ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
“ปาฏิหาริย์แห่งพระจักษุธาตุ”
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 1945
ตอบกลับ: 0
“ปาฏิหาริย์แห่งพระจักษุธาตุ”
[คัดลอกลิงก์]
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-3-29 15:15
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
[url=]
[/url]
[url=]
[/url]
1
2
“ปาฏิหาริย์แห่งพระจักษุธาตุ”
พระบรมสารีริกธาตุนั้นคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่พระพุทธศาสนามาหลายพันปี มักจะบรรจุในยอดเจดีย์ ส่วนยอดขององค์พระพุทธรูป เราจะเห็นพระบรมสารีริกธาตุมากมายในสากลจักรวาลและในโลกมนุษย์ มีหลากหลายสีสันและรูปทรง แสดงให้เห็นถึงการนิพพานแห่งพระศาสดาและพระสาวก พระอรหันต์เจ้า พระปัจเจก ฯลฯ
กล่าวกันว่าเมื่อใดเสด็จมาคราวละมากๆ ในโลกมนุษย์ ณ ถิ่นที่ใด ย่อมหมายถึงความสุขสงบร่มเย็น และความรุ่งเรืองแก่ดินแดนนั้นๆ การเสด็จมาโดยปาฏิหาริย์ สำหรับผู้เขียนนั้นยังไม่เคยเห็นครั้งใดเท่านี้มาก่อน โดยเฉพาะพระจักษุธาตุที่มิเคยปรากฏมาช้านาน หลายพันปีแล้วเสด็จสู่สถูป ณ ประเทศเนปาล ดินแดนแห่งที่ประสูติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และครั้งนี้ก็เสด็จ ณ วัดสัมพันธวงศ์ นำความปลาบปลื้มใจแก่สาธุชนถ้วนหน้า และยังมีพระธาตุต่างๆ เสด็จมาไม่ขาดสายจำนวนมหาศาล
ผู้เขียนเองได้ไปนั่งกราบที่กุฏิพระอาจารย์ประจักษ์ และพุทธศาสนิกชนอีกมากมายที่เห็นมาปรากฏ โดยบริเวณรอบกายอย่างอัศจรรย์ จึงขอกล่าวถึงความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุนั้นหมายถึง กระดูกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำว่า “พระธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ” นี้ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Relic” ซึ่งตรงกับภาษาละตินว่า “Reliquiae” แปลว่า ส่วนที่เหลืออยู่ (Remains)
นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าพระนามว่า “ทีปังกร” มาจนถึงพระพุทธเจ้านามว่า “โคดม” การเก็บกระดูก (อัฐิ หรือเป็นกระดูกของคนบริสุทธิ์ ก็นิยมเรียกว่าพระธาตุบ้าง พระสารีริกธาตุบ้าง พระบรมสารีริกธาตุบ้าง) ไว้บูชาสักการะ ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป ข้อความในคัมภีร์กล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานไปแล้ว 4 อย่าง คือ ธาตุเจดีย์ คือพระบรมสารีริกธาตุและเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บริโภคเจดีย์ คือ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ธรรมเจดีย์ คือ จารึกข้อพระธรรม และ อุเทสิกเจดีย์ คือ พระพุทธรูป ธรรมจักร รอยพระพุทธบาท พระแท่นวัชรอาสน์ หรือ สัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า
สิ่งที่ควรบูชาสักการะสูงสุดของชาวพุทธคือ เจดีย์ 4 ประเภทดังกล่าว โดยเฉพาะธาตุเจดีย์นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง การหายไปของพระธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุเป็นเครื่องแสดงถึงความเสื่อมของศาสนาอย่างหนึ่งเรียกว่า “ธาตุอันตรธาน” พระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุนั้นหายไปจากโลกนี้ เป็นเพียงการหายไปจากที่หนึ่งที่คนไม่นิยมปฏิบัติธรรมแล้วไปปรากฏในอีกที่หนึ่งที่คนนิยมปฏิบัติธรรม หรืออาจไม่ปรากฏในที่ไหนเลย จนกว่าจะมีคนปฏิบัติธรรมจึงจะปรากฏ
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระจักษุธาตุนั้น ดังเดิมพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ได้เชิญพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานเมล็ดข้าวสารหัก มาบูชาเพียงอย่างเดียว โดยที่พระอาจารย์ประจักษ์ท่านก็ได้บูชาไว้ประมาณปีกว่าๆ ซึ่งท่านก็ได้เพ่งพิศพิจารณาเฝ้าดูพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในผอบนั้นอยู่ทุกวันๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กระทั่งในวันศุกร์ที่ 16 มกราคม 2552 หลังจากที่พระอาจารย์ประจักษ์ลุกจากจำวัดในตอนใกล้สว่าง ท่านก็ได้ตรวจตราไปยังที่ประดิษฐานพระสารีริกธาตุ แต่วันนี้กลับไม่เป็นเหมือนอย่างเคย พระบรมสารีริกธาตุที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่มีแสงเจิดจ้าระยิบระยับเกิดขึ้น ทำให้ท่านรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
ปรากฏว่ามีพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานเพชรใสวาบวับ น้ำงามบริสุทธิ์ราวกับถูกเจียระไนมาเป็นอย่างดี เสด็จมาอยู่ใจกลางของผอบ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเมล็ดข้าวสารหักได้อย่างอัศจรรย์ ทั้งๆ ที่ผอบนั้นถูกปิดผนึกไว้เป็นอย่างดีถึง 2 ชั้น และไม่มีผู้ใดแตะต้องเลย ซึ่งเป็นความอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นแก่ท่านมาก่อน จากนั้นท่านจึงกราบและจุดธูปเทียนสักการะองค์พระบรมสารีริกธาตุด้วยความปีติสุขเป็นอย่างมาก ท่านได้อธิษฐานจิตถามต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
“พระบรมสารีริกธาตุได้เสด็จมาประทับ ณ ผอบใบนี้นั้น เป็นพระสรีระส่วนใดของพระพุทธองค์ ขอพระพุทธองค์ทรงตอบมาในนิมิตหรือความฝันอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยเถิด”
จากนั้นพระอาจารย์ประจักษ์จึงนั่งภาวนาต่อไป และสิ่งที่ปรากฏให้ได้รับรู้ในจิตก็ได้บ่งบอกว่า “พระบรมสารีริกธาตุที่ได้เสด็จมาประทับนั้น เป็นส่วนของพระจักษุ หรือนัยน์ตานั่นเอง ซึ่งเป็นพระจักษุทั้งซ้ายและขวา รวมพุทธานุภาพเป็นหนึ่งเดียว”
ด้วยความปลื้มปีติที่เปี่ยมล้น ท่านจึงอดไม่ได้ที่จะบอกกล่าวถึงเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา รวมทั้งพระภิกษุที่นับถือ แต่แล้วบางคนกลับสงสัยว่าพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จนั้นเป็นพระจักษุ หรือนัยน์ตาไปได้อย่างไร และเมื่อมีคนสงสัยกันมากๆ เข้า พระอาจารย์ประจักษ์เกรงว่ากลายเป็นการปรามาส และเกิดเป็นปาบกรรมขึ้นได้ ทว่าท่านก็มิอาจที่จะห้ามความคิดและความสังสัยของเหล่ามนุษย์ทั้งหลายได้
กระทั่งในเดือนกันยายนนี้เอง มีลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่าน ถ่ายภาพพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุเอาไว้ ปรากฏว่าภาพที่ถ่ายมองเห็นเป็น “ดวงตา” หรือ “พระจักษุ” อย่างชัดเจนและอัศจรรย์เกินกว่าที่จะบรรยาย ลองดูได้ ณ กุฏิพระอาจารย์ประจักษ์ ภูริปัญโญ ตึกมงคลวิทยา ชั้น 3 วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
สำหรับความอัศจรรย์ของพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ) นั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากที่องค์ท่านเสด็จมาปรากฏได้ไม่นาน พระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆ ก็เสด็จหลั่งไหลตามกันมาอย่างไม่ขาดสาย นับวันก็มีแต่จะมากขึ้น ทำให้สถานที่ประดิษฐานในทุกวันนี้มองดูคับแคบลงไปถนัดตา
ทางวัดป่าศรีคุณารามจึงมีแนวคิดที่จะดำเนินการก่อสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อที่จะเชิญองค์พระจักษุธาตุและพระอรหันต์ธาตุไปประดิษฐานยังสถานที่ที่เหมาะสม ควรค่าแก่การสักการะบูชา เพื่อจะได้เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป
ด้วยอานิสงส์ของท่านทั้งหลาย เพียงอธิษฐานจิต ท่านอาจจะได้พบกับเหตุการณ์มหัศจรรย์ อันเป็นมงคลแก่ชีวิตที่ได้เห็นพระธาตุเสด็จมาให้เห็น เบื้องหน้ารอบกาย เหมือนอย่างเช่นผู้เขียน และพุทธศาสนิกชนได้ประสบมาแล้ว เป็นเครื่องยืนยันว่าผู้ประพฤติกรรมในดินแดนนี้ยังมิสูญสิ้น และพระศาสนาจะยืนยาวด้วยความเจริญรุ่งเรืองชั่วกัลป์
(เขียนและเรียบเรียง โดย ป๊อก เชลซี ถวายเป็นพุทธบูชา)
เขียนและเรียบเรียง โดย ป๊อก เชลซี
ถวายเป็นพุทธบูชา
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...