|
มาถึงวัดจนได้ครับ งามไหมครับซุ้มประตูทางเข้า ให้สังเกตุวงกลมเหลือง นั่นคือ ยอดเขา ที่เราจะขึ้นไปครับ
ทางขึ้นไป ช่วงแรกจะเป็นทางคอนกรีตผิวเรียบอย่างดี แต่ก็อย่าดีใจไป เพราะยังไม่ถึง บันไดขั้นแรกที่จะขึ้นไปบนโน้นจริงๆ เดินๆ ไปไหงทางกลายเป็นอย่างนี้ไปได้หว่า...คนที่ไม่เคยมาก็คงนึกแปลกใจว่า หลงทางแล้วหรือเรา.. ไม่หลงหรอกครับ นับจากจุดนี้ ไปเราก็จะมองไม่เห็นยอดเขาไปจนกว่าใกล้จะถึงยอดเขาครับ นี่ยังดีที่เป็นทางปูนซีเมนต์ ผิวหยาบ สมัยก่อนที่ผมมา รู้สึกว่าจะเป็นทางดินลูกรังเลยนะครับ ทำให้คิดว่าตัวเองหลงทางแล้วละมั้ง ถึงแล้วละครับ บันไดขั้นที่ 1 (แต่เอ..ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ทางวัดเขานับบันไดขั้นที่หนึ่งตั้งแต่ จุดแรกที่ผมถ่ายรูปหมู่หน้านกแก้วหรือเปล่า) แต่ช่วงนั้น มีไม่กี่ขั้นเอง ผมจึงคิดว่าขั้นที่หนึ่งแบบต่อเนื่องน่าจะเป็นตรงนี้มากกว่าครับ หันกลับขึ้นไปข้างบน นี่เป็นบันไดช่วงแรกๆ ที่ทอดยาวขึ้นไปเหมือนอย่างไม่รู้จบ หลายคนดีใจที่ ขั้นบันไดช่างเตี้ยสั้นจริงๆ ก้าวทีละ 4 ขั้นยังได้เลยครับ แถมยังมีราวเหล็กไว้ให้เกาะอีก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มีรูปปั้นพระให้หยุดพักกราบไหว้ ขอพรให้ขึ้นได้สำเร็จ ด้วยนะครับ มองลงไปข้างล่าง จะเห็นแนวบันไดคดเคี้ยวแทรกอยู่ระหว่างพงหญ้าเขียวขจี มาถึงพระพุทธรูปจุดที่สอง เป็นรูปปั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เหมือนองค์จริง ที่เป็นมนุษย์ ครับ บนโน้นมีม้านั่งชมวิว อย่างดี ในคราวก่อนไม่มีอย่างนี้ มีแต่ม้านั่งไม้ไผ่ ผุๆ ที่ไม่กล้านั่ง ณ จุดนี้ นั่งชมวิวเพลินใจไปเลย แต่อยู่นานไม่ได้ นี่ก็สามโมงเย็นครึ่งแล้ว เดี่ยวขึ้นไปไม่ถึง มาถึงพระพุทธรูปจุดที่สามแล้ว พื้นที่ดูโทรมอย่างไรชอบกล มาเจอป้ายบอกระยะทาง เอ๊ย..ระยะขั้นบันได ถึงจะถูก มาแค่ 1,676 ขึ้นเหลืออีก 3,790 - 1,676 = 2,114 ขั้น โอ..จะบ้าตาย ขึ้นมาตั้งเยอะ ได้แค่นี้เอง แดดก็ร้อน นี่ถ้าไม่เคยมีประสบการณ์เคยขึ้นมาได้แล้ว คงต้องท้อ ยกเลิก ภาระกิจเป็นแน่แท้ครับ มาถึงร้านค้ากลางทาง เขากำลังจะปิดแล้ว เพราะนี่ก็สี่โมงเย็นแล้ว ปกติจะไม่มีใครขึ้นมาแล้ว พอดีสวนทางกับ พ่อค้าคนหนึ่งที่เขากำลังลงมา เลยให้เขาตะโกนขึ้นไปบอกว่าอย่าเพิ่งปิด มีคนกำลังขึ้นไป ถ้าร้านปิดภาระกิจนี้ก็จบเห่เลย เพราะน้ำที่เตรียมมาก็หมดแล้ว แต่เส้นทางยังอีกเยอะ ลำพังผมอาจอึดขึ้นไปได้ แต่ลูกชายผม คงเสร็จแน่ๆ เพราะดูๆแล้วเหงื่อกาฬเขาไหลเยอะเลย
|
|