|
เนื้อเรื่องตอนที่ 9
- เลียนแบบเลยเจอดี
- ประเพณีบอกศักราช
- สมเด็จใครตั้ง
- สมณศักดิ์กับบรรดาศักดิ์
๐ เลียนแบบเลยเจอดี
การที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เทศน์สั้นเพียง 2-3 คำ แล้วลง เอวังนี้ ได้ปรากฏข่าวแพร่กระจายไปในหมู่พระสงฆ์ทั่วไป และต่างก็มีความคิดว่าควรจะเป็นเช่นนั้น เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จฯพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงผนวชนานถึง 27 พรรษา การศึกษาพระพุทธศาสนาก็ทรงแตกฉานลึกซึ้ง จนกระทั่งสามารถตั้งนิกายคณะสงฆ์ขึ้นใหม่คือ "คณะธรรมยุตินิกาย" หรือที่เราเรียกกันว่า พระธรรมยุติ ปรากฏมาจนปัจจุบัน
ในปีต่อมา ทรงโปรดให้ เจ้าคุณพระธรรมไตรโลก (รอด) วัดโมลีโลกยาราม ฝั่งธนบุรี ถวายเทศนา เนื่องในงานทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุสรณ์ อุทิศถวายสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี 2396
เจ้าคุณพระธรรมไตรโลก พอขึ้นสู่ธรรมาสน์ ดำเนินการเทศน์ ตั้ง นะโม 3 จบ ตั้งคาถาเดินเรื่องแล้วถวายเทศน์อย่างย่อๆ ว่า ธรรมบทใดๆ พระมหาบพิตรทรงทราบหมดแล้ว เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ตามอย่างเจ้าประคุณสมเด็จฯ
พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกริ้ว ตรัสว่า "ตัวเหมือนขรัวโต หรือ จึงเอาอย่าง เทศน์แบบนั้น ยกให้แต่ ขรัวโต เท่านั้น"
ภายหลังต่อมาเจ้าคุณพระธรรมไตรโลก ได้ถวายหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ ด้วยรู้สึกตัวว่า มีผิดเป็นอันมาก เพราะทำให้เสียพระเกียรติ พระราชศรัทธาไป ถ้าสืบไปเบื้องหน้าทำเช่นนี้อีก จะขอลาสิกขาบทออกมารับพระราชอาญาตามโทษานุโทษ
..............................................................
๐ ประเพณีบอกศักราช
ในการเทศน์นั้น ต้องมีการบอกศักราชก่อนเสมอ เพื่อเตือนผู้ฟังว่า ในเวลานั้นเป็นวัน เดือน ปี อะไร ด้วยว่า ปฏิทินกำหนดวันเวลายังไม่แพร่หลายอย่างปัจจุบัน การที่จะรู้ข้างขึ้นข้างแรม จึงมักจะสอบถามพระอยู่เสมอ หรือบางที ถ้าเห็นว่าพระภิกษุสงฆ์ปลงผมก็แสดงว่าวันรุ่งขึ้นจะต้องเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ แน่ ขอประทานโทษ อย่างนี้เรียกว่า เอาหัวพระเป็นปฏิทินนั่นแหละครับ
ปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข 6 จะต้องเรียกว่า "ฉศก" เช่น ปีขาล ฉศก (จ.ศ.๑๒๑๖) คำว่า ฉศก อ่านออกเสียงแต่เดิมมาว่า "ฉ้อ-ศก" ต่อมาเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ถวายเทศนาที่พระที่นั่งอมรินทร์วินิฉัย ท่านถวายศักราชว่า ปีขาล ฉศก (อ่านว่า ฉะ - ศก) พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดว่าท่านบอกถูกต้องตามอักขรวิธีภาษาไทย ได้พระราชทานกัปปิยภัณฑ์ เป็นมูลค่าถึง 6 บาท และทรงให้ประกาศใช้คำว่า ฉศก แทน ฉ้อศก ให้ถือเป็นแบบฉบับสำหรับแผ่นดินสืบต่อไป
..............................................................
๐ สมเด็จใครตั้ง
ต่อมาเจ้าประคุณสมเด็จฯได้ถวายเทศน์ในพระบรมมหาราชวัง จะเป็นงานพระราชพิธีอะไรไม่ทราบ ท่านได้พูดถึงพระอานนท์ โดยใช้คำว่า "สมเด็จพระพุทธอนุชานนท์" พระเจ้าอยู่หัวทรงอยาดทราบว่า ทำไมจึงใช้คำว่า "สมเด็จ" นำหน้านามพระอานนท์ด้วย กาตริย์พระองค์ใดตั้งให้ท่านเป็นสมเด็จโปรดให้ขุนประสิทธิ์อักษรศาสตร์ ไปสอบถามเจ้าประคุณสมเด็จฯ ทีท่านผู้อ่านบางท่าน อาจจะไม่เข้าใจ ในเรื่องตำแหน่งทางคณะสงฆ์ บางที อาจจะงง ผมก็ขอทำความเข้าใจตรงนี้เลยนะครับว่า อันยศของพระสงฆ์ ที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พระราชาคณะ"
สำหรับเมืองไทยเรา พระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์ตามลำดับสูงสุดลงไปหาล่างสุด เพื่อความเป็นระเบียบในการปกครองคณะสงฆ์ ดังนี้
1. ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชมี 1 ตำแหน่ง คือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปัจจุบันปี 2534-ทรงสถาปนา "สมเด็จพระญาณสังวร" อันเป็นตำแหน่งชั้นสมเด็จ (สุพรรณบัฏ) ขึ้นในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกแล้ว)
2. ตำแหน่งชั้น "สมเด็จ" (สุพรรณบัฏ) มี 8 ตำแหน่งคือ
- สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
- สมเด็จพระมหาวีรวงศ์
- สมเด็จพระวันรัต
- สมเด็จพระธีรญาณมุนี
- สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี
- สมเด็จพระพุทธชินวงศ์
- สมเด็จพระมหามุนีวงศ์
- สมเด็จพระพุฒาจารย์
3. ตำแหน่ง ชั้น "รองสมเด็จ" (หิรัญบัฏ) มี 16 ตำแหน่ง เช่น
- พระธรรมปัญยาจารย์
- พระศาสนาโสภณ
- พระวิสุทธิวงศาจารย์
- พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
- พระญาณวโรดม
- พระพิมลธรรม
- พระธรรมวโรดม
- พระธรรมปัญญาบดี
- พระ พุทธวรญาณ
- พระสุเมธาธิบดี
- พระพรหมมุนี เป็นต้น
นอกจากนี้ ก็เป็นพระราชาคณะชั้นล่างๆ ลงมาอีก ที่เรานิยมเรียกอย่างสามัญว่า "เจ้าคุณ" จัดเป็นชั้นๆ ลดหลั่นจากสูงไปหาต่ำ คือ ชั้นธรรม, ชั้นเทพ, ชั้นราช, ชั้นสามัญ พอหลุดจากชั้น "เจ้าคุณ" ก็เป็นชั้นของ "พระครู" เริ่มตั้งแต่พระครูสัญญาบัตร ชั้นพิเศษ, ชั้นเอก, ชั้นโท, ชั้นตรี ต่ำลงไปอีกเป็นพระครูชั้นประทวน พระครูฐานา ฯลฯ เอาไว้ว่ากันอีกทีก็แล้วกันนะครับ
..............................................................
๐ สมณศักดิ์กับบรรดาศักดิ์
แต่เมื่อเทียบยศช้างขุนนางพระที่เรียก "สมณศักดิ์" ของฝ่ายสงฆ์กับ "บรรดาศักดิ์" ของขุนนางฝ่ายบ้านเมืองแล้วก็เทียบได้ดังนี้
สมณศักดิ์................................เท่ากับบรรดาศักดิ์
ชั้นสามัญ................................ชั้นขุน
ชั้นราช...................................ชั้นหลวง
ชั้นเทพ...................................ชั้นพระ
ชั้นธรรม.................................ชั้นพระยา
ชั้นหิรัญบัฏ (รองสมเด็จ)..........ชั้นเจ้าพระยา
ชั้นสุพรรณบัฏ (สมเด็จ)............ชั้นสมเด็จเจ้าพระยา
ก็เป็นอันว่า ตำแหน่ง "สมเด็จ" ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านเติมนำหน้าพระนามพระอานนท์นั้น ไม่ทราบว่าใครแต่งตั้งให้จึงเป็นสาเหตุให้พระเจ้าอยู่หัวทรงมีปุจฉาไป
เจ้าประคุณสมเด็จฯ จะแก้พระราชปุจฉาหรือไม่อย่างไรไม่ปรากฏ ได้แต่เขาเล่ากันมาว่า ท่านได้ถวายพระพรสนองพระราชปุจฉาเป็นทำนองว่า ทีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สิน) วัดสระเกส หรือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (จี่) วัดประยูรวงศาวาส ท่านเหล่านั้นล้วนเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา ยังเรียกว่า"สมเด็จ" ได้ ส่วนพระอานนท์ เป็นถึงพระอรหันตขีณาสพ ไฉนจึงจะเรียก "สมเด็จ" นำหน้าไม่ได้
..............................................................
|
|