ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 48091
ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หนุมาน

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย lnw เมื่อ 2014-7-22 15:58

ประวัติหนุมาน
                    ท้าวโคดม  เป็นกษัตริย์ครองเมืองสาเกดมาเป็นเวลานานแต่ไม่มีโอรสธิดาเลย  ต่อมามีความเบื่อหน่ายในราชสมบัติจึงออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ในป่านานถึงสองพันปี  วันหนึ่งนึกขึ้นก็ได้ทำพิธีบูชาไฟแล้วนั่งหลับตาร่ายเวทนาจนกระทั่งบังเกิดสาวสวยผุดขึ้นกลางกองไฟ    พระฤาษีโคดมตั้งชื่อให้นางว่า  กาลอัจนาและได้นางเป็นภรรยาทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข  ต่อมาไม่นานนางกาลอัจนาก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกสาวรูปร่างหน้างดงาม  โดยตั้งชื่อให้ว่า  สวาหะ
                     ทุก ๆ เช้าพระฤาษีจะต้องเข้าป่าเพื่อหาผลไม้มาเป็นอาหาร  แต่ก่อนที่จะออกจากอาศรม  พระฤาษีมักจะสั่งกำชับให้นางกาลอัจนาเลี้ยงลูกอยู่แต่ในอาศรม
                     พระอินทร์ต้องการแบ่งกำลังของพระองค์ไปเกิดในเมืองมนุษย์  เพื่อให้เป็นทหารของพระนารายณ์ซึ่งจะอวตารมาเกิดเป็นพระรามและทำสงครามกับทศกัณฐ์  วันหนึ่งจึงเหาะลงมาจากวิมาน   แล้วเข้าไปหานางกาลอัจนาในอาศรม  ขณะที่พระฤาษีโคดมออกไปหาผลไม้ตามปกติ  พระอินทร์เพียงพูดจาเกี้ยวพาราสีและกอดจูบเล้าโลมให้นางมีความรู้สึกเคลิบเคลิ้มก็สามารถทำให้นางตั้งครรภ์ได้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระองค์  จากนั้นพระอินทร์ก็เหาะกลับไป  พอครรภ์แก่ครบกำหนดนางกาลอัจนาก็คลอดลูกออกมาเป็นชาย  มีกายสีเขียวเหมมือนพระอินทร์  พระฤาษีคิดว่าเป็นลูกของตน  จึงรักใคร่เลี้ยงดูอย่างทนุถนอมยิ่งกว่านางสวาหะเสียอีก    อีกไม่นานต่อมาขณะที่พระฤาษีออกป่าไปหาผลไม้  นางกาลอัจนานั่งมองพระอาทิตย์อยู่ในอาศรม  นางรู้สึกรักใคร่หลงใหลพระอาทิตย์มาก  พระอาทิตย์นั้นต้องการแบ่งกำลังของพระองค์ไปเกิดเพื่อช่วยพระรามทำศึกจึงลงไปหานาง  ซึ่งต่อมานางก็ให้กำเนิดลูกเป็นชายกายสีแดง  รูปร่างหน้าตาเหมือนพระอาทิตย์  แต่พระฤาษีคิดว่าเป็นลูกของตนจึงให้การเลี้ยงดูอย่างดี
                      วันเวลาล่วงเลย  ไปจนกระทั่งในวันหนึ่งพระฤาษีโคดมพาลูกทั้งสามไปอาบน้ำที่ลำธาร  โดยพระฤาษีอุ้มลูกชายทั้งสอง  และให้นางสวาหะเดินตามไป  นางสวาหะนึกน้อยใจ  เดินบ่นว่าพ่อรักแต่ลูกของคนอื่นอุ้มไปไม่ต้องเดินให้ลำบาก  แต่ลูกของตัวเองต้องเดินไป  พระฤาษีได้ยินเข้าก็ซักถามด้วยความสงสัย  นางสวาหะจึงเล่าเหตุการณ์ที่นางเคยเห็นผู้ชายสองคนมาหาแม่  ก่อนที่แม่จะตั้งครรภ์แล้วให้กำเนิดน้องทั้งสอง    พระฤาษียังไม่ปลงใจเชื่อนางสวาหะเสียทีเดียวนัก  แต่ก็นึกแคลงใจ  เมื่อไปถึงริมลำธารจึงเสี่ยงทายโดยอธิษฐานว่า  จะโยนเด็กทั้งสามลงไปในลำธาร  ถ้าคนใดเป็นลูกของตนให้ว่ายน้ำกลับมาหาตนได้  ถ้าหากไม่ใช่ลูกของตนให้กลายเป็นลิง  ปรากฏว่ามีเพียงนางสวาหะคนเดียวที่ว่ายน้ำกลับมาหาพระฤาษี
                        ส่วนเด็กชายทั้งสองกลายเป็นลิงว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งตรงกันข้ามและวิ่งเข้าป่าไป พระอินทร์กับพระอาทิตย์สงสารลูกจึงสร้างเมืองขีดขินขึ้นให้ลูกของพระอินทร์เป็นเจ้าเมืองชื่อว่าพระยากากาศ  ส่วนลูกพระอาทิตย์ชื่อสุครีพได้เป็นอุปราช  ซึ่งภายหลังพระยากากาศได้ช่วยยกเขาพระสุเมรุที่ทรุดลงให้ตั้งขึ้น  พระอิศวรจึงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า  
พาลีธิราช    พระฤาษีโคดมรีบพาลูกสาวกลับอาศรม  เมื่อไปถึงก็ด่าว่านางกาลอัจนาด้วยความค้น  แล้วสาปให้นางเป็นก้อนหินและต้องถูกทหารของพระรามเอาไปถมมหาสมุทร  เพื่อสร้างถนนข้ามไปกรุงลงกาจมอยู่ใต้น้ำเช่นนั้นตลอดกาล    นางกาลอัจนาโกรธนางสวาหะที่ทำให้ถูกสาป  ก่อนที่นางจะกลายเป็นหิน  นางก็สาปลูกสาวให้ไปยืนขาเดียว  อ้าปากกินลมอยู่ที่เขาจักรวาล  จนกว่าจะมีลูกเป็นลิงจึงจะพ้นคำสาป  พระอิศวรจึงทรงใช้ให้พระพายนำกำลังของพระองค์กับอาวุธวิเศษไปซัดเข้าปากของนางสวาหะ  นางก็ตั้งครรภ์ทันที
                        อีกสามสิบเดือนต่อมา  ตรงกับวันอังคาร  เดือนสาม  ปีขาล  ก็มีลิงเผอกเหาะออกจากปากนางสวาหะ  มีกุณฑล  ขนเพชร  เขี้ยวแก้วและตรีเพชรเป็นอาวุธ  แผลงฤทธิ์ให้มีแปดมือ  สี่หน้า  หาวเป็นดาวเป็นเดือนได้  พระพายตั้งชื่อให้ว่า  หนุมาน  นางสวาหะสั่งว่าผู้ที่มองเห็นกุณฑล  ขนเพชร  เขี้ยวแก้ว  คือพระนารายณ์อวตารให้หนุมานถวายตัวเป็นทหารของพระองค์   หนุมานได้ขอลาแม่เพื่อเหาะท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ จนถึงสวนของพระอุมามเหสีของพระอิศวร  หนุมานเข้าไปปีนป่ายเก็บผลไม้กินบ้างหักกิ่งไม้และถอนต้นไม้เล่นบ้างด้วยความซุกซนตามประสาลิง    พระอุมาทรงทราบก็โกรธมาก  สาปหนุมานให้กำลังลดลงครึ่งหนึ่ง  จนกว่าจะพบพระนารายณ์ซึ่งอวตารเป็นพระราม  และพระองค์ลูบหลังให้ตั้งแต่หัวจรดหาง  ๓  ครั้ง  จึงจะพ้นคำสาป    ทางด้านพระรามพระลักษณ์  หลังจากที่นางสีดาถูกทศกัณฑ์ลักพาตัวไปแล้ว  ทั้งสองพระองค์ก็รีบเร่งเดินทางติดตามไปช่วยเหลือนางสีดาทันที
                        วันหนึ่งหนุมานเที่ยวเล่นอยู่ในป่า  ก็พบพระรามนอนหนุนตักพะลักษณ์อยู่ใต้ต้นหว้า  หนุมานเห็นสองพระองค์มีสง่าราศี  รูปร่างหน้าตาก็งดงาม  จึงอยากเป็นมิตรด้วย  ก็เนรมิตร่างให้เล็กลงและโหนเถาวัลย์ขึ้นไปบนต้นหว้าแล้วรุดใบโปรยลงมาให้ถูกพระราม   พระลักษณ์เห็นใบไม้สด  ๆ ร่วงลงมามากมาย  ก็แหงนหน้าขึ้นดูและโบกมือไล่หนุมานโดยไม่กล้าส่งเสียงดัง  เพราเกรงว่าพระรามจะตกใจตื่น  ทว่าหนุมานกลับรูดใบหว้าโปรยลงมาอีก  ทำให้พระลักษณ์โมโหคว้าศรขึ้นเงื้อง่า  แต่ถูกหนุมานกระโจนลงมาแย่งไปได้แล้วขึ้นไปกระโดดโลดเต้นล่อหลอกบนต้นหว้า  พระลักษณ์จึงต้องปลุกพระราม    พระรามเห็นลิงน้อยสีขาวผ่องท่าทางองอาจก็ทรงเอ็นดู  บอกกับพระลักษณ์ว่าคงมิใช่ลิงธรรมดาเพราะมีกุณฑล  ขนเพชร  เขี้ยวแก้ว  หนุมานได้ยินจึงกลับร่างให้สูงใหญ่เท่าเดิม  ลงจากต้นไม้เอาคันศรถวายคืนให้พระราม  พร้อมกับขอถวายตัวเป็นทหารของพระองค์
                          ครั้นหนุมานทราบว่าพระราม  พระลักษณ์  จะเสดํจไปตามนางสีดาที่กรุงลงกา  และต้องรบกับทศกัณฐ์ซึ่งเป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์เดช  จึงทูลลาไปหาสุครีพน้าชายของตนและพามาเฝ้าพระองค์     สุครีพขอให้พระรามช่วยสังหารพาลีพี่ชายของตนเสียก่อน  เพราะพาลีผดคำสาบานต่อพระอิศวรและพระนารายณ์ริบเอานางแก้วดาราที่พระอิศวรฝากมาให้สุครีพไปเป็นภรรยาของตน  เมื่อพาลีตายแล้วจึงจะเกณฑ์ไพร่พลลิงจากเมืองขีดขิมาช่วยทำสงครามได้   พระรามให้สุครีพไปท้าพาลีมารบกัน  ขณะพาลีกับสุครีพต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ  พระรามก็แผลงศรไปสังหารพาลี  แต่พาลีคว้าศรไว้ได้แล้วลงมาต่อว่าพระราม  พระรามบอกพาลีว่าพระองค์คือพระนารายณ์อวตารพร้อมกับสำแดงว่าเป็นพระนารายณ์  และเตือนพาลีให้นึกถึงคำสาบานที่ให้ไว้กับพระองค์เมื่อครั้งรับฝากนางแก้วดารามาให้สุครีพ  พาลีจึงสำนึกผิดเอาศรปักอกตนเองถึงแก่ความตาย
                            ต่อมาหนุมานกับสุครีพรับบัญชาจากพระรามให้ไปเชิญท้าวมหาชมพูจากเมืองชมพูมาเฝ้าพระองค์  แต่ท้าวมหาชมพูไม่ยอมมาเฝ้า  หนุมานจึงสะกดท้าวมหาชมพูให้หลับแล้วยกไปถวายพระรามทั้งเตียง  ทำให้พระรามพอพระทัยมากทรงลูบหัวไปตลอดหาง  หนุมานก็พ้นคำสาปของพระอุมาได้กำลังกลับคืนมา




แหล่งอ้างอิง

อุดม ดุจศรีวัชร, ปรีชา กาบแก้ว. (2536). กำเนิดหนุมาน. กรุงเทพฯ : ทิพย์วิสุทธิ.


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-22 15:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ลักษณะหนุมาน



                     เป็นลิงเผือกสีขาวผ่อง  ปากอ้า  ไม่สวมมงกุฎ  เกิดจากกำลังของพระอิศวรและเทพอาวุธที่พระอิศวรให้พระพายนำไปซัดใส่ท้องของนางสวาหะ  หนุมานมีของวิเศษที่ติดตัวมาแต่กำเนิดคือ  กุณฑล  ขนเพชร  และเขี้ยวแก้วที่กลางเพดานปาก  สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีแปดมือ  สีหน้า  หาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ เป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก   อีกทั้งฉลาดเฉลียวยิ่งนัก  เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาก็ได้บรรดาศักดิ์เป็นพระยาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพรรธพงศาและได้ครองกรุงอโยธยาครึ่งหนึ่งตามที่พระรามทรงสัญญาไว้  แต่ไม่อาจนั่งบัลลังก์ได้จึงไปครองเมืองนพบุรี  ที่สร้างขึ้นใหม่


แหล่งอ้างอิง
อุดม ดุจศรีวัชร, ปรีชา กาบแก้ว. (2537). ทหารพระราม. กรุงเทพฯ : ทิพย์วิสุทธิ




3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-22 15:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อาวุธของหนุมาน



         อาวุธของหนุมาน  คือ ตรีเพชร (สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว (จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญๆ) มีความเก่งกล้ามาก สามารถแปลงกาย หายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพันแม้ถูกอาวุธของศัตรูทำร้ายจนตาย เมื่อมีลมพัดก็จะฟื้นขึ้นได้อีก



4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-22 15:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ภรรยาและบุตรของหนุมาน
1. นางบุษมาลี เป็นภรรยาคนแรกของหนุมาน
2. เบญกาย ธิดาของพิเภก มีบุตรกับหนุมานคือ อสุรผัด
3. สุพรรณมัจฉา เป็นนางเงือก ธิดาของทศกัณฐ์ ได้เป็นภรรยาขณะจองถนนข้ามกรุงลงกา มีบุตรคือ มัจฉานุ
4. นางวารินทร์ ได้ขณะตามล่าวิรุญจำบัง
5. นางมณโฑ ได้ขณะปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์
6. นางสุวรรณกันยุมา ทศกัณฐ์ประทานให้ ขณะเสแสร้งแปรพักต์ (นางเคยเป็นภรรยาอินทรชิต)
7. นางสนมอื่นๆอีก 5,000 ตน ที่พระรามประทานหลังจากเสร็จศึกกรุงลงกา และหนุมานได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น

พญาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพัฒน์พงศา







5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-22 15:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย lnw เมื่อ 2014-7-22 16:00

ความเชื่อเกี่ยวกับหนุมาน

1. การสักยันต์หนุมาน






          การสักยันต์หนุมานนั้น ท่านคงจะเห็นว่า มันมีหลากหลายรูปแบบ ที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง บ้างก็มี
1 ตัว บ้างก็มี 2-3 ตัวก็มี แต่ใครจะรู้บ้าง ว่าที่ท่านสักยันต์ไปนั้น แต่ละตัวมีชื่อ และความหมายว่าอย่างไรกันบ้างวันนี้เราจะมาอธิบายให้ท่านทราบอย่างละเอียด


สักยันต์หนุมานตัวที่ 1 สุวรรณะ หากสักแล้ว อายุยืนไปไหน มาไหน มีคนเมตตาช่วยเหลือ
สักยันต์หนุมานตัวที่ 2 มนิโย หากสักแล้ว ท่านจะพูดจาเรียบร้อย ตรงไปตรงมา
สักยันต์หนุมานตัวที่ 3 สังคะเมวะจะ หากสักแล้วท่านจะมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์คุ้มครอง
สักยันต์หนุมานตัวที่ 4 สุริยะ หากสักแล้วเป็นท่านจะลูกพระอาทิตย์
สักยันต์หนุมานตัวที่ 5 มุขคะเมวะจะ หากสักแล้ว อุเบกขา (ท่านจะวางตัวเป็นกลาง)
สักยันต์หนุมานตัวที่ 6 อาธิกะมูรัง หากสักแล้วจะเป็นลูกเทวดา เทวดาจะคอยรักษาล้อมรอบตัวเรา
สักยันต์หนุมานตัวที่ 7 มันตรา หากสักแล้วจะมีเพื่อนมากรักพวกพ้อง
สักยันต์หนุมานตัวที่ 8 อุอุอะอะ สวามหามันตัง หากสักแล้ว จะไม่เกรงกลัวใคร ใหญ่ที่สุด ตัวพิเศษ (ย่อจากตัวที่ 9) สวาหะ แม่หนุมานขี่ราชสิงห์เชิญธง มีบุญฤทธิ์มากมาย

          ส่วนความหมายของตัวนะจะเป็นเมตตามหานิยม "นะสาลิกาลิ้นทอง" หากสักแล้ว จะเป็นมหาเสน่ห์ พูดจา จะมีคนหลงรัก "นะหน้าทอง" สักแล้วจะมีคนเมตตาสงสารให้ความช่วยเหลือ "นะหัวใจเศรษฐี" สักแล้วร่ำรวย มีเงินมีทองมากมาย และ "นะไฝเงิน-ไฝทอง" สักแล้ว เมื่อไปพูดอะไรกับใครจะได้เงินได้ทองคล่อง ซึ่งจริงๆ หนุมานมีอิทธิฤทธิ์สูงมาก เหมือนเทพ และมีความว่องไวเป็นพิเศษ อภินิหารแกร่งกล้า   ทั้งนี้ ทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมขึ้นอยู่กับความศรัทธา เลื่อมใส และการปฏิบัติตนของแต่ละบุคคล  หากประพฤติดี ย่อมได้ดีเป็นแน่


2. การบูชาหนุมาน


คาถาบูชาพระหนุมาน

บูชาพระหนุมาน ขอพรให้มีความเข้มแข็ง ชนะศัตรู มีแต่ความแข็งแกร่งไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งใด
ขอพรหนุมานให้ประทานความซื่อสัตย์จากผู้ใต้บังคับบัญชา และประทานความรักใคร่เอ็นดูจากผู้บังคับบัญชา
ให้พรเจ้านาย-หัวหน้า-ลูกน้อง-บริวาร มีแต่ความกลมเกลียวสามัคคี ไม่เกลียดชังกัน



การบูชาพระหนุมาน ควรบูชาควบคู่กับพระราม มีบทสวดให้เลือก คือ


- โอม ศรี หนุมาน นะมะห์
- โอม ศรี หนุมัทเต นะมะห์
- โอม ศรี รามะ ชยะ ชยะ รามะ
โอม ศรี หนุมานะ ชยะ ชยะ หนุมานะ
- โอม อัญจาเนยายะ วิดมาเห
มหาบัลลาเย ดีมาฮี
ตันโน หนุมาน ประโจทะยาต
- โอม อันจานี สุทายะชา วิดมาเห
วายุ ปุตรายะชา ดีมาฮี
ตันโน มรุทถี ประโจทะยาต
- โอม มะโนจาวัม มารุตาตุละยาเวกัม
จิเทนทริยัม พุทธิมาตัม วาริสะตัม
วาตัตตะมาชัม วานะรายุ ธ มุขยัม

ศรีราม ทุตัม สาระนัม ประปัทเย





6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-22 15:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
บทบาทหนุมานบางตอนในเรื่อง รามเกียรติ์
หนุมานเผาลงกา (น้ำบ่อน้อย)
                 พระรามให้หนุมานลอบเข้าไปในกรุงลงกา  เพื่อสืบข่าวนางสีดา  เมื่อหนุมานไปถึงได้ร่ายมนต์สะกดพวกยักษ์ให้หลับกันหมดทั้งเมือง  แล้วเข้าไปในปราสาทหลังหนึ่งพบทศกัณฐ์นอนอยู่กับหญิงงามนางหนึ่งบนแท่น  หนุมานพิจารณาดูแล้วก็รู้ว่านางนั้นคือนางมณโฑมเหสีของทศกัณฐ์นั่นเอง
                หนุมานจึงเข้าไปค้นหานางสีดาในปราสาทหลังอื่น ๆ จนทั่วพระราชวังก็ไม่พบนางสีดาแต่อย่างใดหนุมานนึกถึงพระนารถฤาษีขึ้นมาได้ก็รีบเหาะไปถามทันที  ได้ความว่าทศกัณฐ์พานางสีดาไปกักบริเวณไว้ที่พลับพลาในสวนขวัญ  หนุมานดีใจเหาะกลับเข้าเมืองลงกาอีกครั้งหนึ่ง
                เมื่อหนุมานมาถึงสวนขวัญ  ก็แอบซุ่มดูนางสีดาอยู่ห่าง ๆ รอให้ถึงเวลากลางคืนจึงจะเข้าไปหา  เห็นนางมีท่าทีเศร้าสร้อยก็นึกสงสาร
                พลบค่ำวันนั้น  ทศกัณฐ์คิดถึงนางสีดาจนทนไม่ไหว  จึงลงไปหานางในสวน  พยายามพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนหวานให้นางรับรัก  นางสีดากลับด่าว่าทศกัณฐ์อย่างรุนแรงด้วยความโกรธและเกลียด  ทำให้ทศกัณฐ์จำต้องกลับไปอย่างผิดหวัง  นางสีดานึกทอดอาลัยในชะตากรรมจึงผูกคอตาย  แต่หนุมานเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน  แล้วมอบแหวนกับผ้าสไบที่พระรามฝากมามอบให้  พร้อมกับบอกข่าวว่าพระรามกำลังเตรียมจะยกทัพมาช่วย  ขอให้นางอดทนรอไปก่อน


                หนุมานลานางสีดา  แล้วก็ออกสำรวจดูลู่ทางในเมืองลงกาจนทั่ว  และถือโอกาสฆ่าพวกยักษ์เพื่อตัดกำลังลงเสียบ้างแล้วแผลงฤทธิ์หักต้นไม้ในสวนจนแหลกลาญล้มระเนระนาด  ทหารยักษ์ที่เฝ้าสวนเข้าขัดขวางก็ถูกฆ่าตายเกลื่อนกลาด  ทหารที่รอดตายก็รีบไปแจ้งเหตุแก่สหัสกุมารซึ่งเป็นโอรสจำนวน ๑  พันตนของทศกัณฐ์  สหัสกุมารพากันมาล้อมจับหนุมาน  แต่ก็ถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น  ทศกัณฐ์ทราบเรื่องก็โกรธ  สั่งให้อินทรชิตผู้เป็นโอรสออกไปปราบ  อินทรชิตแผลงศรนาคบาศเป็นพญานาคไปมัดตัวหนุมานไว้  
หนุมานก็แกล้งยอมให้จับตัวโดยดี


               ทศกัณฐ์สั่งให้เอาหนุมานไปฒ่าเสีย  เพชฌฆาตให้พวกทหารจับหนุมานใส่ลงไปตำในครกเหล็ก  แต่ถูกหนุมานแย่งสากเหล็กไล่ตีจนพวกยักษ์ตายไปมากมาย  แล้วแกล้งทำเป็นหมดแรงยอมให้จับได้อีก  ทศกัณฐ์เห็นหนุมานมีฤทธิ์มากก็เกลี้ยกล่อมให้หนุมานเป็นพวกตน  แต่หนุมานมารยาว่ากำลังบาดเจ็บสาหัส  ขอให้ทศกัณฐ์ฆ่าตนเสียด้วยการใช้นุ่น  ฟาง และผ้าชุบน้ำมันยางมาพันตัวไว้แล้วจุดไฟเผา  พอทหารพันตัวหนุมานเสร็จ  ทศกัณฐ์ก็แกว่งหอกสุรกานต์ให้มีประกายไฟแล้วจุดที่ตัวหนุมาน  พอไฟลุกโชติช่วงทั้งตัว  หนุมานก็วิ่งเข้าไปในท้องพระโรง  และปราสาทราชฐานทุกหลังแล้วกระโดดขึ้นหลังคา  เที่ยวจุดไฟไปทั่วกรุง  จนกรุงลงกาลุกโชติช่วงอยู่ในเปลวเพลิง  ทศกัณฐ์ตกใจยิ่งนัก อุ้มนางมณโฑกับนางกาลอัคคีมเหสีทั้งสองของตนหนีไฟออกมาพร้อมกับบรรดาญาติวงศ์ทั้งหลาย  ทศกัณฐ์พามเหสีทั้งสองขึ้นบุษบกเหาะออกจากเมืองตรงไปที่ยอดเขาสัตนา  โดยมีพวกญาติวงศ์พงศาติดตามไปพักอยู่ที่นั่นด้วย  ทุกตนเฝ้ามองดูเปลวเพลิงเผาผลาญกรุงลงกาอย่างแสนเสียดาย   ฝ่ายหนุมานเห็นไฟไหม้เมืองสมความตั้งใจแล้วก็สลัดเชื้อไฟออกจากตัวเหลือแต่หางที่สลัดไม่หลุดและไฟก็ไม่ยอมดับ  จึงเหาะลงในมหาสมุทรดำผุดดำว่ายอยู่นานก็ยังดับไฟไม่ได้  หนุมานจนปัญญา  จึงเหาะไปหาพระนารถฤาษี  ขอร้องให้ช่วยดับไฟที่หาง  พระฤาษีแนะนำให้ใช้น้ำบ่อน้อยดับไฟ  หนุมานคิดได้รีบเอาปลายหางใส่ปากอมแล้วกลั้นใจไว้  ไฟก็ดับทันที

              จากนั้นหนุมานก็ลาพระฤาษีกลับไปเฝ้าพระราม  ซึ่งเวลาที่พระรามกับพระลักษณ์กำลังสรงน้ำอยู่  หนุมานทูลข่าวของนางสีดา  และเรื่องที่ตนไปเผาเมืองลงกาจนวอดวาย  พระรามโกรธที่หนุมานทำเกินคำสั่ง  แต่เห็นว่ามีความดีความชอบจึงประทานผ้าชุบสรง (ผ้าผลัดอาบน้ำ) ให้เป็นรางวัล  ส่วนทศกัณฐ์คิดสร้างเมืองขึ้นมาใหม่  จึงได้เชิญพระอินทร์และเหล่าเทวดาทั้งหลายมาช่วยกันเนรมิตให้สวยงามราวกับเมืองสวรรค์  ทศกัณฐ์ดีใจยิ่งนัก  พามเหสีทั้งสองและญาติวงศ์พงศาทั้งหมดเดินทางกลับสู่กรุงลงกาด้วยความยินดี  แล้วทศกัณฐ์ก็สั่งให้สมโภชพระนครใหม่อย่างครึกครื้นเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนติดต่อกัน  ประชาชนต่างก็สนุกสนานกันอย่างเต็มที่  ทางฝ่ายพระรามเมื่อทราบข่าวนางสีดาแล้วก็ให้เคลื่อนทัพไปตั้งมั่นที่เชิงเขาคันธมาลา  ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทร  ตรงข้ามกับเกาะอันเป็นที่ตั้งของกรุงลงกาพอดี




แหล่งอ้างอิง
อุดม ดุจศรีวัชร, นำโชค อัมไพรวรรณ, ปรีชา กาบแก้ว. (2536). หนุมานเผากรุงลงกา (น้ำบ่อน้อย). กรุงเทพฯ : ทิพย์วิสุทธิ.

https://sites.google.com/site/hnuman075/3-hnuman/bth-thi-6-bthbath-hnuman-bang-txn-ni-reuxng-ramkeiyrti




ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้