตุรมุข)


เมื่อสักการะรอยพระพุทธบาทวัดสุทัศนเทพวรารามแล้ว ก็เดินออกทางประตูพระอุโบสถ โบกรถไปยัง “วัดโพธิ์” หรือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร” พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนมหาราช วัดแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยละชาวต่างชาตินิยมแวะเวียนมาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันและทุกวันอีกด้วย
      
เมื่อมาเยือนวัดโพธิ์ครั้งใด จะต้องเห็นนักท่องเที่ยวทั้งหัวดำหัวแดงเดินกันขวักไขว่จนชินตา เพราะนอกจากวัดแห่งนี้จะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ยังเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจ เช่น พระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถที่งดงามราวกับเทวดามาสร้างไว้ พระพุทธไสยาสน์หรือพระนอน ขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย อันงดงามในพระวิหาร และ รอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างถวายไว้ในพระอารามแห่งนี้ ประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑ์พระพุทธรูป บริเวณพระมณฑป (หอไตรจตุรมุข) ที่ด้านหน้ามียักษ์ตนเล็ก 2 ตนเฝ้าประตูอยู่ในตู้กระจก


พระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถ


พระพุทธไสยาสน์ (พระนอน)


ลายจำหลักมุกภาพมงคล ๑๐๘ ประการที่พระบาทพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน)
                                                                                       

kit007

รอยพระพุทธบาทจำลองภายในวัดอรุณฯ


ถัดจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ ขอข้ามแม่น้ำใหญ่เจ้าพระยาไปยังฝั่งธนบุรี โดยใช้เรือข้ามฟากที่ท่าเตียนไปยังท่าวัดอรุณ เพื่อไปสักการะรอยพระพุทธบาทกันต่อที่ “วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร” หรือที่บางคนนิยมเรียกกันว่า “วัดแจ้ง” นั่นเอง
      
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร แห่งนี้ ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้คนมักมายังวัดอรุณราชวรารามเพื่อชม พระปรางค์ พร้อมเข้าไปกราบ พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานในพระอุโบสถ และที่ขาดไม่ได้คือยักษ์ตนใหญ่ 2 ตน คือ ยักษ์ด้านเหนือกายสีขาวชื่อ ‘สหัสเดชะ’ และยักษ์ด้านใต้กายสีเขียวชื่อ ‘ทศกัณฐ์’ ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสถอย่างแข็งขัน
      
ส่วนอีกสถานที่หนึ่งที่อยากจะให้แวะเวียนไปชมก็คือ พระมณฑปพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพระเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ 4 องค์ และพระวิหารใหญ่ ฐานของพระมณฑปเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก่ออิฐถือปูนประดับด้วยกระเบื้องถ้วยสีต่างๆ มีฐานทักษิณ 2 ชั้น อยู่ระหว่างพระอุโบสถและพระวิหารใหญ่ พวกเราจึงได้เดินขึ้นบันไดสูงของพระมณฑปเพื่อขึ้นไปยังที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทจำลอง อันเป็นหินสลักจากกวางตุ้ง พร้อมทั้งกราบไหว้ขอพรก่อนที่จะเดินทางไปยังวัดต่อไป


พระมณฑปพระพุทธบาทจำลอง อันสวยงามที่วัดอรุณฯ


พระปรางค์ วัดอรุณราชวรารามฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

kit007

พระมณฑปรอยพระพุทธบาทจำลองที่วัดอมรินทราราม


“วัดอมรินทราราม ราชวรวิหาร” ตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดราชวรวิหาร หากสาธุชนท่านใดมาที่วัดแห่งนี้ ก็ต้องมาไหว้ พระพุทธฉายจำลอง และรอยพระพุทธบาทจำลอง โดย พระมณฑปของรอยพระพุทธบาทจำลอง นี้จัดว่าเป็นมณฑปที่สวยงามแห่งหนึ่งเลยทีเดียว แม้ปัจจุบันจะดูทรุดโทรมตามกาลเวลาก็ตาม
      
สำหรับพระมณฑปรอยพระพุทธบาทจำลองที่วัดแห่งนี้ จะเปิดให้สาธุชนและประชาชนทั่วไปเข้าไปสักการะรอยพระพุทธบาทจำลองด้านใน ได้เฉพาะในวันงานประจำปีของวัดเท่านั้น แต่ถึงแม้จะปิด ก็คิดว่าไม่เป็นไร เราบูชาอธิษฐานด้วยใจก็ได้เช่นกัน ขอให้คิดในแง่ดีจะได้มีความสุขใจ

kit007

รอยพระพุทธบาทจำลอง 4 รอย
ประดิษฐานในตู้กระจกภายในวัดพิชัยญาติ


จุดหมายสุดท้ายปลายทางทริปสักการะรอยพระพุทธบาทจำลอง อยู่บนถนนสมเด็จเจ้าพระยา อันเป็นที่ตั้งของ “วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร”  หรือที่คนทั่วไปมักจะเรียกกันว่า “วัดพิชัยญาติ” พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร เมื่อเข้าไปในวัดทางข้างหลังพระอุโบสถจะเห็น พระปรางค์ 3 ยอด องค์สูงใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นสง่า โดยพระปรางค์องค์ใหญ่ซึ่งอยู่ตรงกลางนั้นตั้งอยู่บนฐานสูงดูโดดเด่น ใกล้กันเป็นพระปรางค์องค์เล็ก 2 องค์ คือ องค์ทางซ้ายด้านทิศตะวันออก ประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตร อีกองค์ทางขวาด้านทิศตะวันตก ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองในตู้กระจกถึง 4 รอยด้วยกัน
      
ซึ่งรอยพระพุทธบาททั้ง 4 รอยนั้น น่าจะแทนพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ คือ พระกกุสันธะพุทธเจ้า, พระโกนาคมนะพุทธเจ้า, พระกัสสปะพุทธเจ้า และพระโคตมะพุทธเจ้า โดยพระโคตมะพุทธเจ้า ซึ่งก็คือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้ทรงอธิฐานว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว 2,000 ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้จะปรากฏแก่ปวงมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย เพื่อปวงมนุษย์และเทวดาทั้งหลายจะได้มากราบไหว้และสักการบูชา จึงกำเนิดเป็นพระพุทธบาทสี่รอยตามตำนานเล่าขาน
      
สาธุชนท่านใดที่สนใจจะเปลี่ยนบรรยากาศมาสักการะรอยพระพุทธบาทจำลองก็น่าจะดีไม่น้อย เพื่อการมาวัดจะได้ดูแปลกใหม่ยิ่งขึ้น เหมือนอย่างทริปท่องเที่ยวอิ่มบุญในครั้งนี้


พระปรางค์ 3 ยอด สูงใหญ่โดดเด่นเป็นสง่า ณ วัดพิชัยญาติ


พระอุโบสถวัดพิชัยญาติ มองเห็นยอดพระปรางค์อยู่ด้านหลัง


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“วัดอินทรวิหาร”
ถ.วิสุทธิ์กษัตริย์ แขวงบางขุนพรม เขตพระนคร กทม.

“วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร”
ถ.จักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร กทม.

“วัดบวรนิเวศวิหาร”
ถ.พระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม.

“วัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร”
ถ.จักรวรรดิ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม.

“วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร”
ถ.บำรุงเมือง แขวงราชบพิธ เขตพระนคร กทม.

“วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร”
ถ.สนามไชยและถ.มหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.

“วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร”
ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงวัดอรุณฯ เขตบางกอกใหญ่ กทม.

“วัดอมรินทราราม ราชวรวิหาร”
ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม.

“วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร”
ถ.สมเด็จเจ้าพระยา แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม.

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 ธันวาคม 2550 17:32 น.
                                                                                       
.........................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19798