ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
10 อันดับ ปีศาจในคำภีร์ใบเบิ้ล
1
2
/ 2 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 4943
ตอบกลับ: 11
10 อันดับ ปีศาจในคำภีร์ใบเบิ้ล
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2014-3-27 10:31
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
10 อันดับ ปีศาจในคำภีร์ใบเบิ้ล
ทีมงาน Toptenthailand.com ขอเสนอหัวข้อสุดแสนจะน่าสนใจกันบ้างใน "10 อันดับปีศาจในคำภีร์ใบเบิ้ล" จะมีตัวอะไรกันบ้างเชิญชมได้เลยครับบบบ
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:32
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
10. The Behemoth
อันดับที่ 10 ได้แก่ The Behemoth เช่นเดียวกับเลวีอาธาน ที่นักวิชาการพระคัมภีร์จะพยายามตั้งสมมุติฐานถึงเบเฮโมทในฐานะสิ่งมีชีวิต ***ปกติอย่างหนึ่งในโลก ซึ่ง***โลกที่ถูกตั้งข้อสมมุติฐานว่าอาจเป็นที่มาของเบเฮโมทก็ได้นั้น ได้แก่ ควายน้ำ แรด วัว และ ช้าง แต่ที่เชื่อและได้รับการยอมรับกันมากที่สุดคือ ฮิปโปโปเตมัส เพราะในพระคัมภีร์บทหนังสือของอิศยาห์เอง ก็มีการแปลความตัว ฮิปโปโปเตมัส เป็น Bahamat Negeb หรือ “อสูรแห่งทิศใต้” แต่กระนั้นก็ดี นักวิชาการบางส่วนก็ยังไม่เชื่อในข้อสันนิษฐานนั้น โดยยกประเด็นเรื่องหางมาเป็นข้อโต้แย้ง จากบทบรรยายที่พูดถึงหางที่แกว่งไกวไปมาเหมือนไม้สนซีดาร์ในพระคัมภีร์ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะสื่อถึงช้างเสียมากกว่า ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกัน เชื่อว่าเบเฮโมทน่าจะเป็น***ดึกดำบรรพ์เยี่ยงไดโนเสาร์เสียมากกว่า โดยเฉพาะไดโนเสาร์ในตระกูล ซอร์รอพอด ที่มีลักษณะหลายอย่างตรงตามบทบรรยายของโยบ เช่น เรื่องของขนาดอันใหญ่โต กระดูกเหมือนท่อนเหล็ก ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และหางที่แกว่งเหมือนไม้สนซีดาร์ แต่กระนั้นก็ดี ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่สอดคล้องหลายประการ ทั้งจากหลักฐานทางฟอซซิล และบทบรรยายว่า เบเฮโมท กินหญ้าเป็นอาหารเยี่ยงวัวอีก ซึ่งขัดกับลักษณะฟันและธรรมชาติของซอร์รอพอด
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:33
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
9. The First Beast
อันดับที่ 9 ได้แก่ The First Beast
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
4
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:33
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
8. The Second Beast
อันดับที่ 8 ได้แก่ The Second Beast
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
5
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
7. Unicorns
อันดับที่ 7 ได้แก่ Unicorns ยูนิคอร์น (Unicorn) เป็นสัตว์ในตำนาน เชื่อว่าพบได้ตามป่าทางตอนเหนือของยุโรป ตัวโตเต็มที่มีลักษณะเป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ สง่างาม มีเขาหนึ่งเขาที่กลางหน้าผาก (โดยมากเขาจะเป็นเกลียวด้วย) ลูกยูนิคอร์นแรกเกิดมีขนสีทอง และจะเปลี่ยนเป็นสีเงินก่อนที่จะโตเต็มวัย เขา เลือด และขนของยูนิคอร์นมีคุณสมบัติทางเวทมนตร์สูง โดยทั่วไปยูนิคอร์นจะหลีกเลี่ยงการข้องแวะกับมนุษย์ และจะยอมให้แม่มดเข้าใกล้มากกว่าพ่อมด นอกจากนั้น ยูนิคอร์นยังวิ่งได้เร็วมาก จึงยากที่จะจับตัวได้ ในโลกตะวันตก ยูนิคอร์นถือเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายและรักความสันโดษ เรื่องเล่าของยุโรประบุว่าการจับยูนิคอร์นนั้นต้องใช้สาวพรหมจรรย์เป็นผู้จับยูนิคอร์น ซึ่งยูนิคอร์นจะลืมสัญชาตญาณป่าเถื่อนและเชื่องราวกับเป็นม้าธรรมดา การกล่าวถึงยูนิคอร์นในโลกตะวันตก มีขึ้นครั้งแรกในหนังสือของอินเดีย ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เมื่อประมาณ พ.ศ. 14 บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า "ในประเทศอินเดีย มีลาป่าชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่เท่า ๆ กับม้า ลำตัวของพวกมันมีสีขาว ศีรษะมีสีแดงเข้ม และมีดวงตาสีน้ำเงิน พวกมันมีเขาอยู่บนหน้าผากเขาหนึ่ง ซึ่งมีความยาวประมาณครึ่งเมตร" กล่าวกันว่า ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ผสมระหว่างแรด ละมั่งหิมาลัย และลาป่า เขาของมันมีความแหลมคมมาก โดยมีพื้นสีขาวตรงกลางสีดำ และตรงยอดเป็นสีแดงเลือดหมู
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
6
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
6. Abaddon’s Locusts
อันดับที่ 6 ได้แก่ Abaddon’s Locusts Abaddon (ฮิบรู) หรือ Apollyon หรือ Apollion(กรีก) และอีกชื่อหนึ่ง Abbaton Abaddon ซึ่งหมายถึงการทำลายล้าง หรือความหายนะ เป็นเทวดาตกสวรรค์ ที่อยู่ในนรกที่ลึกที่สุด (Angel of the bottomless pit) ที่ระบุไว้ในหนังสือ Book of Revelation เป็นที่รู้จักในนาม ผู้ทำลายล้าง (The Destroyer) จากการที่เป็นหนึ่งใน destroying angels of the Apocalypse (Apocalypse บันทึกทางศาสนาของยิวหรือคริสเตียน ระหว่างช่วง 200 ปี ก่อนคริสตศักราชถึงปีคริสตศักราชที่ 300) Apollyon หรือ Abaddon เป็นผู้นำของเหล่าปีศาจ อีกอย่างคือราชาเหล่าตั๊กแตน (King of grasshoppers) หรือปีศาจตั๊กแตน (demon locusts) (หมายความว่าเป็นผู้ควบคุมปีศาจตั๊กแตนทั้งหลายมั้ง) ในหนังสือ Book of Revelation ของ St.John ได้บรรยายไว้ว่า มีร่างกายของม้าศึก หน้ามนุษย์ ผมยาวแบบผู้หญิง เขี้ยวฟันสิงโต มีปีกแบบตั๊กแตน และมีหางโค้งงอมีพิษแบบหางแมงป่อง ในหนังสือ Book of Revelation กล่าวไว้ว่า ในศตวรรษที่ 3 Act of Thomas (In the 3rd century Acts of Thomas) Apollyon ได้เปิดประตูนรกออกแล้วปล่อยฝูงปีศาจตั๊กแตนเข้าสู่โลก ไปทรมานเหล่ามนุษย์ หลังจากนั้นเขาก็ถูกตนเองครอบงำ เหมือนกับถูกซาตานควบคุม ไปในนรกที่ลึกที่สุดเป็นเวลา 1000 ปี ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิ้ล(ซึ่งถือว่าเป็น)ของ Philo (ชื่อคน) กล่าวถึง Abaddon ว่าเป็นสถานที่ ไม่ใช่วิญญาณ ไม่ใช่เทวดา และไม่ใช่ปีศาจ คำว่า Abaddon ได้ไปเกี่ยวข้องกับ Sheol (นรก,สถานที่แห่งความตาย) Abaddon ก็เป็นหนึ่งใน Gehenna ด้วยเช่นกัน Gehenna หรือ gehinnam หรือ gehinnom เป็นคำที่ใช้ในชาวยิวและชาวคริสเตียน เขียนถึงสถานที่ๆคนชั่ว หรือคนเลวจะไปเมื่อตายไปแล้ว บางตำนาน ก็กล่าวว่าเป็นอาณาจักรที่ฝังอยู่ในเปลวเพลิงกับหิมะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ในนรกที่โมเสสไป (ศาสดาของศาสนายิว) บทบาทของ Apollyon ในคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้นไม่ชัดเจนนัก บ้างก็บรรยายไว้ว่าเป็นเทวดาที่ดีรับใช้พระเจ้าบ้างก็บรรยายไว้ว่าเป็นเทวดาตกสวรรค์ที่ยอมจำนนให้กับความชั่วร้าย คำว่า Apollyon บางทีก็ใช้ในความหมายว่า นรก เพราะข้อพิสูจน์เก่าแก่ Abaddon เป็นชื่อสถานที่แห่งความตาย ส่วนคำว่า Abbaton หรือ Abaton เป็นชื่อเรียกของ เทวดาแห่งความตาย ที่เรื่องเล่าต่อๆของ Coptic Church ให้ไว้ Coptic Church เป็นชื่ออย่างเป็นทางการของโบสถ์ของคริสเตียนที่ใหญ่ที่สุดในอียิปต์ในการเทศนาที่ชื่อว่า The Enthronment of Abbaton โดย Timothy of Alexandria นั้น Abbaton มีชื่อต้นว่า Muriel และได้รับภารกิจจากพระเจ้าที่สร้างโลก ภารกิจนี้ก็คือการสร้างอดัม (มนุษย์คนแรก) เมื่อภารกิจนี้สำเร็จ ก็ได้ชื่อว่าเป็นเทพผู้พิทักษ์ ทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นเหล่าเทวดา เหล่าปีศาจ สิ่งที่มีตัวตนทั้งหลายต่างเกรงกลัวเขาทั้งสิ้น Abbaton ได้เริ่มการสวดมนต์ และได้รับคำสัญญาจากมนุษย์ที่เคารพบูชาเขาว่า ขอให้ปลอดภัยตลอดช่วงเวลาของชีวิต Abbaton ได้พูดว่าการที่จะมีบทบาทสำคัญในการพิพากษาครั้งสุดท้าย (Last Judgement) จะเป็นเหมือนบุคคลผู้ซึ่งชนะวิญญาณที่หุบเขาแห่งโจซาแพท(Valley of Josaphat) Last Judgement หรือ Judgment Day ก็คือวาระสุดท้ายของโลก ซึ่งจะอุบัติขึ้นหลังจาก การฟื้นคืนชีพของความตาย (Resurrection of the dead) และการมาครั้งที่สอง (Second coming) คือการที่พระเยซูบนสวรรค์ จะกลับมาสู่โลก
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
7
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
5. Horsemen
อันดับที่ 5 ได้แก่ Horsemen มีลักษณะหัวเป็นสิงโต ตัวเป็นม้า หางเหมือนงู พ่นไฟออกจากปากได้อีกด้วย
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
8
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
4. Daniel’s Beasts
อันดับที่ 4 ได้แก่ Daniel’s Beasts
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
9
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
3. The Dragon
อันดับที่ 3 ได้แก่ The Dragon ในตำนานยุโรป มังกรเป็นสัตว์อันตรายและน่าสะพรึงกลัวสำหรับมนุษย์ มังกรจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย การฆ่ามังกรและขึ้นเถลิงราชย์เป็นกษัตริย์. มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ทั้งที่มีตัวตนจริง ๆ และในตำนานต่าง ๆ เช่น กษัตริย์อาเธอร์ ซึ่งมีนามสกุลว่า Pendragon มีความหมายว่า 'ศีรษะของมังกร' หรือ 'หัวหน้ามังกร' และมงกุฎของกษัตริย์อาเธอร์ ก็เป็นรูปมังกร. เราพบมังกรได้ง่ายและบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นในตำนานของทางยุโรปหรือเอเชียก็ตาม เรียกว่าที่ใดมีอารยธรรมและตำนาน ที่นั่นก็ต้องมีมังกรเป็นของคู่กัน. มังกรนั้นมีรูปร่างและลักษณะหลายอย่าง แตกต่างไปตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น แต่โดยทั่ว ๆ ไปแล้วจะมีจุดเด่นคือ เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ ร่างกายใหญ่โต มีพละกำลังมาก บางครั้งอาจพ่นไฟได้ หรือมีอำนาจเวทมนตร์มหาศาล และที่สำคัญคือ บินได้ (อาจจะมีปีกหรือไม่มีก็ได้) โดยขนาดรูปร่างและสีนั้น ก็แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม มังกรที่พบในตำนานของทางยุโรปและของทางเอเชียนั้น ค่อนข้างจะแตกต่างกันในแง่สัญลักษณ์ โดยเฉพาะคติของจีนที่มักจะถือว่า มังกรนั้นคือเทพเจ้า และเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ (ซึ่งเป็นสมมติเทพ) แต่ทางยุโรปนั้นมักจะถือมังกรเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย (อันเป็นคติที่สืบทอดมาจากความหวาดกลัวงูของชาวยุโรป).
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
10
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-3-27 10:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
2. The Nephilim
อันดับที่ 2 ได้แก่ The Nephilim เนฟิลิม คือพวกฑูตสวรรค์กลุ่มหนึ่งที่มีหัวหน้าใหญ่คือลูซิเฟอร์ล่อลวงและพามายังโลก ด้วย พวกนี้เท่าที่มีผู้ศึกษาในต่างประเทศได้ค้นคว้า หาข้อมูลจากแหล่ง ต่าง ๆ และในหนังสือเอโนคจริงจัง พบว่า พวกนี้ครั้งหนึ่งได้เคยลงมาสมสู่กับมนุษย์ผู้หญิงที่เป็นมนุษย์โลกปกติ และให้กำเนิดมนุษย์ประหลาดตัวโต เก่งกาจ ไอคิวสูงมาก และแพร่ขยายไปมาก และก่อให้เกิดมนุษย์ยักษ์ที่มีอายุยืน และมีอยู่ในตำนานมนุษย์ทั่วโลก และแพร่กระจายไปยังสัตว์ เป็นที่มาของ ไดโนเสาร์ และการกลายพันธุ์ของสัตว์แปลก ๆ ซึ่งทำให้เชื่อกันว่านั่นคือการวิวัฒนาการ แต่มันคือการผสมและพยายาม บิดเบือนสิ่งสมบูรณ์ที่พระเจ้าสร้างมาแต่แรก สัตว์ยักษ์ มนุษย์ยักษ์ สัตว์ประหลาด รูปทรงประหลาดผิดปกติ อัปลักษณ์ วิญญาณฑูตสวรรค์ชั่วส่งผบต่อกายภาย หรือวิญญาณส่งผลต่อวัตถุภายนอก วิญญาณชั่วก็ส่งผลให้เกิดรูปกายที่อัปลักษณ์และน่ากลัวด้วย
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1
2
/ 2 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...