แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-7-22 07:09
ในแวดวงนักสะสมมักจะพูดกันติดปากว่า เสือหลวงพ่อปานหนุมานหลวงพ่อสุ่น ซึ่งแสดงถึงความเก่งกล้าสามารถในการปลุกเสกเครื่องรางของขลังแต่ละชนิด ของแต่ละพระเกจิอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญเวทย์วิทยาคมไม่เหมือนกัน และถ้าเป็นเรื่อง หนุมาน แล้วก็คงไม่มีใครเกิน หนุมาน ของพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าที่เรืองเวทย์วิทยาคมอย่างหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี "ขุนกระบี่วานร ฤทธิเกริกไกร หนึ่งในสยาม" คือสมญานามที่คนในวงการพระเครื่องตั้งให้กับ หนุมาน หลวงพ่อสุ่น นับเป็นสุดยอดของขลังหนึ่งในชุดเบญจภาคี ที่นักสะสมใฝ่หาไว้มาครอบครองบูชา
![](http://p4.isanook.com/me/0/ud/0/1463/hanuman_main_pic.jpg)
ประวัติความเป็นมา
![](http://p4.isanook.com/me/0/ud/0/1463/6347959694130500001.jpg)
หลวงพ่อสุ่น มีนามเดิมว่า สุ่น นามสกุล ปานกล่ำ ท่านเป็นชาวนนทบุรี ไม่มีใครคราบว่าท่านอุปสมเมื่อไหร่ แต่ที่ทราบคือท่านมีฉายาว่า "จันทโชติก" ในสมัยที่ท่านเป็นพระลูกวัด ท่านมีจริยวัตรที่ดีงามจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน จวบจนเจ้าอาวาสมรณะภาพลง ชาวบ้านจึงได้แต่งตั้งท่านขึ้นเป็นพระอธิการเพื่อครองวัดแทน ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดศาลากุน ตั้งแต่หนุ่ม ปลูกต้นรัก และต้นพุดซ้อน ดูแลอย่างดี ด้วยการทำน้ำมนต์รดต้นไม้ทั้งสองเสมอมา แม้จะไม่มีใครรู้ว่าท่านศึกษาเล่าเรียนมาจากไหนเนื่องจากไม่มีใครกล้าเข้าไปสอบถามจนท่านมรณะภาพลงไป แต่จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในละแวกนั้นเล่าว่า ท่านกับหลวงพ่อกลิ่นวัดสะพานสูงนั้น รักใคร่กันมาก และมักจะไปมาหาสู่กันเสมอ อีกทั้งท่านยังมีเมตตาต่อผู้ที่มากราบไหว้ ใครเจ็บป่วยมาก็รักษาเยียวยาจนหายเป็นปกติ
การสร้างหนุมานของหลวงพ่อสุ่น
![](http://p4.isanook.com/me/0/ud/0/1463/d5f49ce3216781f6cd55c5c6c6b76508.jpg)
ในสมัยที่ท่านยังเป็นพระลูกวัด ท่านได้นำไม้สองชนิดคือ "ต้นรักซ้อน" และ "พุดซ้อน" มาปลูกไว้ในบริเวณวัด ท่านได้ทำน้ำมนต์รดอยู่ทุกวันจะกระทั่งไม้ทั้งสองนั้นโตได้ที่ และได้ฤกษ์งามยามดี ท่านจึงลงมือขุด โดยทำพิธีพลีก่อนขุด พอเสร็จท่านก็นำไปตากให้แห้งสนิท เมื่อได้ที่แล้วท่านก็ให้ช่างฝีมือแกะสลักหนุมาน เมื่อแกะเสร็จท่านก็รวบรวมหนุมานที่แกะเสร็จทั้งหมดใส่ลงในบาตรของท่าน แล้วเอาผ้าขาวห่อหุ้มภายนอก เก็บไว้ในกุฎิ ครั้นพอถึงวันเสาร์ท่านก็ให้พระลูกวัดลูกศิษย์ของท่านยกเข้าโบสถ์แล้วทำพิธีบวงสรวงบัดพลี เสร็จแล้วท่านจะปิดประตูหน้าต่างลั่นดานโบสถ์ทั้งหมด เพื่อทำการปลุกเสก และจัดเวรยามไม่ให้ไปรบกวนท่าน ซึ่งท่านจะทำการปลุกเสกทุกๆ วันเสาร์ และเอาไปปลุกเสกต่อในกุฎิเช่นนี้ตลอดมา จนกระทั่งครบถ้วนกระบวนวิธี ท่านจึงนำมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ หนุมานของหลวงพ่อสุ่น
มีสองชนิดคือ หนุมานหน้ากระบี่ และหนุมานหน้าโขน ซึ่งหนุมานแต่ละตัวนั้นทำยากมากเพราะต้องใช้ฝีมือช่างที่วิจิตรโดยแท้จริง หนุมานของท่านนั้นดูแล้วมีความเข้มแข็ง แสดงออกถึงความแกล้วกล้า สมเป็นยอดทหาร แต่ของเทียมจะมีลักษณะทรวดทรงต่างๆ ที่แข็งกร้าว ไม่ผึ่งผาย ขาดเอกลักษณ์ สำหรับเนื้อหนุมานนั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 เนื้อ คือ เนื้อไม้พุดซ้อน เนื้อไม้รักซ้อน และเนื้องาช้าง (กล่าวกันว่าที่เป็นเนื้องาช้างนั้นเพราะพอนำไม้พุดและไม้รักซ้อนมาแกะจนหมดแล้ว ท่านถึงได้นำงาช้างมาแกะสลัก และมีจำนวนน้อยมาก) วิธีการพิจารณาดูหนุมานเนื้อไม้
![](http://p4.isanook.com/me/0/ud/0/1463/3db10b53f7817cdc9607f9b681991509.jpg)
ให้พิจารณาดูจากความแห้งของเนื้อไม้ และหนุมานทุกองค์จะเบา ไม่มีน้ำหนัก เพราะไม้หมดยางแล้ว สำหรับเนื้องาช้างนั้นให้ดูจากความเก่า และความวิจิตรของการแกะ เพราะเนื้องาถ้ามีอายุนานเข้าจะเหลือง แห้งสวยงาม อิทธิฤทธิ์ของหนุมาน
มีพุทธคุณเน้นไปทางด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และเมตตามหานิยม คาถากำกับหนุมานให้ว่า "นะมัง เพลิง โมมังปากกระบอก ยะมิให้ออก อุดธังโธอุด ธังอัด อะสังวิสุโรปุสะพูพะ มะอะอุ โอมยะพุทธา ทะโยสตรี สตรี นิสังโห" แม้หลวงพ่อสุ่นจะมรณภาพเป็นเวลากว่า 70 ปีแล้ว แต่เครื่องรางของขลังที่ท่านสร้างยังคงเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือ และยังครองใจนักสะสมจากรุ่นสู่รุ่นอย่างไม่เสื่อมคลาย
เหนือสิ่งอื่นใดเครื่องรางของขลังทั้งหลายที่พระเกจิอาจารย์เรืองเวทย์วิทยาคมได้สร้างขึ้น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้คนครอบครองบูชาระลึกและตั้งมั่นอยู่ในคุณงามความดี หาได้มีไว้เพื่อเบ่งอำนาจบารมีไปในทางที่ผิด ของขลังจะดีอยู่ที่เราประพฤติดี ประพฤติชอบด้วยเช่นกัน
-
|