นักมวยไทยที่เก่งที่สุดในอดีต

Metha

สำราญศักดิ์ เมืองสุรินทร์

ประวัติ

ชื่อจริง ราญ กิจรัมย์

ฉายา หมัดสากเหล็ก

วันเกิด 18 มิถุนายน พ.ศ. 2502

ภูมิลำเนา จ.บุรีรัมย์

สถิติการชก

พ.ศ. 2528

ชนะน็อค นิคม เพชรโพธิ์ทอง ยก 3

ชนะน็อค แสนเชิง ปิ่นสิชัย ยก 2

ชนะน็อค แมวน้อย ศิษย์ช่าง ยก 3

ชนะคะแนน หยกน้อย แฟร์เท็กซ์

แพ้คะแนน จอมโว เชิญยิ้ม

ชนะน็อค ชาญชัย ส.ธรรมรังสี ยก 1

แพ้คะแนน ฉมวกเพชร ห้าพลัง

แพ้คะแนน สานิตย์ วิชิตเกรียงไกร

Metha

Metha

แก่นศักดิ์ ส.เพลินจิต

แก่นศักดิ์ ส.เพลินจิต

ฉายา  ยอดมวย 2 พศ.

ชื่อจริง  พงษ์ศักดิ์ เชี่ยวชาญ

ชื่อเล่น  แก่น

เกิดเมื่อ  วันที่ 8 เมษายน 2512

ภูมลำเนา  อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

เป็นลูกของ  พ่อลิขิต แม่อำนวย

มีพี่น้อง 4 คน ซึ่งเป็นนักมวยทั้งหมด แก่นศักดิ์เป็นคนที่ 3
เหตุที่เขาหันมาชกมวยก็เพราะพ่อเป็นนักมวยเก่า และเป็นผู้สนับสนุนลูกชายทุกคนให้เอาดีทางกีฬามวยไทย ชกมวยครั้งแรกใช้ชื่อว่า แก่นศักดิ์ ตะปูไทย ที่เวทีสำโรงเมื่อปีพ.ศ.2523 และเอาชนะคะแนนโอบะน้อย มรกต ได้ค่าตัว 200 บาท จากนั้นฝีมือเชิงชกก็แก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ และได้เข้าชกในเวทีมวยมาตรฐานในเมืองกรุงเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2529 ชนะคะแนนฟ้าสะท้าน ลูกพระบาท เมื่อปี 2529 ได้ค่าตัว 2,000 บาท และเข้ามาอยู่ในสังกัด ส.เพลินจิต เมื่อปี 2524

แก่นศักดิ์ถือเป็นนักมวยครบเครื่อง แถมรูปหล่ออีกต่างหาก เลยมีแฟนมวยให้ความสนใจติดตามการชกกันมาก และมีเกียรติประวัติที่น่าประทับใจมากมาย โดยเฉพาะการคว้าแชมป์ฟลายเวตของราชดำเนิน-ลุมพินี และการคว้าตำแหน่งนักมวยไทยยอดเยี่ยมประจำปี 2532-2533 ของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา และช่วงรุ่งเรืองสุดขีดเคยได้ค่าตัวในการชกไฟต์หนึ่งถึง 380,000 บาท

Metha

คฤหาสน์ ส.สุภาวรรณ

คฤหาสน์ ส.สุภาวรรณ อดีตยอดนักมวยไทยชื่อดังในอดีต มีชื่อจริงว่า สุวิทย์ อยู่ชุมพล เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 ที่อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น

เริ่มชกมวยตั้งแต่ พ.ศ. 2531 ในชื่อ “เซียนน้อย ส.พลสมิง” ได้เงินค่าตัว 3,500 บาท ก่อนที่จะโด่งดังที่กรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา โดยคฤหาสน์เป็นแชมป์ถึง 3 รุ่น เวทีลุมพินี คือ ฟลายเวท (112 ปอนด์) โดยการเอาชนะคะแนน “ไอ้เลือดเหล็ก” ไพโรจน์น้อย ส.สยามชัย มาได้, จูเนียร์แบนตั้มเวท (115 ปอนด์) และจูเนียร์เฟเธอร์เวท (122 ปอนด์)

โดยที่คฤหาสน์ เป็นนักมวยที่มีรูปร่างเล็ก เมื่อขึ้นชกจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสมอ บางครั้งต้องต่อน้ำหนักให้แก่คู่ต่อสู้ และถึงขนาดเป็นแชมป์ในรุ่น 122 ปอนด์แล้ว แต่ก็มีรูปร่างและน้ำหนักน้อยกว่าแชมป์รุ่น 118 ปอนด์ หรือแบนตั้มเวท เสียอีก

คฤหาสน์ เป็นนักมวยประเภทจังหวะฝีมือ ชกมวยด้วยความเฉลียวฉลาดและสติปัญญา จนได้รับฉายาจากแฟนมวยว่า “ไอ้เซียน” หรือ “ยอดเซียน” หรือ “ยอดมวยอัจฉริยะ” เคยปะทะฝีมือกับนักมวยชื่อดังร่วมสมัยมาแล้วหลายคน เช่น โอเล่ห์ เกียรติวันเวย์, แก่นศักดิ์ ส.เพลินจิต, “แรมโบ้” พงษ์ศิริ พ.ร่วมฤดี, “ต๋วนเป๋” หนึ่งอุบล ศิษย์เลิศชัย, เรนโบว์ ส.พรานทะเล, วีระพล สหพรหม เป็นต้น จนได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดนักมวยไทยที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบน้ำหนักกันปอนด์ต่อปอนด์คนหนึ่ง

Metha

หลังสวน พันธุ์ยุทธภูมิ

หลังสวน พันธุ์ยุทธภูมิ

ฉายา  ขุนเข่าไร้น้ำใจภูมิลำเนา บ้านต๋อมดง อ.เมือง จ.พะเยา
แชมป์มวยไทยรุ่น 108 ปอนด์, 112 ปอนด์ และ 115 ปอนด์ เวทีมวยลุมพินี
ตำแหน่งเกียรติยศ นักมวยไทยยอดเยี่ยมสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาปี 2530
ค่าตัวสูงสุด 2.5 แสนบาท ชกกับ ราชศักดิ์ ส.วรพิน
คู่ชกที่เคยชกด้วย  วังจั่นน้อย, วีระพล สหพรหม (นครหลวงโปรโมชั่น), คฤหาสน์ ส.สุภาวรรณ,
นำพล หนองกี่พาหุยุทธ, ฉมวกเพชร 5 พลัง, ยอดเพชร ส.จิตรพัฒนา, ดอกไม้ป่า
ป.พงษ์สว่าง, เด็ดดวง ป.พงษ์สว่าง, ตุ๊กตาทอง ป.พงษ์สว่าง

Metha

สามารถ พยัคฆ์อรุณ

ชื่ออื่นๆ :  สามารถ ทิพย์ท่าไม้

วันเกิด :  1962-12-05  

ที่เกิด :  จังหวัดระยอง

:: ประวัติย่อ ::  -ขณะอายุ 10 ขวบเรียนชั้น ป.4 ขึ้นเวทีมวยครั้งแรกก็ฉายแววการเป็นอัจฉริยะมวยไทย เอาชนะคู่ต่อสู้แบบง่ายดาย พร้อมกับได้เงินค่าเหนื่อย 40 บาท ในมวยงานวัดที่ จ.ระยอง ขณะนั้นใช้ชื่อว่า “สามารถ ลูกคลองเขต” จากนั้นย้ายไปอยู่พัทยา โดยช่วงเวลา 5 ปีเท่านั้นเขาสร้างชื่อให้กับตัวเองอย่างรวดเร็วจนเกจิมวยภาคตะวันออกพร้อมใจยกให้เป็น “ยอดไอ้แอ้ด” ของมวยรุ่นเล็ก ปี 2520 ขณะอายุ 15 ปี เดินทางเข้ากรุงเทพฯ และได้ประกาศศักดาชั้นเชิงมวยไทย จนสนั่นวงการ ปราบนักชกดังในรุ่นเดียวกันจนคอมวยยกให้เป็นยอดมวยไทยแห่งยุค โด่งดังยิ่งกว่าพี่ชายแท้ ที่ชื่อ ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ ซึ่งเป็นยอดมวยไทยเช่นกัน โดยสถิติที่จารึกไว้ในเวทีลุมพินี สามารถ พยัคฆ์อรุณ คว้าเข็มขัดแชมป์ได้ถึง 4 เส้น คือ รุ่นพินเวท 102 ปอนด์, จูเนียร์ฟลายเวท 108 ปอนด์, ซูเปอร์แบนตั้มเวท 115 ปอนด์ และ เฟเธอร์เวท 126 ปอนด์ โดยตัวเลขที่น่าสนใจคือ 3 ปีครึ่ง ที่ชก 22 ครั้ง สามารถไม่เคยแพ้นักชกคนไหน จนเขาต้องขยับไปชกในรุ่นที่ใหญ่กว่า และต้องแบกน้ำหนักตลอดเวลา ต่อมาสามารถเบนเข็มไปที่มวยสากลอาชีพ และประสบความสำเร็จเกินคาดเมื่อคว้าแชมป์ซูเปอร์แบนตั้มเวท 122 ปอนด์ ของ WBC สภามวยโลก มาครอง หลังจากชนะน็อค ลูเป้ ปินเตอร์ ในยกที่ 5 เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2529 ที่กรุงเทพฯ ปี 2530 เสียแชมป์ให้กับ “เจฟฟ์ เฟเนช” นักชกออสเตรเลีย ที่ปล่อยหมัดเด็ดส่ง สามารถลงไปกองบนเวทีในยกที่ 4 ท่ามกลางคำครหาว่าเขาล้มมวย สามารถกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีก 7 คนรวด 11 ก.ย.2537 ปิดฉากการชกมวยสากล เมื่อแพ้น็อค “อีลอย โรจาส” ในการชกที่ จ.ตรัง ยกที่ 8 ก่อนที่จะประกาศแขวนนวม พร้อมสถิติสวยหรู ชก 23 ครั้ง, ชนะ 21 ครั้ง, ชนะน็อค 12 ครั้ง, แพ้ 2 ครั้ง หลังจากนั้นสามารถหวนกลับคืนสู่เวทีมวยไทยอีกครั้ง และครั้งนี้เองที่ชื่อของ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ติดตาตรึงใจแฟนมวยจวบจนทุกวันนี้ เพราะชั้นเชิงการชกระดับ “บรมครู” การใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยได้ครบเครื่อง เป็นแม่เหล็ก ดึงดูดแฟนมวยทั่วสารทิศให้หลั่งไหลเข้าเวทีมวยแทบแตกทุกนัด จน “บิ๊กซ้ง” ทรงชัย รัตนสุบรรณ ต้องจ่ายเงินค่าตัวให้กับ “สามารถ” มากที่สุดในชีวิตการเป็นโปรโมเตอร์มวยไทย คือ ไฟท์ละ 400,000 บาท และสถิตินี้ยังยืนยงจวบจนปัจจุบัน ภาพที่ สามารถ พยัคฆ์อรุณ โชว์ลีลาแววตาเหยี่ยว โยกซ้ายหลบขวา หนีพายุหมัดของ ฮวน คิด เมซ่า นักชกชาวเม็กซิกัน ที่ปล่อยกำปั้นเข้าใส่ราวกับห่าฝน แต่ 20 กว่าหมัดของ ฮวน คิด เมซ่า ที่สาดใส่ สามารถนั้น กลายเป็นเพียงแค่การซ้อมชกลมเท่านั้นเอง เพราะมันไม่ได้โดนใบหน้าอันหล่อเหลาของพยัคฆ์จากเมืองระยองได้เลยสักหมัดเดียว บทสรุปของการต่อสู้บนสังเวียนเวทีผืนผ้าใบในวันนั้น สามารถ โชว์ชั้นเชิงมวยสากลได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ก่อนที่จะปล่อยหมัดพิฆาต เช็คบิล ฮวน คิด เมซ่า ให้นอนหลับนับดาวบนเวที ในการชกป้องกันแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท ของ สภามวยโลก WBC ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2529  

ที่มา http://muaythaibynum.wordpress.com/category/นักมวยไทยที่เก่งที่สุด/